ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 834 การตัดสินใจของเขา
แต่ในตอนนี้อาถิงกลับกล่าวขึ้น “ไม่จำเป็นต้องให้หวงจิ่วเยี่ยมา เจ้าหมอนี่….ข้าจะจัดการมันด้วยตัวเอง”
“แต่ว่า….” มู่เฉียนซีไม่อยากให้เจ้าหมอนี่หุนหันพลันแล่นเกินไป
“ข้าจะต้องแย่งชิงตัวพี่สาวมาจากในกำมือของเจ้าหมอนี่ที่น่าขยะแขยง ไม่ต้องการที่จะให้เจ้าหมอนั่นทำให้พี่สาวข้าต้องมารับเคราะห์ออกโรง! นางผู้หญิงบ้า อย่าได้หยุดยั้งข้า!”
ด้วยการเชื่อมต่อทางวิญญาณ มู่เฉียนซีสามารถที่จะรู้สึกได้ถึงการตัดสินใจของอาถิงว่าแน่วแน่เพียงใด
ความมุ่งมั่นในครั้งนี้ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกว่าหากกล่าวอะไรเป็นการห้ามปรามไปก็ล้วนแต่เปล่าประโยชน์!
“เจ้าจะต้องระวัง! ข้าจะสนับสนุนเจ้า!”
“วางใจได้ ข้าจะไม่ให้เจ้าตายไปกับข้าหรอก เดิมทีเมื่อสิบล้านปีก่อนเจ้านั่นมันก็เป็นไอ้ไร้ค่าอยู่แล้ว หลังจากถูกพี่สาวทำให้ได้รับบาดเจ็บหนักไปนั้นมันยิ่งเป็นตัวไร้ค่าไปยิ่งกว่าเก่าเสียอีก ถึงต่อให้พลังของข้าฟื้นฟูขึ้นมาได้เพียงน้อยนิด การจัดการกับไอ้ไร้ค่านี่ แค่นี้มันก็เหลือเฟือแล้ว!”
มังกรปีศาจจ่านคงกล่าว “ส่งมอบมา มันไม่ง่ายเลยที่ข้าจะได้ท่านสุ่ยจิงอิ๋งที่ข้าใฝ่ฝันมา เพื่อนางแล้ว ข้าจึงมิกล้าที่จะกลับไปและทำได้เพียงแต่ซ่อนตัวอยู่มิติด้านนอกนี้เพื่อเยียวยาบาดแผล เพราะหากทันทีที่ข้ากลับไป ก็จะมีผู้มาแย่งชิงท่านสุ่ยจิงอิ๋งไป”
“รอให้ข้าฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ข้าก็สามารถที่จะใช้พลังแห่งมิติของข้าหลอมรวมกับพลังแห่งมิติของท่านสุ่ยจิงอิ๋งเข้าด้วยกัน เช่นนั้นแล้วก็จะไม่มีใครที่สามารถแยกข้ากับท่านสุ่ยจิงอิ๋งออกจากกันได้…..”
ตูม! พลังแสงสีเขียวอ่อนเหมือนดั่งลูกปรมาณูก็มิปานได้พุ่งไปทางลำตัวของมังกรยักษ์
“ข้าว่าเจ้ากำลังฝันกลางวันอยู่เสียมากกว่า เจ้ากลับกล้าคาดฝันที่จะให้พลังของพี่สาวข้าไปหลอมรวมกับเจ้า ข้าจะทำให้เจ้าเป็นเถ้าธุลีไปเสียบัดนี้!”
อาถิงโกรธจัด และได้อดทนกับเจ้าหมอนี่มาจนถึงขีดสุดแล้ว
มังกรปีศาจจ่านคงกล่าว “เวลาของการพูดคุยจบลงเพียงเท่านี้! จากนี้ข้าจะจัดการเจ้าแล้ว อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นน้องชายที่ท่านสุ่ยจิงอิ๋งรักและห่วงใยมากที่สุด ถ้าหากว่าไม่มีเจ้าแล้ว ท่านสุ่ยจิงอิ๋งก็คงจะสนใจในข้า”
อาถิงแสยะยิ้มกล่าว “เจ้าเป็นแค่เพียงหนอนตัวใหญ่ตัวหนึ่งเท่านั้น ถึงต่อให้ไม่มีข้าอยู่พี่สาวก็จะไม่สนใจหนอนเช่นเจ้า เจ้านี่มันช่างคิดเพ้อเจ้อสิ้นดี!”
ครืน!
มู่เฉียนซีเดินออกไปด้านนอกมากขึ้นกว่าเดิม โล่วิญญาณวารีก็ได้กันเอาไว้อยู่ตรงหน้า
แสงสีเขียวอ่อนกับแสงสีเขียวเข้มพุ่งตัดกันไปมา พลังแห่งมิติและพลังแห่งกาลเวลาปะทะเข้าหากัน มันช่างทรงพลังยิ่งนัก
บึ้ม!
