ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 722 สนามรบโบราณ
ทวีปเหลยโจว เป็นสถานที่ที่มีสนามรบโบราณมากที่สุดแห่งหนึ่งในแดนใต้
มีสนามรบขนาดใหญ่ทั้งหมดเจ็ดแห่ง เดิมทีการรบกันทั้งเจ็ดส่วนนั้นเป็นศึกคราวเดียวกัน แต่เพราะว่าศึกใหญ่ครั้งสุดท้ายนั้นได้แยกออกเป็นเจ็ดส่วน มันกระจัดกระจายอยู่ในแต่ละที่ของทวีปเสียโจว
หลังจากนั้นก็ได้ถูกปิดผนึกโดยผู้มากความสามารถของสมัยโบราณ สนามรบทั้งเจ็ดแห่งในวันนี้ได้ถูกขนานนามว่าสนามรบโบราณอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจว
มู่เฉียนซีพึมพำกับตนเอง ดูเหมือนว่าอาจารย์ใหญ่ซวนจะไม่ได้หลอกนาง การแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นที่สนามรบโบราณจริง ๆ ด้วย
ถึงแม้ว่ามีความเป็นไปได้ที่กระบี่วิญญาณมังกรเพลิงพิฆาตจะอยู่ในสนามรบโบราณ แต่ว่านางคงจะไม่สามารถไปสุ่มหามันเจอได้ภายในครั้งเดียว นางเองก็ต้องไปหาเบาะแสเกี่ยวกับมันเช่นกัน
เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินสิ่งที่อาจารย์ใหญ่ซวนกล่าวออกมาก็ตะลึงค้าง แค่ฟังคำว่าสนามรบโบราณเพียงคำเดียวนั่นก็ไม่ใช่สถานที่อะไรที่ปลอดภัยแล้ว
แต่ว่าพวกเขานั้นได้ผ่านรอบแรกมาอย่างยากลำบากแล้ว เช่นนั้นจะไม่มีทางยอมแพ้ไปอย่างง่ายดายแน่นอน
“พวกเราเลือกที่จะไปต่อในรอบที่สอง”
“ไม่ว่าจะเจอกับการทดสอบแบบใด! พวกเราจะไม่หวั่นกลัวอย่างแน่นอน!”
“……”
อาจารย์ใหญ่เหลยพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นโบกมือพร้อมกล่าว “เปิดเส้นทางเข้าสู่สนามรบโบราณแห่งที่สี่ ส่งตัวเด็กเหล่านี้เข้าไป!”
ครืน! ที่บนยอดเขานั้นมีเสียงสายฟ้าที่คุ้นเคยดังลอยมา
สายฟ้าฟาดนั้นได้พุ่งตรงมายังพวกเขาและจากนั้นก็ได้พาตัวพวกเขาไปจากยอดเขาของภูเขาจิ่วเหลย
อาจารย์ใหญ่ซวนยิ้มตาหยีกล่าว “ในที่สุดสาวน้อยก็ได้เข้าไปที่สนามรบโบราณได้สำเร็จ หวังว่านางจะได้รับสิ่งที่ดี”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “อาจารย์ใหญ่ แม้ว่าที่สนามรบโบราณนี้จะมีของล้ำค่าที่มากมายที่ผู้มีความสามารถในยุคโบราณได้ทิ้งเอาไว้ แต่แม่สาวน้อยนั่นก็มีของล้ำค่าอยู่ไม่เคยขาด ท่านไม่ได้เตือนนางว่าจงอย่าได้ไปเสี่ยงอันตราย?”
ในขณะที่มีโอกาสก็มีอันตรายแฝงมาด้วยพร้อมกัน โดยเฉพาะสถานที่เช่นสนามรบโบราณนั้น
อาจารย์ใหญ่ซวนกล่าว “คนหนุ่มสาวยังไงละ! มักจะไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นและทุ่มเทต่อสู้กับทุกสิ่ง และเจ้าเฒ่าเหลยนั่นก็คงไม่ปล่อยให้นักเรียนเกิดเรื่องขึ้นที่ด้านในนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นสำนักศึกษาที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจว แต่ถ้าหากทั้งร้อยสำนักร่วมมือกันขึ้นมานั่นจะต้องทำให้เขารับมือไม่ไหวอย่างแน่นอน”
อาจารย์ใหญ่ซวนเดาไว้ไม่ผิด หลังจากที่สำนักศึกษาทั้งหมดได้เข้าไปในสนามรบโบราณแล้ว ก็ได้พบว่าที่บนหลังมือของพวกเขานั้นปรากฏเป็นรูปสีม่วงขึ้นมา
ภาพนั้นก็คือภาพของสายฟ้าทั้งเก้าสาย พวกเขานั้นล้วนตะลึงงัน “นี่มันคือรูปอะไร?”
“นี่มันอะไรกัน?”
