ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 735 พลิกสถานการณ์กลับ
ซวนอี้กล่าวเสียงเข้ม “ถูกโจมตีเข้าแล้ว เช่นนั้นข้าก็ยิ่งต้องแข็งแกร่งขึ้น”
อาจารย์ใหญ่ซวนบ่มเพาะเลี้ยงดูซวนอี้มา ดังนั้นซวนอี้จึงไม่ใช่อัจฉริยะที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวานสุข
แม้ว่าความมั่นใจในตนเองของเขาจะถูกโจมตีอย่างรุนแรงแต่ก็ไม่ได้ทําให้เขาหดหู่ อีกทั้งยังทำให้ความมุ่งมั่นของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้น
อีกฝ่ายส่งคนที่สองออกมาแล้ว เหยียนหลัวแห่งสํานักศึกษาอันดับหนึ่งของทวีปเหยียนโจว
สิ่งที่น่าตกใจก็คือฝ่ายมู่เฉียนซีและพวกกลับส่งจินซ่านซ่านออกมา
จินซ่านซ่าน บุตรชายคนเดียวของอาจารย์ใหญ่แห่งสำนักศึกษาจินซิน หรือจินซ่านซ่านนายน้อยตระกูลจินนั่นเอง
สถานะตัวตนที่ฟังดูค่อนข้างสูงส่ง แต่พรสวรรค์ของจินซ่านซ่านนั้นไม่ได้เท่าไรเลยจริงๆ
มิเช่นนั้นตระกูลของเขาร่ำรวยถึงขนาดนั้น ก็คงไม่ได้แค่ทําให้ความแข็งแกร่งของเขาไปถึงเพียงระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หกเท่านั้น
ระดับหกนี้ความแข็งแกร่งเกินจริงไปมาก เมื่อเทียบกับมู่เฉียนซีจักรพรรดิแห่งภูติขั้นที่หนึ่งที่สามารถใช้พิษได้เกรงว่าจะห่างชั้นกันมาก แต่มู่เฉียนซีกลับส่งจินซ่านซ่านออกมา
ไป๋ชางหัวเราะ ส่งจินซ่านซ่านออกมาในครั้งที่สองนั่นก็ยิ่งดีเลย เขาจะได้จัดการกับคู่อริของเขาพอดี
เหยียนหลัวชําเลืองมองจินซ่านซ่านแล้วกล่าวว่า “เจ้าอ้วน เจ้ายอมแพ้ซะเถอะ! เมื่อถึงเวลานั้นถูกย่างเป็นเนื้อหมูแล้วอย่ามาร้องไห้ล่ะ!”
นายน้อยเหยียนอย่างเขาเองก็ขี้เกียจเกินกว่าจะลงมือกับขยะไร้ประโยชน์เช่นนี้
จินซ่านซ่านหรี่ตาลงและกล่าวว่า “เจ้าหนู เมื่อเวลานั้นมาถึงเจ้าจะถูกฉีกกระชากจนเปลือยต่อหน้าทุกคน ก็อย่าร้องไห้ล่ะ”
“เจ้า…” เหยียนหลัวมองจินซ่านซ่านอย่างโกรธเคือง
“เจ้ามันรนหาที่ตาย!”
จินซ่านซ่านจะเป็นคู่ต่อสู้ของเหยียนหลัวน่ะหรือ ? มันเป็นไปไม่ได้เลย
แต่กลับบางคนอาจใช่!
“นี่เป็นโอกาสของเจ้าที่จะสร้างความดีไถ่โทษ ทําให้ดีล่ะ” ก่อนที่จินซ่านซ่านจะไปประลอง มู่เฉียนซีได้กล่าวกับยอดกระบี่มารเล่มนั้น
ภายใต้การคุกคามของมู่เฉียนซี แม้ว่าเขาจะไม่มีกําลังเหลือมากนัก แต่ในตอนนี้เขาต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเอาชนะให้ได้
ฟึ่บฟึ่บฟึ่บ! ชิ้นส่วนในมิติของจินซ่านซ่านถูกยอดกระบี่มารเรียกออกมาทั้งหมด
ทุกคนรู้สึกดวงตาพร่ามัว กระบี่นับร้อยเล่มร่วงหล่นลงสู่พื้น พลังแปลกประหลาดปกคลุมไปทั่วทั้งสนามรบ
“เหยียนหลัว ระวัง! นี่เป็นค่ายกลกระบี่ ช่างแปลกประหลาดนัก!”