ทั้งหอศิลาดูเหมือนว่าจะไม่สามารถแบกรับการต่อสู้ของพวกเขาทั้งสองเอาไว้ได้ไหว หอศิลาจึงเริ่มพังทลาย…..
ครืน!
คนที่อยู่ในห้องโถงนั้นรู้สึกได้ว่าหอศิลากำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง
พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาสามารถถูกทำลายล้างไปได้ในทุกชั่วขณะ
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ครืน!
มิติในที่แห่งนี้ได้เกิดช่องโหว่ขึ้นมากมายดังเดิม
ถึงแม้ว่ารอบด้านจะเต็มไปด้วยช่องโหว่ แต่กลับไม่มีใครกล้ากระโดดออกไป
สายตาของชิงอิ่งมองกวาดไปที่ช่องโหว่แต่ละช่อง และท้ายที่สุดเขาก็จะพุ่งเข้าไปอย่างไม่สนสิ่งใด
จวินโม่ซีห้ามเข้าเอาไว้ “ไอ้หัวไม้ เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ! หากเจ้าเข้าไปแล้วพบกับมิติที่โคจรอย่างวุ่นวาย เจ้าได้ตายอย่างแน่แท้!”
ชิงอิ่งกล่าว “ข้าจะไม่ตาย ข้าจะต้องนำเฉียนกลับมาให้ได้!”
เมื่อกล่าวจบ ชิงอิ่งก็ได้พุ่งเข้าไปในรอยแตกของมิติแห่งหนึ่ง
ทุกคนล้วนตกตะลึง นั่นมันเป็นการไปตายชัด ๆ
หัวหน้าหุบเขาซือคงกล่าวถามขึ้น “มู่เฉียนโม่ เจ้าไปมีความสัมพันธ์ที่ดีเช่นนั้นกับองค์รักษ์ผู้นั้นของหอหมอปีศาจตั้งแต่เมื่อไร?”
“สาวน้อยผู้นั้น ปกป้องเขาก็ปกป้องเสียจนเกินกว่าเหตุ!”
“อีกทั้ง….ทำไมเขาถึงได้เข้าไปในรอยร้าวของมิติ? เขาผู้นั้นจงรักภักดีต่อคนเพียงคนเดียว หรือว่าสาวน้อยนั่นคือ…..”
ตลอดทางมานี้มันผิดปกติไปมากนัก
บนโลกนี้มีสาวน้อยผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างฝืนลิขิตฟ้าผู้หนึ่งนั่นก็แปลกมากพออยู่แล้ว และที่หุบเขาหมอเทวดาของพวกเขาเองก็กลับมีปรากฏขึ้นมาหนึ่งคนอีกเช่นกัน
ด้วยความผิดปกติขององค์รักษ์ชิงอิ่งผู้นั้นกับการกระทำของมู่เฉียนซี ทำให้เขานั้นได้สงสัยเป็นอย่างมากเสียแล้ว
แม้ว่าความน่าสงสัยนี้จะเหลือเชื่อก็ตามที แต่มันก็สามารถที่จะอธิบายเรื่องทั้งหมดออกมาได้อย่างเข้ากัน
เขามิสามารถที่จะปล่อยความเป็นไปได้แม้แต่อย่างใดอย่างหนึ่งหลุดไป หัวหน้าหุบเขาซือคงกล่าว “จับตัวไอ้หนูนี่เอาไว้!”
“พวกเจ้ากล้ารึ?” โม่จิ่นได้นำคนมากันพวกเขาเอาไว้!
หัวหน้าหุบเขาซือคงกล่าว “พวกเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับพวกหอหมอปีศาจจริง ๆ พวกเจ้าสองคนเป็นไส้ศึกที่หอหมอปีศาจส่งมา!
เจ้าสาวน้อยที่ชื่อว่าเฟิงเยี่ยซีนั่น ที่จริงแล้วก็คือมู่เฉียนซีใช่หรือไม่?”
อาจารย์ใหญ่เหลยตะลึงค้าง “สาวน้อยที่พาตัวไปเมื่อครู่นี้คือสาวน้อยมู่!”
“มู่เฉียนซี มู่เฉียนซีผู้ที่ได้ที่หนึ่งในการทดสอบของหอโอสถผู้นั้นน่ะเหรอ? ล้อเล่นอะไรกัน? นางนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหุบเขาโอสถ ทำไมถึงได้ไปเป็นศิษย์คนสนิทของผู้เฒ่าหมอเทวดาได้!”
“มู่เฉียนซีที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนัก มีพลังความสามารถระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สองแต่กลับสามารถเอาชนะจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่แปดได้ นั่นช่างสร้างความอัศจรรย์เสียจริง ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้ไปเป็นศิษย์เอกของสำนักเฟินเทียนก็ยังมิเกินไปเลย ทำไมถึงได้ไปหุบเขาหมอเทวดา!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าหุบเขาซือคง ทุกคนล้วนแต่ไม่เชื่อ
นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว นางไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น!
