ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 753 อยู่โดดเดี่ยวไม่ได้
ในขณะที่มู่เฉียนซีกับชิงอิ่งพรวดเข้าไปในป่าดึกดำบรรพ์ คนของกลุ่มผู้นำเจ็ดอสูรก็มาถึงพอดี
“นึกไม่ถึงว่าสาวน้อยผู้นั้นจะเข้าไปในป่าเชียนโยวดึกดำบรรพ์ ตกลงจะตามไปหรือไม่”
“ท่านผู้นำมีคำสั่งว่าจะต้องฆ่าสาวน้อยผู้นั้นให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม” คนผู้นั้นที่ตามมากล่าวเสียงขรึม
“ไป!”
ต่อให้เป็นป่าดึกดำบรรพ์ ครั้งนี้พวกเขาก็ต้องตามเข้าไป
ตอนนี้ภายในป่าเชียนโยว ผู้นำหลานมองไปที่ซางเวิงด้วยความโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก “เพราะเหตุใด เรื่องนี้ข้าไม่ได้ทำคนเดียว หลังจากนี้เจ้าจะช่วยให้ข้าขึ้นนั่งตำแหน่งผู้นำสูงสุดไม่ใช่เหรอ เหตุใดถึงได้มาเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขตอนนี้”
“หากพวกเจ้าสามารถฆ่ามู่เฉียนซีได้จริง ข้าจะเอากำลังที่ไหนไปทำเช่นนั้นได้ล่ะ แต่เงื่อนไขที่ช่วยให้กองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรกลายเป็นกองกำลังระดับสองที่แข็งแกร่งที่สุดในเหลยโจวนั้นทำได้” ซางเวิงกล่าว
ผู้นำหลานแอบกัดฟันกรอด นึกไม่ถึงว่าคนของหุบเขาหมอเทวดาจะกลับคำเช่นนี้
“เงื่อนไขอื่นข้าไม่สน ตอนนี้รีบแก้พิษให้บุตรสาวของข้าเร็วเข้า!”
หลังจากที่หลานเยว่หรูฟื้นขึ้นมา พิษในร่างกายของนางก็กำเริบขึ้นอย่างน่าหวาดกลัวมาก ตอนนี้นางเจ็บปวดราวกับตายทั้งเป็น
“เจ้ายังทำภารกิจไม่สำเร็จ เหตุใดพวกข้าต้องช่วยรักษาบุตรสาวของเจ้าด้วย” ซางเวิงกล่าว
“นี่เจ้า วันนี้ข้ากับเจ้าต้องตายกันไปข้างนึง….” ผู้นำหลานถูกหุบเขาหมอเทวดาหลอก บุตรสาวยังต้องเจ็บปวดทรมานเช่นนั้นอีก ตอนนี้เขาโกรธจนอยากจะฆ่าฟันแล้ว
ซางเวิงกล่าว “เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า หากเจ้าไม่อยากให้ผู้นำสูงสุดแห่งกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรรู้ว่าเจ้าต้องการแทนที่เขา ก็ช่วยประพฤติตัวดีดี แล้วไปจับตัวมู่เฉียนซีนั่นซะ รอให้เจ้าเอาตัวมู่เฉียนซีมาได้ ไม่ว่ามันจะเป็นหรือจะตาย ข้าก็จะแก้พิษให้บุตรสาวของเจ้า”
ผู้นำหลานไร้ซึ่งหนทางแล้ว แผนการตอนนี้ทำได้เพียงแค่ทำภารกิจให้สำเร็จเท่านั้น
มู่เฉียนซีมองชิงอิ่งและยิ้มพลางกล่าวว่า “คราก่อนโดนคนของหุบเขาหมอเทวดาตามไล่ฆ่า ครานี้หุบเขาหมอเทวดายืมมือกองกำลังอื่นมาตามไล่ฆ่าพวกเรา แต่ครานี้กลับรุนแรงกว่าคราก่อนมาก”
คราก่อนเป็นเพียงแค่ศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดา แต่ครานี้เป็นการทุ่มกำลังของกองกำลังระดับสองเพื่อจะตามไล่ฆ่านางโดยที่ไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น
ถึงแม้ว่าตอนนี้พลังของทุกคนจะเพิ่มขึ้นมามาก แต่เผชิญหน้ากับการไล่ฆ่าเช่นนี้ มันช่างลำบากมากจริง ๆ
ตูม! ภายในป่าเชียวโยวดึกดำบรรพ์แห่งนี้ก็อันตรายเป็นอย่างมาก
