ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 908 ไม่ได้เรื่อง
ท่านเจ้าเมืองเหลยนำกำลังคนมาและกล่าวด้วยความดุดันว่า “บัดซบ พวกเจ้าช่างไร้ยางอายเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะวางยาพิษในเมืองเหลยของพวกข้า เป็นเช่นนี้ต่อให้พวกเจ้าชนะ ก็ชนะอย่างไม่โปร่งใส”
วางยาพิษ เย่เฉินไม่รู้เลยว่าตนเองไปวางยาพิษพวกเขาตอนไหน
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้าก็วางยาพิษทำร้ายพวกชาวบ้าน แถมยังส่งคนมาเล่นสกปรกกับคนข้างกายข้าอีก แล้วเจ้าจะไม่ให้ผู้อื่นใช้วิธีเดียวกันกับเจ้าเอาคืนเจ้าอย่างนั้นเหรอ?”
“พวกเจ้ารนหาที่ตายเอง จะโทษใครได้”
“พวกข้าไม่ได้เป็นคนทำ พวกเจ้ากล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน!”
มู่เฉียนซีแสยะยิ้มมุมปาก “เช่นนั้นพวกเจ้ามีหลักฐานเหรอว่าข้าเป็นคนทำ?”
“แหล่งที่มาของพิษอยู่ที่ใดกันเล่า”
“ข้าวางยาพิษชนิดใด พวกเจ้ารู้เหรอ?”
เมืองเหลยส่งคนไปวางยาพิษ โชคดีที่ทำให้นางรู้ถึงแหล่งที่มาของพิษว่าอยู่ที่ใด!
ทว่า นางวางยาพิษ ต่อให้พวกเขาต้องตายก็อย่าหวังเลยว่าจะเจอแหล่งที่มาของพิษนั้น
“นี่เจ้า……” ท่านเจ้าเมืองเหลยได้ยินเช่นนี้ก็โกรธเกรี้ยวจนแทบช้ำใน
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “อีกอย่าง นี่เป็นถึงทุ่งรกร้างใหญ่ ผู้ชนะจะอยู่รอด ผู้พ่ายแพ้ก็ต้องตาย เหตุใดพวกเจ้าถึงต้องมาทำให้เรื่องให้มันยุ่งไปกันใหญ่ถึงเพียงนี้กันเล่า!”
ท่านเจ้าเมืองเหลยกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ผู้ชนะจะอยู่รอด ผู้พ่ายแพ้ก็ต้องตาย พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะชนะได้อย่างนั้นเหรอ?”
ตูม ตูม ตูม!
ในตอนนี้เองฝุ่นบริเวณรอบ ๆ ก็ตลบไปทั่วทุกสารทิศ และมีบางอย่างทะยานขึ้นมา!
ด้านหลังพวกเขาในตอนนี้ได้ปรากฏสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก!
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ล้วนแต่มีสีเข้ม เขี้ยวและกรงเล็บของพวกมันเกรงว่าจะมีพิษร้ายแรง
เบื้องหน้ามีคนของเมืองเหลย ถึงแม้ว่าจะมีกำลังการต่อสู้ด้วยพิษ แต่สัตว์พิษเหล่านี้ที่อยู่ด้านหลังกลับอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
“พวกเจ้าวางยาพิษในเมืองเหลยของพวกข้าได้ แต่หากพวกเจ้าคิดจะต้านทานกับสัตว์พิษเหล่านี้นั้น เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด พวกเจ้ารอความตายได้เลย!”
หลังจากที่ท่านเจ้าเมืองเหลยได้ออกคำสั่ง พวกเขากับสัตว์พิษเหล่านี้ร่วมมือกันโจมตีมู่เฉียนซีและพวกทันที
การต่อสู้ได้เริ่มขึ้น เย่เฉินตะโกนว่า “อย่าได้ตกใจไป สู้ให้ถึงที่สุด!”
พลู!
สัตว์พิษเหล่านี้ไม่เพียงแต่ต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ยังสามารถพ่นควันพิษออกมาในขณะต่อสู้อีกด้วย
เพียงแต่ควันพิษนี้ของพวกมันก็ทำได้แค่รบกวนการมองเห็นของพวกเขาเท่านั้น คิดจะให้พวกเขาโดนพิษนั้น ไม่มีทาง
ท่านเจ้าเมืองเหลยเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “นี่พวกเจ้าไม่โดนพิษเหรอ!”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วพลางกล่าวว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเมืองเหลยของพวกเจ้านั้นมีพิษ แต่เจ้าคิดว่าพวกข้าไม่ได้เตรียมพร้อมมาอย่างนั้นเหรอ”
“ต่อให้พวกเจ้าเตรียมตัวมาอย่างดี ยังไงวันนี้พวกเจ้าก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสัตว์พิษเหล่านี้แน่นอน” ท่านเจ้าเมืองเหลยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางกล่าว
ตูม ปัง ปัง!