ในตอนนี้เองอาจารย์ใหญ่เหลยได้นำพาเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายออกมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
“นี่คือตราสายฟ้าทั้งเก้า! ทันทีที่พวกเจ้าพบเข้ากับอันตรายที่ถึงชีวิต ตราสายฟ้าทั้งเก้านี้จะส่งตัวพวกเจ้าออกมา และแน่นอนว่าขณะเดียวกันกับตอนที่เจ้าถูกส่งออกมานั้นนับว่าพวกเจ้าได้ตกรอบแล้ว”
ดวงตาของทุกคนได้ฉายแววแห่งความเข้าใจแจ่มแจ้งออกมา และในขณะเดียวกันก็โล่งอกออกไปอีกเปลาะหนึ่งด้วย
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนรุ่นหนุ่มสาวเลือดร้อน แต่ว่าพวกเขาก็ยังมีช่วงเวลาที่ดีอีกมากรออยู่ แน่นอนว่าคงไม่อยากให้ชีวิตของตนเองนั้นต้องมาสิ้นลงไวไปนัก
อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าวต่อ “การทดสอบในครั้งนี้ก็คือการเสาะหาของล้ำค่าจากสนามรบโบราณ ของล้ำค่าที่หามาได้จะใช้คัดเลือกผู้ที่จะเข้าสู่รายชื่อหนึ่งร้อยอันดับแรก และเข้าร่วมในการแข่งขันรอบตัดสินครั้งสุดท้าย และของล้ำค่าเหล่านั้นล้วนแต่จะยกให้เป็นของของพวกเจ้า”
กฎนั้นมีความชัดเจนนัก ทุกคนล้วนแต่ฟังกันจนเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว
อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าว “จะต้องเป็นของล้ำค่าจากสนามรบที่สี่แห่งทวีปเหลยโจวเท่านั้น ถ้าหากว่าเอาสิ่งของล้ำค่าอื่นมานับว่าเป็นการทุจริต และจะถูกเชิญออกทันที! ในการประลองยุทธระยะเวลาหนึ่งเดือน ไม่ว่าพวกเจ้าจะหาของล้ำค่าได้มาจากสนามรบโบราณหรือว่าแย่งชิงมาจากผู้อื่น ทั้งหมดล้วนได้รับอนุญาตทั้งสิ้น”
“กฎทั้งหมดนี้ข้าได้กล่าวไปอย่างชัดเจนแล้ว ต่อจากนี้ไปพวกเจ้าจงรื่นรมย์กับงานเลี้ยงแห่งการหาของล้ำค่าในสนามรบโบราณนี้ให้ดี!”
หลังจากที่อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าวจบ ก็ได้หายวับจากไปทันที
ในเวลานี้ ณ ห้องประชุมมีผู้อาวุโสหลายคนกำลังคิ้วชนกันและกล่าวว่า “อาจารย์ใหญ่ จัดการวางแผนเช่นนี้มันจะไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยหรือไม่?”
อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าว “กองกำลังขั้นสำนักนิกายระดับสามทั้งสองแห่งแห่งแดนเหนือและแดนตะวันออกนั่น ได้เล็งสนามรบโบราณแห่งทวีปเหลยโจวของพวกเราเอาไว้แล้ว ใครใช้ให้สนามรบโบราณเป็นสถานที่ที่มีความเป็นไปได้ที่จะมีของล้ำค่าอยู่มากที่สุดเล่า และยังมีอีกอย่างก็คือกระบี่นิรันดร์ที่เป็นหนึ่งในมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ การที่พวกเขาจะลงมือนั้นมันเป็นเรื่องของเวลาช้าเร็วเท่านั้นเอง”
“แน่นอนว่าพวกเราไม่เต็มใจที่จะใส่พานนำไปมอบให้พวกนั้นอยู่แล้ว แต่ว่าจะมีวิธีใด? สำนักนิกายระดับสามเป็นสิ่งที่พวกเราสามารถไปล่วงเกินได้หรือ? การที่สำนักนิกายระดับสามจะล้างบางทำลายพวกเราขึ้นอยู่กับอารมณ์ความคิดเพียงชั่วขณะเท่านั้น”
“ก่อนที่พวกเขาจะลงมือ ให้พวกเด็ก ๆ พวกนี้ได้ของล้ำค่าไปบ้างบางส่วนมันก็มักจะดีกว่าที่จะไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียวในภายหลัง” อาจารย์ใหญ่ซวนกล่าวออกมาพลางถอนหายใจอย่างจนปัญญา
ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยประกายอันเร่าร้อน “พวกเขานั้นเป็นอนาคตของแดนใต้ แดนใต้ของพวกเรานั้นขาดความได้เปรียบโดยกำเนิดจึงไม่สามารถเทียบกับแดนเหนือและแดนตะวันออกได้ แต่ข้าก็ยังรอคอยอยู่เช่นเก่า รอวันที่แดนใต้ของเราจะรุ่งเรืองและปรากฏสุดยอดอัจฉริยะที่ไม่เคยปรากฏขึ้นในแดนเหนือและแดนตะวันออกมาก่อน”