เมื่อมีมนุษย์เข้ามาใกล้ สัตว์วิญญาณเหล่านี้ก็โจมตีขึ้นอย่างบ้าคลั่งทันที เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริง ๆ
ณ ที่แห่งนี้มีสมุนไพรวิญญาณโบราณเป็นจำนวนมาก แต่ตอนนี้มู่เฉียนซีก็ทำได้เพียงแค่มองดูเท่านั้น ตอนนี้ต้องรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน
“เพลิงเผาสวรรค์!” เพื่อปกป้องมู่เฉียนซี เสี่ยวหงก็ต้องต่อสู้อย่างสุดกำลังที่มี
ถึงแม้มันจะไม่ใช่สัตว์วิญญาณธรรมดา แต่การเผชิญหน้ากับสัตว์ที่มีระดับสูงกว่ามันเช่นนี้ มันก็แทบจะกระอักเลือดเช่นกัน
“ข้าจะไม่ขี้เกียจอีกต่อไป ข้าจะพยายามฝึกฝน ข้าจะเลื่อนขั้นระดับสี่ ระดับห้า ระดับหก……” เสี่ยวหงตะโกนด้วยความโกรธ
และในขณะที่มู่เฉียนซีกับพวกกำลังเผชิญหน้าอยู่กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ที่ขวางทางอยู่นั้น คนของกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรก็ไล่ตามมาทันพอดี
ครั้งนี้ผู้ที่นำมายังคงเป็นผู้นำจื่อของกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูร พลังความแข็งแกร่งนั้นอ่อนแอกว่าอาจารย์ใหญ่เหลยเล็กน้อย
ผู้นำจื่อมีใบหน้าที่หยาบกร้าน บนร่างกายมีกลิ่นอายแห่งจิตสังหารที่รุนแรงมาก
สายตาของเขาจับจ้องไปที่มู่เฉียนซี เขากล่าว “ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าสาวน้อยอย่างเจ้าไปทำสิ่งใดให้พวกหุบเขาหมอเทวดานั่นโกรธเข้า นึกไม่ถึงว่าพวกนั้นจะสติฟั่นเฟือนเสนอเงื่อนไขที่ดีงามเช่นนี้เพื่อให้พวกข้ามาฆ่าเจ้า”
เป็นแค่สาวน้อยผู้มีพลังจักรพรรดิแห่งภูตระดับสอง ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามมีองครักษ์ที่แข็งแกร่งปกป้องอยู่ แต่การที่หุบเขาหมอเทวดาขี่ช้างจับตั๊กแตนเช่นนี้ ช่างเล่นใหญ่เกินไปจริง
มู่เฉียนซีกล่าว “ผู้นำหลานอยากจะรู้จริง ๆ เหรอ หุบเขาหมอเทวดาอยากจะฆ่าข้า พวกเขาลงมือเองก็ได้แล้ว แต่กลับยืมมือของกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรมาฆ่าข้า ผู้นำจื่อไม่สงสัยบ้างเลยเหรอ ?”
“ผู้นำจื่อ เป็นถึงผู้นำตัวจริงของกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูร คงจะไม่โง่เหมือนอย่างผู้นำหลานหรอกกระมัง!”
ผู้นำจื่อขมวดคิ้วขึ้น เขาก็เคยนึกสงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
ทว่า ภายใต้ผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ เขายอมรับความเสี่ยงนี้
“สาวน้อย ในเมื่อเจ้ารู้ เช่นนั้นเจ้าก็บอกมาสิว่าเพราะเหตุใด”
ผู้ที่ไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งของจิ่วเยี่ยกับอาถิงมาก่อน ก็คงจะคิดไม่ถึงเป็นแน่ว่าพวกเขานั้นจะแข็งแกร่งได้ถึงขั้นนั้น!
คนของหุบเขาหมอเทวดาได้เห็นกับตา และพวกเขาก็หวาดกลัวมาก……
หากนางบอกความจริงนี้ไปกับคนของกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูร เกรงว่าจุดจบก็คงจะเป็นเหมือนหัวหน้าสำนักอวิ๋นเยียน ฝ่ายตรงข้ามคงจะคิดว่านางคุยโวโอ้อวดเกินความเป็นจริง ไม่เชื่อนาง!