สมแล้วที่เหลยหมิงเป็นศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจของอาจารย์ใหญ่เหลย เขามองแผนการออกในทันที และรีบตะโกนขึ้น
แต่มันก็สายไปเสียแล้ว
แม้ว่าสิ่งที่เรียกว่ายอดมารจะเหลือเพียงจิตวิญญาณที่อ่อนแอ แต่ค่ายกลกระบี่ที่ถูกสร้างขึ้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าเด็กหัวขนนั่นจะสามารถจัดการได้
ตอนนี้เหยียนหลัวไม่มีพลังวิญญาณในค่ายกลกระบี่นี้เลยแม้แต่น้อย แต่จินซ่านซ่านกลับมี
“เจ้า… เจ้าต่ำทราม…” เหยียนหลัวโมโห
จินซ่านซ่านยิ้มอย่างชั่วร้าย “เจ้าหนู เดี๋ยวคอยดูข้าจะทําให้เจ้าได้เจอดีสักหน่อย ในเมื่อกล้ามาดูถูกข้า”
คนหนึ่งที่มีพลังวิญญาณ ส่วนอีกคนที่ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้ นี่เป็นการต่อสู้ที่มีความแข็งแกร่งแตกต่างกันอย่างมาก แม้ว่าเหยียนหลัวจะเป็นอัจฉริยะที่อยู่อันดับสูงจากแดนใต้ แต่ก็ต้องถูกบุคคลที่มีความสามารถธรรมดา ๆ อย่างจินซ่านซ่านซัดเข้าให้แล้ว
ไม่เพียงแค่ทุบตีแต่ยังถูกถอดเสื้อผ้า!
จะว่าไป ก็ใครใช้ให้เจ้าหมอนี่พูดจาดูถูกว่าจะทำเนื้อหมูล่ะ ช่วยไม่ได้!
“เจ้ากล้าดียังไง!” ในเวลานี้ดวงตาของเหยียนหลัวลุกเป็นไฟ
“หึหึหึ! ยังจะมีเรื่องอะไรที่ข้าไม่กล้าทําอีก? ”
“แคว่ก!” จินซ่านซ่านฉีกออกจริงๆ
เหลยหมิงกล่าวด้วยใบหน้าที่หม่นคล้ำว่า “พอได้แล้ว พวกเรายอมแพ้แล้ว!”
มู่เฉียนซีก็ห้ามปรามเช่นกัน “หยุด!”
แม้ว่าจินซ่านซ่านจะต้องการแก้แค้น แต่ก็ได้ทํามันแล้วจริง ๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะชนะแต่เกรงว่าด้านเหยียนโจวนั่นก็อาจจะไล่ฆ่าพวกเขาอยู่ดี
“หมดสนุกละ!” เมื่อหัวหน้าออกคําสั่ง จินซ่านซ่านก็ทำได้เพียงต้องหยุดมือ
เหยียนหลัวรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ครั้งนี้เป็นเขาที่ประมาทเกินไป เขาไม่คิดเลยว่าจินซ่านซ่านจะสามารถควบคุมค่ายกลกระบี่ได้
หากตอนแรกเขาใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดในการปราบจินซ่านซ่านและทําให้เขาไม่สามารถสร้างค่ายกลกระบี่ได้ เช่นนั้นเขาย่อมแข็งแกร่งพอที่จะข่มเหงอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน
เหลยหมิงปลอบใจว่า “แพ้ไปรอบนึงไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้เสมอกันหนึ่งต่อหนึ่ง สตรีผู้นั้นเป็นเพียงระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่งเท่านั้น หากไป๋ชางไม่ใช่ขยะไร้ประโยชน์ เขาจะต้องชนะอย่างแน่นอน”
“ลูกพี่ สุดยอด! ท่านมีค่ายกลกระบี่ที่ทรงพลังเช่นนี้ด้วย! ทำไมไม่รีบบอกพวกเราก่อนหน้านี้! พวกเราเป็นกังวลแทบตาย”
เรื่องนี้ทุกคนในสํานักศึกษาจินซินต่างเลื่อมใสศรัทธาจินซ่านซ่านเป็นอย่างมาก
ลูกพี่ของพวกเขาสามารถเอาชนะอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหยียนโจวได้! ถ้าพูดออกไป ไม่ต้องบอกเลยว่าจะเป็นหน้าเป็นตามากแค่ไหน
เหลยหมิงกล่าวว่า “การประลองครั้งที่สามควรจะเริ่มขึ้นได้แล้ว”
“ได้เลย!” มู่เฉียนซียิ้มและเดินไปที่พื้นที่ประลอง
ไป๋ชางยิ้มอ่อนโยนพลางกล่าว “ในวังใต้ดิน ข้ายังไม่ทันได้ประมือกับแม่นางมู่เลย ตอนนี้ได้มีโอกาสเสียที”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ข้ารู้สึกว่า เจ้าจะต้องเสียใจที่มีโอกาสเช่นนี้”
“ไม่มีทาง!” กล่าวจบ กระบี่ของไป๋ชางก็กวัดแกว่งออกไป
ปัง! มู่เฉียนซีก็ดึงกระบี่มังกรเพลิงออกมาเช่นกัน
การปะทะกันครั้งแรกทําให้ทั้งสองต้องถอยร่นไป
จากนั้นไป๋ชางก็ใช้กระบวนท่า “กระบี่สาดแสง!”
