ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 886 ซีคิดถึงข้าแล้ว
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ไปที่ไหนกับเจ้า?”
“ตามข้า…” กู้ไป๋อีพบว่าตนเองนั้นยังจะรักษาตนให้อยู่รอดก็ยังลำบาก จึงมิอาจกลับไปได้เป็นการชั่วคราว
มู่เฉียนซีกล่าวต่อ “อีกทั้งที่เจ้ามีปัญหา เย่เฉินนั้นมิใช่เสือสางอะไรทั้งสิ้น เขาเป็นแมงป่องพิษตัวหนึ่งต่างหาก”
“ในเมื่อเป็นแมงป่องพิษเช่นนั้นก็ยิ่งอันตรายมากว่าเก่าเสียแล้ว” กู้ไป๋อีกล่าว
“ขอแค่เหี้ยมโหดเสียยิ่งกว่าเขา แล้วยังจะต้องกลัวอันตรายอีกหรือ?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วถาม
มู่เฉียนซีถามขึ้น “เสี่ยวไป๋ เจ้าไม่อยากที่จะฟื้นฟูพลังความสามารถหรือ? เจ้าเองก็ได้ยินแล้วนี่ว่าข้าเป็นนักปรุงยาผู้หนึ่ง”
“สายฟ้าเก้าครั้งได้ทำลายพลังยุทธ์ของข้า หากของเก่าไม่พังทลายของใหม่ก็ไม่บังเกิดขึ้น นี่เป็นวิถีทางแห่งการฝึกบำเพ็ญที่ข้าต้องเดิน รอจนเมื่อโอกาสมาถึงข้าจะฟื้นฟูขึ้นมาได้อย่างแน่นอน” กู้ไป๋อีกล่าว
มู่เฉียนซียิ้มตาหยีแล้วกล่าว “เช่นนั้นเจ้าที่เป็นผู้สูงส่งสามารถอดทนเป็นลูกสมุนข้าได้หรือ?”
“นี่ก็เป็นการฝึกชนิดหนึ่งเหมือนกัน ฝึกจิตใจ สาวน้อยเพียงแค่ซุกซนไปหน่อยก็เท่านั้น ใจของเจ้านั้นมิได้เลวร้าย!” เขามองไปทางมู่เฉียนซีอย่างเฉยเมยและกล่าวติชมออกมา
มู่เฉียนซีขยับเข้ามาใกล้เขาแล้วกล่าวขึ้น “คำเรียกขานของเจ้ามีปัญหานะ!”
“คุณหนูใหญ่!” กู้ไป๋อีร้องกล่าวออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ซุกซน? ความรู้สึกของเจ้านั้นมีปัญหา ถ้าหากว่าข้าเลวจริงและทำเลว ๆ กับเจ้า เช่นนั้นเจ้าจะยังนิ่งสงบอยู่เช่นนี้ได้หรือ?” มู่เฉียนซียิ่งใกล้เข้าไปกว่าเดิม
กู้ไป๋อีมองใบหน้าที่งดงามอย่างมิอาจหาผู้ใดเปรียบได้นั้นกำลังใกล้เขาเข้ามามากขึ้นและ… มากขึ้นไปอีก….
เหมือนกับว่าเขาจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจของนาง ทันใดนั้นใบหน้าที่ไร้อารมณ์ใบนั้นก็ได้เกิดการผันเปลี่ยนขึ้นมา
ที่คุกโลหิต ไม่ง่ายเลยที่จื่อโยวจะกลับมาเพื่อไปแจ้งข่าวบางเรื่องให้เจ้านายของตน
“เยี่ย ได้ยินมาว่าคนงามของเจ้าออกจากแดนตะวันออกไปแล้ว แต่ว่าข้ารออยู่ที่แดนตะวันออกเป็นระยะเวลานานเช่นนั้นก็ไม่พบคนงามของเจ้าเลย!”
จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชา “นั่นเป็นเพราะเจ้าไร้ความสามารถ!”
จื่อโยวไร้ซึ่งความผิดนี่นา! เขาทำหน้าที่อย่างอดทนต่อความเหนื่อยยากคับแค้น แต่ปรากฏว่าผู้เป็นนายของเขากลับมากล่าวเช่นนี้
จื่อโยวกล่าว “เยี่ย เจ้าว่าคนงามของเจ้าหนีไปไหนแล้ว?”
“ซีจะต้องไม่เป็นอะไร!”
“ไม่เป็นไร! ข้าดูแล้วเจ้าคงจะคิดถึงคนงามแล้วกระมัง!” จื่อโยวกล่าวพร้อมยิ้ม
“ดูเหมือนว่าเรื่องที่ข้ามอบให้เจ้าจัดการนั้นจะน้อยไปนัก!”
จื่อโยวลนลาน “ไม่ไม่ไม่! ข้าไม่ล้อเล่นกับเจ้าแล้วเยี่ย เวลามีเหลือไม่มากนักแต่กลับยังไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับคำภีร์หมื่นคำสาป ยังต้องการให้ข้าไปเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์มาหรือไม่?”