มู่เฉียนซีกล่าว “แน่นอนว่าข้ารู้ แต่ข้าจะบอกพวกเจ้าไปทำไมล่ะ พวกเจ้าเป็นคนไล่ฆ่าข้านะ ถ้าพวกเจ้าอยากรู้ก็ไปถามคนของหุบเขาหมอเทวดาดูเอาเองก็แล้วกัน”
“คนหุบเขาหมอเทวดาพวกนั้นเป็นผู้ดีจอมปลอม หากพวกนั้นกล้าพูด ข้าก็คงจะไม่ถามเจ้า” ผู้นำจื่อกล่าว
สายตาของเขาจับจ้องไปที่มู่เฉียนซี “หากเจ้าบอกข้า บางทีข้าอาจจะไม่ฆ่าเจ้าก่อนก็ได้”
มู่เฉียนซีเชิดหน้าเชิดตากล่าว “ในเมื่อพวกเจ้าอยากรู้ ข้าบอกพวกเจ้าก็ได้ หากพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า ท่านพ่อของข้าไม่ปล่อยกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรของพวกเจ้าไปแน่”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง พวกหุบเขาหมอเทวดาพวกนั้นขี้ขลาด ไม่กล้าล่วงเกินผู้แข็งแกร่งผู้เดียว ก็มาให้กองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรของพวกข้าล่วงเกินแทน” ผู้นำจื่อกล่าว
“แต่ว่า สาวน้อย ที่นี่คือป่าเชียนโยวนะ หากเจ้ามาตายที่นี่ ครอบครัวของเจ้าอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าเป็นฝีมือของกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรของพวกข้า” แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของผู้นำจื่อ
“ฆ่าสาวน้อยผู้นี้ซะเลย ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น!” ผู้นำจื่อรู้ดีว่าผู้แข็งแกร่งที่สามารถทำให้หุบเขาหมอเทวดาหวาดกลัวได้นั้นต้องไม่ธรรมดา
ส่วนมู่เฉียนซีก็รู้ดีว่าหากพูดความจริงออกไปพวกเขาก็คงไม่เชื่อ กล่าวโกหกไปพวกเขาก็ลงมือฆ่า การเจรจาไม่เป็นผล
“ไป!”
มู่เฉียนซีได้ตัดสินใจเอาไว้แล้วว่าจะหนี แต่คนของกองกำลังของผู้นำเจ็ดอสูรนั้นมากมายนัก ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาหลบหนีไปได้เลย
ขวั่บ ขวั่บ ขวั่บ! ร่างหลายร่างได้ล้อมรอบชิงอิ่งเอาไว้ สายตาของผู้นำจื่อมองไปที่ร่างผู้งดงามอย่างสมบูรณ์แบบผู้นั้น “ได้ยินพวกหุบเขาหมอเทวดาว่ากันว่าองครักษ์ผู้นี้ของเจ้านั้นเป็นผู้รูปงาม ยากที่จะพบเห็นได้ หน้าตาก็ไม่ได้ต่างจากสตรีมากเลย ข้าเริ่มสนใจในตัวเขาซะแล้วสิ เจ้าลงนรกไปให้สบายใจเถอะนะ ข้าจะดูแลเขาเอง” ผู้นำจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ดวงตาของมู่เฉียนซีดุดันขึ้น เจ้าโรคจิตนี่ นึกไม่ถึงว่าอยากจะได้ชิงอิ่ง
ตูม! ผู้นำจื่อผู้มีพลังมหาจักรพรรดิระดับหกได้พัวพันกับชิงอิ่ง ทำให้เขาไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปปกป้องมู่เฉียนซี
ปัง ปัง ปัง! ตอนนี้ชิงอิ่งไม่สนใจว่าร่างกายของตนเองนั้นจะถูกโจมตีเช่นไร เขารีบพุ่งเข้าไปขวางคนของกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรไว้
“เฉียน รีบหนีไป ข้าขวางพวกมันเอาไว้เอง!”
ผู้นำของกองกำลังผู้นำเจ็ดอสูรกล่าว “กำลังการป้องกันแข็งแกร่งมาก ดูท่าเจ้าจะน่าสนใจกว่าของเล่นชิ้นก่อนเหล่านั้นซะแล้วสิ ข้าจะต้องจับเจ้าให้ได้”
ตอนนี้ชิงอิ่งโคจรพลังแห่งชีวิตที่หัวใจของเขาขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง เพื่อให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น และขวางศัตรูเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
“ไป!”
“ชิงอิ่ง!”
“เฉียน ข้าจะไม่ตาย แต่ถ้าหากเฉียนตาย ข้าก็จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่ได้”
ชิงอิ่งหันไปมองมู่เฉียนซีด้วยความเด็ดเดี่ยว
ชิงอิ่งเป็นหุ่นเชิด ไม่มีทางตาย แต่นางได้เห็นเขาเป็นคนที่มีชีวิตไปแล้ว ไม่มีทางทิ้งเขาไว้ข้างหลังแน่