สัตว์พิษเหล่านี้ยิ่งทวีความดุร้ายมากขึ้น ถึงแม้ว่าพิษของพวกมันยังทำอะไรพวกเขาไม่ได้ แต่ต่อสู้ไปเช่นนี้ก็จะทำให้ฝ่ายของพวกเขาสูญเสียกำลังในการต่อสู้ได้
กู้ไป๋อีกล่าว “คุณหนูใหญ่ คิดจะล่าถอยตอนนี้ก็จำเป็นต้องจัดการกับสัตว์พิษเหล่านี้ให้ได้ก่อน แต่สัตว์พิษเหล่านี้เป็นปัญหามากจริง ๆ”
มู่เฉียนซีพยักหน้าและกล่าวว่า “เป็นปัญหามากจริง ๆ พวกมันต่อสู้เพื่อคน แต่กลับดูเหมือนไม่ได้ถูกฝึกให้เชื่อง ดูเหมือนจะใช้อุบายพิเศษเพื่อควบคุมมากกว่า”
นางสามารถฝึกสัตว์ได้ แน่นอนว่านางดูออกถึงความผิดปกติของสัตว์พิษเหล่านี้ สัตว์พิษเหล่านี้แปลกประหลาดเกินไปแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “อู๋ตี้ เสี่ยวหง ไปจับมันมาให้ข้าตัวนึง ระวังตัวด้วยล่ะ!”
อู๋ตี้ยิ้มพลางกล่าวว่า “นายท่านวางใจได้ พวกมันทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก!”
“หากกล้าไม่เชื่อฟังแล้วล่ะก็ ข้าก็จะเผาจนกว่ามันจะยอมจำนน!” เสี่ยวหงยิ้มพลางกล่าว
ขวับ ขวับ!
พวกมันทั้งสองตัวพุ่งออกไปอย่างเร็วที่สุด
ระดับของอู๋ตี้กับเสี่ยวหงนั้นอยู่เหนือกว่าสัตว์พิษเหล่านี้ ดังนั้นจึงทำให้การต่อสู้ของสัตว์พิษเหล่านี้ไม่ได้ดุเดือดเช่นนั้นแล้ว
สำหรับพวกมันแล้วพวกมันหวาดกลัวอู๋ตี้กับเสี่ยวหงมาก!
“เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวนั่น!”
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ นี่เมืองเหยียนมีคนที่มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับนี้อยู่ด้วยเหรอ”
“……”
การลงมือของอู๋ตี้กับเสี่ยวหงทำให้ฝ่ายตรงข้ามตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าแมวโง่ ข้าไม่ยอมช้าไปกว่าเจ้าแน่”
อู๋ตี้กล่าวอย่างยั่วยุว่า “เจ้าหมูขี้เกียจ เจ้าขี้เกียจถึงเพียงนี้ พลังก็อ่อนด้อยกว่าข้ามาก คิดจะเร็วกว่าข้านั้นไม่มีทาง”
ทั้งสองทะเลาะกันขึ้นมา สุดท้ายอู๋ตี้ก็เร็วกว่าเสี่ยวหงไปก้าวหนึ่ง และคว้าสัตว์พิษรูปร่างแปลกประหลาดตัวหนึ่งกลับไป
เสี่ยวหงทำได้เพียงแค่กล่าวด้วยความกลัดกลุ้มใจว่า “น่ารังเกียจ เหนือกว่าข้าแค่ระดับเดียวก็คิดว่าเจ๋งแล้วอย่างนั้นเหรอ สักวันเถอะ ข้าจะเหนือกว่าแมวโง่อย่างเจ้าให้ได้”
ปัง!
อู๋ตี้นำสัตว์พิษตัวนั้นมา และโยนมันจากกลางอากาศไปกระแทกกับร่างของจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับเก้าผู้หนึ่งที่กำลังจะลอบโจมตีมู่เฉียนซี
“นายท่าน ได้ตัวมันมาแล้ว!”