เขารู้ดีเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ และถึงแม้ว่ามันจะมีผลช่วยยับยั้งการแผงฤทธิ์ของคำสาปในครั้งต่อไป แต่ผลของมันก็เล็กน้อยยิ่งนัก
“ไม่จำเป็น จัดการเรื่องของเจ้าในตอนนี้ให้ดี”
“ได้!”
“ไสหัวไป!”
จื่อโยวรีบไสหัวไปอย่างรวดเร็ว
ทั่วทั้งคุกโลหิตกว้างใหญ่ไพศาล ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสีเลือดอันมีเสน่ห์ จิ่วเยี่ยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย!
ขนตาที่เหมือนปีกผีเสื้อนั้นกระพริบเล็กน้อย คิดถึงสิ…จะไม่คิดถึงได้อย่างไร…..
ด้วยมีคำสาปบ้า ๆ เช่นนี้อยู่กับตัว ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่มีหนทางที่อยู่ข้างกายของนางได้นานนัก
เพราะยิ่งนานเข้าเท่าไร เขาก็ยิ่งควบคุมใจไม่ได้เท่านั้น ควบคุมใจเอาไว้ไม่อยู่!
จิ่วเยี่ยอยากจะไปพบมู่เฉียนซีแต่ไม่อาจพบได้ แต่มู่เฉียนซีกลับต้องการที่จะพบเขาเสียแล้ว
มู่เฉียนซีมองไปทางกู้ไป๋อีที่แข็งทื่อไปทั้งตัวแล้วกล่าว “เจ้ากลับห้องไปพักผ่อนก่อนเถอะ! ไม่มีคำสั่งของข้าเจ้าห้ามออกมา แล้วก็ห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามาด้วย”
“อื้ม!”
เขาหันหัวแล้ววิ่งจากไปทันที ราวกับว่ามู่เฉียนซีเป็นน้ำหลากหรือไม่ก็สัตว์ป่าที่ดุร้ายก็มิปาน
มู่เฉียนซีกล่าว “สุ่ยจิงอิ๋ง เจ้าฟื้นฟูเป็นอย่างไรบ้าง? สามารถให้จิ่วเยี่ยมาที่นี่ได้หรือไม่?”
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าว “ตอนนี้ที่ตัวซีเอ๋อร์มีชิ้นส่วนของข้าถึงสองชิ้น พลังของข้าจึงฟื้นฟูขึ้นได้ไวกว่าเดิม ให้เยี่ยมาที่นี่ไม่เป็นปัญหา!”
“ตอนนี้ข้าต้องการที่จะพบเขา!”
“ได้!”
แสงสีฟ้าแสงหนึ่งกระพริบที่กลางอกของมู่เฉียนซี
ดูเหมือนว่าจิ่วเยี่ยที่อยู่ในแดนคุกจะสัมผัสได้ มุมปากของเขาค่อย ๆ ยกขึ้นเล็กน้อย!
ซีเป็นฝ่ายที่ริเริ่มอยากเจอเขาอีกครั้ง!
แสงสีฟ้าได้เปิดเส้นทางแห่งมิติขึ้นมา เมื่อร่างของเจิ่วเยี่ยแวบเข้าไป เขาก็ได้หายไปจากแดนคุกทันที
มู่เฉียนซีเห็นเงาร่างนั้นที่คุ้นเคยเดินออกมาจากลำแสงสีฟ้าและได้ยื่นมือออกมาดึงนางเข้าไปในอ้อมกอด
“ซีคิดถึงข้าแล้ว!” เสียงที่ทุ้มต่ำได้ลอยมา
มู่เฉียนซีกล่าวโดยไม่รู้ตัว “ไม่…”
เขาไม่อยากฟัง!
“อื้อ….”
เขายังคงทำอำนาจบาตรใหญ่ เขาได้อุดคำที่ไม่ต้องการฟังเอาไว้
“อื้อ….เจ้า….”
นางให้เขามาที่นี่ เพราะอยากจะบอกข่าวคราวเกี่ยวกับคัมภีร์หมื่นสาป ไม่ใช่…
ราวกับถูกรุกยึดบ้านยึดเมืองเช่นนี้ ไหนเลยจะยังสามารถกล่าวประโยคที่จบสมบูรณ์ออกมาได้
“ฟู่!” ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดจิ่วเยี่ยก็ได้ปล่อยตัวนางออกมา มู่เฉียนซีเอามือไปแตะปากของเขาแล้วกล่าว “เจ้า…เจ้าอยู่ห่างจากข้าหน่อย”
จิ่วเยี่ยกอดนางเอาไว้แน่นกว่าเดิมแล้วกล่าว “ไม่!”
“เช่นนั้นเจ้าก็จงสงบเสียหน่อย?”
“ซีเป็นผู้เริ่มอยากให้ข้ามา ทำไมข้าต้องสงบด้วย?”