แต่ทว่าสิ่งที่พวกเขานึกไม่ถึงก็คือ ถ้าหากมู่เฉียนซีต้องการที่ทำลายล้างหุบเขาหมอเทวดา เช่นนั้นก็มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปในหุบเขาหมอเทวดาเสียแล้ว
หัวหน้าหุบเขาซือคงเองก็สงสัยเช่นกัน ถ้าหากว่ามู่เฉียนซีต้องการที่จะทำลายล้างหุบเขาหมอเทวดา ด้วยความแข็งแกร่งของบุรุษสองผู้นั้น นางแทบจะไม่ต้องเสี่ยงอันตรายแทรกซึมเข้าไปในหุบเขาหมอเทวดาเลย!
แต่ทว่าเขาก็ยังรู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้สูงอยู่เช่นเดิม
จับตัวไอ้หนูที่ชื่อว่ามู่เฉียนโม่มาสอบปากคำเดี๋ยวก็ได้รู้กันแล้ว
“จัดการ!”
จวินโม่ซีได้เรียกหม้อสามอสูรออกมา สิ่งที่เจ้าเฒ่านั่นมอบให้แก่เขา นำมันมาต่อกรกับคนเหล่านี้ของหุบเขาหมอเทวดาก็ช่างสะดวกสบายยิ่งนัก
จวินโม่ซีกล่าว “หม้อสามอสูรอยู่ในมือของข้า พวกเจ้าคิดที่จะจับข้าก็ต้องมาดูกันว่าพวกเจ้ามีความสามารถนั้นหรือไม่!”
“ท่านผู้เฒ่าช่างเลอะเลือน!” หัวหน้าหุบเขาซือคงกล่าวพร้อมถอนหายใจออกมา
“ท่านหม้อสามอสูร พวกเขาเป็นผู้ทรยศหุบเขาหมอเทวดา ขอให้ท่านจงอย่าได้ช่วยเหลือเขา ข้าต้องการที่จะสะสาง!” หัวหน้าหุบเขาซือคงกล่าว
“ข้าเพียงทำตามคำสั่งของเจ้าเฒ่าที่ให้ปกป้องพวกเขาก็เท่านั้น ส่วนเรื่องที่ว่าทรยศหุบเขาหมอเทวดาหรือไม่ มันไม่เกี่ยวกับข้า! หากพวกเจ้าจะลงมือ ข้าก็จะกลืนพวกเจ้าไปเสีย!” หม้อสามอสูรได้เปิดปากกล่าวออกมาแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของหม้อสามอสูร สีหน้าของหัวหน้าหุบเขาซือคงก็มืดครึ้ม
เจ้าสำนักเฟินกล่าวขึ้น “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำศึกภายใน สิ่งสำคัญในตอนนี้คือหาหนทางออกไป! น้องชายซือคง เจ้าคิดเห็นเช่นไรเล่า!”
ซือคงเลี่ยวกล่าว “ก็ใช่! ถ้าหากว่าติดตายกันอยู่ที่นี่ ถึงต่อให้จัดการศิษย์ที่ทรยศไป มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก!”
ในตอนนี้พวกเขานึกหาหนทางไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว และทำได้เพียงร้อนรนอยู่ในที่แห่งนี้
แม้ว่าโดยรอบจะมีรอยแยกของมิติ แต่พวกเขานั้นก็มิได้มีความกล้าดั่งเช่นชิงอิ่ง ที่พุ่งเข้าไปโดยไม่สนใจสิ่งใด
มู่เฉียนซีมองหน้าของอาถิงที่ซีดลงเรื่อย ๆ ด้วยความสัมพันธ์ของพันธสัญญาทำให้นางรู้ว่าอาถิงในตอนนี้อ่อนแอเป็นอย่างมาก
ส่วนบาดแผลบนตัวของมังกรปีศาจจ่านคงก็ดูจะโหดร้ายหนักหน่วงขึ้นไปเรื่อย ๆ เลือดสีดำเข้มนั้นกำลังจะไหลเป็นสายน้ำ
การต่อสู้นั้นดุดันผิดปกติ!
มู่เฉียนซีกำหมัดเอาไว้แน่นแล้วกล่าวเบา ๆ “สุ่ยจิงอิ๋ง…..”
“ถ้าหากว่าจิ่วเยี่ยต้องมาเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เกรงว่าคำสาปของเขาเองก็คงจะสัมฤทธิ์ผล ตอนนี้…..หวังได้แต่เพียงว่าอาถิงจะสามารถเอาชนะมันได้”
สุ่ยจิงอิ๋งนั้นรู้แผนของมู่เฉียนซีแต่นางกลับไม่เห็นด้วย