“ในแดนใต้เพียงพึ่งพาการฝึกฝนนั้นไม่อาจที่จะล้ำหน้าอัจฉริยะจากทั้งสามแดนได้เลย แต่ถ้าหากว่าพวกเขาสามารถที่จะหาสิ่งล้ำค่าที่ผู้มีความสามารถในสมัยโบราณได้ทิ้งเอาไว้ได้ละก็ เช่นนั้นผลของมันก็จะแตกต่างออกไป”
ผู้อาวุโสผู้อื่นก็ได้กล่าวขึ้น “หวังว่าจะมีผู้ที่สามารถมีโชคดีนั้นได้ มิเช่นนั้นแล้วแดนใต้ของพวกเราก็จะไม่มีวันเจริญรุ่งเรืองไปตลอดกาล”
การแข่งขันในรอบที่สองนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือการแข่งกันหาสมบัติ
หลังจากอาจารย์ใหญ่เหลยได้กล่าวแนะนำเสร็จสิ้นก็ได้จากไป ส่วนนักศึกษาจากสำนักต่าง ๆ ก็ได้กระจายกันไปคนละหนคนละแห่งและเริ่มเส้นทางแห่งการค้นหาสมบัติขึ้น
สนามรบโบราณนั้นมีอันตรายที่ยังไม่อาจรู้ได้ เพื่อที่จะเป็นการประกันว่าจะไม่ตกรอบไป นักศึกษาของทุกสำนักนั้นก็จะตั้งกลุ่มอยู่ด้วยกัน
นักศึกษาทั้งสิบคนของสำนักศึกษาซวนเสียก็รวมตัวอยู่ด้วยกัน จากนั้นก็ได้เข้าไปในสนามรบโบราณแห่งนี้
แต่ที่ด้านหลังพวกเขานั้นได้มีคนคอยติดตามอยู่ตลอด หนึ่งในพวกนักศึกษาจากสำนักศึกษาซวนเสียกล่าวขึ้น “นั่นเป็นพวกสำนักของจินซ่านซ่าน พวกเขาตามพวกเราทำไม?”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “จินซ่านซ่าน มานี่!”
สำนักศึกษาจินซินนั้นยังคงมีกำลังอยู่บ้าง ในรอบแรกพวกเขานั้นตกรอบไปสามคน มาตอนนี้ยังเหลืออีกเจ็ดคน
“สาวงามมู่ เรียกข้ามีเรื่องอะไรหรือ?” จินซ่านซ่านกล่าวถาม
“เจ้าตามพวกเราสำนักศึกษาซวนเสียทำไม?” มู่เฉียนซีถามกลับ
จินซ่านซ่านแกล้งโง่ “ใช่เหรอ? ไม่มี! ข้าว่าพวกเราก็แค่ผ่านทางมาเท่านั้น”
“อย่าได้มาโกหกข้าอย่างใสซื่อ”
จินซ่านซ่านทำได้แต่ยอมรับชะตากรรม ทำไมถึงได้หลอกนางไม่ได้กันนะ!
เขากล่าว “สาวงามมู่เก่งกาจเช่นนี้ ข้าอยากจะตามเจ้าไปเพราะจะปลอดภัยและได้เก็บเกี่ยวอย่างเฟื่องฟูอย่างแน่นอน ก็เลย…”
“ข้าจะตามเจ้าเฉยๆ จะไม่ก่อเรื่องวุ่นวายให้เจ้า เช่นนี้ยังไม่ได้อีกหรือ?” เขากล่าวขึ้นอย่างน่าสงสาร
ซวนอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “การที่พวกเจ้ามาติดตามก็คือความวุ่นวายอย่างหนึ่ง!”
“ศิษย์พี่ซวนอี้กล่าวมานี้ช่างกล่าวได้คมคายนัก ประหนึ่งเข็มเดียวแทงเห็นเลือด!”
“ถ้าหากว่าเจอสิ่งล้ำค่าเข้าแล้วยังจะต้องมาแบ่งกับพวกเขาอีก นี่มันส่งผลกระทบต่อคะแนนของพวกเราจริงๆ”
“แยกย้ายกันไป อย่าได้คิดจะมาติดเกวียนของพวกเรา สหายมู่ของพวกเรานั้นก็มิใช่นักศึกษาของสำนักเจ้า”
จินซ่านซ่านกล่าว “ถ้าหากว่าพบของล้ำค่าเข้า พวกเจ้าเอาไปเจ็ดส่วน พวกเราสามส่วนได้หรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวปฏิเสธในทันที “ถึงต่อให้พวกเจ้าหนึ่งส่วนและพวกเราเก้าส่วนนั่นก็เป็นไปไม่ได้ สนามรบโบราณแห่งนี้ก็มีโอกาสให้อยู่ไม่น้อย พวกเจ้าไปเผชิญโอกาสของพวกเจ้าโดยตรงก็ไม่มีอะไรไม่ดีนี่!”
“พวกเรากลัว”
“พวกเราได้ไปล่วงเกินคนเอาไว้ไม่น้อย”
“เกือบทุกสำนักของทวีปอวี้โจวนั้นล้วนเกลียดพวกเรา ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะลอบกัดทำให้พวกเราตกรอบไป”
“……”
ด้วยมู่เฉียนซีกล่าวปฏิเสธออกมา พวกคนของสำนักศึกษาจินซินจึงได้กล่าวขึ้นอย่างรีบร้อน