“มังกรเพลิงพิฆาต!”
ไป๋ชางคิดว่ากระบี่เล่มนี้เพียงพอที่จะเอาชนะมู่เฉียนซีระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่งนี้ได้ แต่กลับไม่คาดคิดว่านางจะสามารถใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งกว่านี้ได้
บึ้ม! เสียงดังสนั่น
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง นี่คือพลังการต่อสู้ของระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่งหรือ ?
พวกเขาไม่เคยพบเห็นกระบี่ระดับจักรพรรดิแห่งภูติมาก่อน มันร้ายกาจถึงขนาดนี้เชียว
ดวงตาของไป๋ชางฉายแววประหลาดใจ “ดูเหมือนว่าข้าจะมองเจ้าผิดไป แต่ถ้าเจ้าคิดที่จะเอาชนะข้า นั่นคงเป็นไปไม่ได้”
ไป๋ชางชนะที่มีพลังวิญญาณมากพอ แต่ความเร็วของมู่เฉียนซีนั้นเร็วพอเช่นกัน เวลาของการต่อสู้ในครั้งนี้ มากเสียกว่าเวลาการต่อสู้ของสองรอบที่แล้วมารวมกันเสียอีก
ซวนอี้เองก็กังวลอย่างมาก ไป๋ชางแข็งแกร่งกว่าเขา ตอนที่เฉียนซีอยู่ขั้นที่สองนางเอาชนะเขาได้อย่างหวุดหวิด แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของนางยังไม่ถึงขั้นที่สอง การรับมือกับไป๋ชางนั้นคงยากลำบากมากเป็นแน่
“ทักษะตี้ซวน!”
“ทักษะเทียนซวน!”
บึ้ม บึ้ม บึ้ม!
แม้ว่าจะยากลำบาก แต่มู่เฉียนซีก็ไม่อยากแพ้ให้กับคนไร้ค่าที่ทะนงตนผู้นี้
อย่างไรเสียความยากลำบากที่พวกเขาเจอในตอนนี้ก็เกิดจากเจ้าหมอนี่ทั้งหมด
มู่เฉียนซีไม่กลัวที่จะสิ้นเปลือง เพราะนางไม่มีวันขาดแคลนเม็ดยาอย่างแน่นอน
ไป๋ชางเองก็เป็นนักปรุงยาเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีทางขาดแคลนเม็ดยาเช่นกัน
ทั้งสองต่อสู้ไปพลางใช้ยาระดับสูงมากมายไปอย่างสิ้นเปลือง และเริ่มต่อสู้ด้วยทักษะวิญญาณอันน่าหวาดหวั่นจนทําให้ผู้คนตกตะลึง
แม้แต่เหลยหมิงและพวกเองก็ยังประหลาดใจ!
“มีนักปรุงยามากมายจากสำนักศึกษาหมอเทวดาก็ดี! จะได้ไม่ขาดแคลนยา”
“แต่มู่เฉียนซีไม่ใช่คนของหุบเขาหมอเทวดา นางเอายามาจากไหน ?”
“……”
ผลของการใช้ยาสู้ ต่อให้เหลยหมิงตายก็สู้มู่เฉียนซีไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพหรือปริมาณก็ล้วนด้อยกว่ามาก
สิ่งที่ทําให้ไป๋ชางยิ่งกระอักเลือดก็คือมู่เฉียนซีทะลวงผ่านระดับแล้ว
พลังวิญญาณทั้งหมดรอบ ๆ ถูกรวมตัวกันอยู่ในร่างของมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีกลับคืนสู่ระดับจักพรรดิแห่งภูตขั้นที่สองได้อย่างราบรื่น
จินซ่านซ่านกล่าวด้วยความตื่นเต้นดีใจ “พี่ใหญ่มู่ได้ทะลวงผ่านระดับสองแล้ว เยี่ยมไปเลย!”
แต่การทะลวงผ่านระดับสอง ก็ยังด้อยกว่าอยู่ห้าระดับ จะสามารถเอาชนะได้จริงหรือ?
ซวนอี้กําหมัดแน่น เฉียนซีจะต้องชนะอย่างแน่นอน
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เข็มยาของมู่เฉียนซีลอยออกไป
ไป๋ชางกล่าวอย่างเย็นชา “อาจมีนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่ข้าก็เป็นศิษย์ของสํานักศึกษาหมอเทวดา ยังจะต้องกลัวเจ้าอีกหรือ?”