“ไม่สงบใช่ไหม! ข้าจะให้เจ้าสงบลงเสียดีดี!” มู่เฉียนซีได้กุมคอของจิ่วเยี่ยเอาไว้ จากนั้นก็ได้กัดลงไปคำหนึ่ง
กลิ่นคาวเลือดลอยออกมา แต่คิ้วของจิ่วเยี่ยนั้นมิได้ขมวดเข้าหากันเลยแม้แต่น้อย
เขากอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่นเพราะหวั่นกลัวว่าจะสูญเสียไป กลัวจะไม่ได้พบกันอีก
“เพียงเวลาไม่ถึงครึ่งปี สถานการณ์กับแย่ลงจนถึงขั้นนี้เชียวหรือ?”
ดวงตาสีฟ้าน้ำแข็งของจิ่วเยี่ยลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นก็กล่าวอย่างสดใส “นี่ไม่นับว่าหนักหนา ซีไม่ต้องกังวลใจ!”
“ข้าได้ข่าวเกี่ยวกับคัมภีร์หมื่นสาปมาแล้ว สามเผ่าสัตว์เทพโบราณ เผ่าเทพมังกรโบราณ เผ่าหงส์โบราณ เผ่ากิเลนโบราณ พวกเขาควบคุมคัมภีร์หมื่นสาปเอาไว้ มีบันทึกทั้งหมดสิบสามชนิด เจ้าต้องคำสาปชนิดใดในสิบสามชนิดนั้น?”
ถึงแม้ว่าคำสาปของจิ่วเยี่ยจะแย่ลง แต่เมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้ก็เป็นเรื่องดี
“สามเผ่าสัตว์เทพโบราณนั้นข้ารู้แล้ว ซีให้ข้ามาที่นี่เพราะอยากกล่าวเรื่องนี้?” จิ่วเยี่ยกล่าวโดยเข้ามาใกล้ชิดที่ข้างหูของนาง
“อื้ม!”
“แต่ที่ข้ามานั้นมิใช่แค่มาฟังข่าวอย่างง่ายดายเช่นนั้น”
ปัง!
จิ่วเยี่ยได้บีบบังคับเสียจนมู่เฉียนซีไม่อาจที่จะถอยหลังได้อีกแล้ว
“จิ่วเยี่ย หากเจ้าบุ่มบ่าม ข้า…ข้าจะกัดเจ้าให้ตาย”
“เจ้าจงกัดตามใจชอบ…..”
“อื้อ…”
จิ่วเยี่ยไม่สามารถควบคุมตนเองได้แล้ว และทั้งสองก็มิใช่ว่าได้ใกล้ชิดกันเช่นนี้เป็นครั้งแรก
คราวนี้เป็นปัญหาใหญ่โตนัก มู่เฉียนซีรู้สึกได้อย่างชัดเจน
ผลักก็ผลักไม่ออก!
จะฆ่าก็ไม่สามารถลงมือได้!
จะทำให้พิการก็มิอาจทนได้!
ยาที่ใช้ระงับฤทธิ์คำสาปก็ไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย มู่เฉียนซีตะลึงงัน สถานการณ์กลับเลวร้ายไปถึงขั้นนี้แล้ว!
ในตอนนี้พวกเขาเพิ่งรู้สถานที่ที่คัมภีร์หมื่นสาปอยู่ก็เท่านั้น แล้วเช่นนี้มันจะทันเวลาหรือไม่กันแน่…
จิ่วเยี่ยกัดติ่งหูของมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “ตอนนี้มีเพียงแต่ซีเท่านั้น ที่เป็นยาที่ดีที่สุดของข้า!”
ซึบ!
นางกัดเขาไปเพียงแค่คำเดียว แต่เขากลับคืนมันมาเป็นร้อยเป็นพันเท่า
นางรู้ถึงผลที่จะตามมาอย่างชัดเจน นิรันดร์เคยได้กล่าวเตือนเอาไว้แล้ว แต่ทว่าก็มิอาจที่จะฆ่าได้…
นี่เป็นการต่อสู้ที่ยาวนานครั้งหนึ่ง หลังจากที่ไม่สามารถควบคุมต้นเหตุของเพลิงได้ ลำแสงสีฟ้าลำแสงหนึ่งได้นำตัวของจิ่วเยี่ยไป
ในความเลือนราง มู่เฉียนซีรู้สึกเหมือนจิ่วเยี่ยได้มาที่เส้นผมข้างหูนาง เขากล่าว “โชคดีที่ตอนนี้ซีมีชิ้นส่วนของสุ่ยจิงอิ๋งถึงสองชิ้นแล้ว นางสามารถที่จะยับยั้งข้าได้ สามารถปกป้องซีได้”
มาวันนี้มีชิ้นส่วนของนางมีถึงสองชิ้น นางจึงมีสิทธิ์ในการเป็นผู้กระทำ ซึ่งสามารถที่จะส่งตัวของจิ่วเยี่ยที่มีชิ้นส่วนอีกชิ้นไปได้