มีอู๋ตี้ผู้เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่คอยปกป้องอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดคิดว่ามู่เฉียนซีอ่อนแอและรับมือได้ง่าย และพวกเขาก็ไม่กล้าโจมตีไปทางมู่เฉียนซี
กริชเล่มหนึ่งถูกมู่เฉียนซีชักออกมา และกรีดลงที่เนื้อหนังของสัตว์พิษตัวนี้
เลือดสีดำไหลออกมา มู่เฉียนซีเอาขวดใสขวดหนึ่งออกมา จากนั้นนางก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ชิงมู่ ในการถ่ายทอดของนิรันดร์มีบันทึกอยู่ใช่หรือไม่ แต่ก็ได้กล่าวเอาไว้เพียงสั้น ๆ แล้วก็ผ่านไปเท่านั้น เจ้าหมอนี่เป็นคนที่ไม่จริงจังเอาซะเลย”
ชิงมู่กล่าว “ฝ่าบาทไม่ค่อยสนใจมากนัก แต่ว่าข้ารู้ดี ตอนนั้น ฝ่าบาทเป็นคนสั่งให้ข้าจัดการกับเผ่าสัตว์ที่ก่อการจลาจลเหล่านั้น”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“เคยมีคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นในเผ่าสัตว์ เขาคิดว่าตนเองสามารถครองใต้หล้านี้ได้ด้วยพิษ สามารถเปลี่ยนแปลงทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้ได้ สามารถอยู่เหนือกว่าฝ่าบาท เขาใช้ทักษะวิชาพิเศษควบคุมสัตว์วิญญาณ เอาสัตว์วิญญาณโยนเข้าไปในค่ายกลพิษเป็นเวลาสี่สิบเก้าวันก็สามารถเปลี่ยนแปลงสัตว์วิญญาณได้
นอกจากนี้ก็ยังใช้วิธีที่วิปริตเป็นอย่างมาก เขาใช้พิษหลอมรวมกับสัตว์วิญญาณทำให้มนุษย์มีคุณสมบัติของสัตว์วิญญาณ เป็นเพราะการกระทำของเขา บนโลกนี้จึงได้เกิดการฆ่าสังหารขึ้นอย่างโหดร้ายทารุณ จนสุดท้ายฝ่าบาทก็สั่งให้ข้าไปจัดการ”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความสงสัยว่า “เจ้านิรันดร์นั่นมีเวลามาใส่ใจเรื่องวุ่นวายใต้หล้าด้วยเหรอ”
คนผู้นี้หากอยู่ในยุคปัจจุบันก็คงจะเป็นหมอชีวภาพผู้แปลกประหลาดที่น่ากลัวผู้หนึ่ง
สามารถใช้พิษได้ถึงขั้นนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาก็คืออัจฉริยะผู้หนึ่ง
ทว่า วิธีการนั้นช่างไร้สามัญสำนักจริง ๆ ไร้ซึ่งมนุษยธรรม
ชิงมู่เป็นผู้ที่ตรงไปตรงมาผู้หนึ่ง ดังนั้นจึงเปิดเผยความลับของฝ่าบาทตนเองออกมา
“เพราะว่าในตอนนั้นฝ่าบาทได้ชื่นชอบหญิงสาวผู้หนึ่ง แต่นางถูกเจ้านั่นจับตัวไปหลอมรวมกับร่างของสัตว์วิญญาณจนนางอัปลักษณ์ไป ฝ่าบาทโกรธเกรี้ยวมาก และผลที่ตามมาก็ร้ายแรงมาก ดังนั้น……”
มู่เฉียนซีกรอกตามองบนพลางกล่าว “ข้าก็นึกแล้วเชียว”
เจ้านิรันดร์นั่น เรื่องผู้หญิงมาเป็นอันดับแรก การปรุงยานั้นเป็นเรื่องรอง ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดเขาถึงได้กลายเป็นจ้าวแห่งหม้อยาทั้งปวง และกลายเป็นนักปรุงยาที่แข็งแกร่งที่สุดได้
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “แล้วเจ้ารู้ว่านิรันดร์มีวิธีทำลายหรือไม่?”
“ตอนนั้นฝ่าบาทกำลังคิดหาวิธีอยู่ แต่เมื่อพบรักใหม่อีกครั้ง ก็ไม่ได้สนใจแล้ว หลังจากที่ข้ากำจัดคนผู้นั้นได้ ฝ่าบาทก็ได้ลืมไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าเวลาผ่านไปนานถึงเพียงนั้นแล้ว วิธีการของคนผู้นั้นจะปรากฏขึ้นที่ดินแดนสี่ทิศอีกครั้ง”
ชิงมู่ไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด เขาก็คิดเหมือนกันว่าฝ่าบาทของตนเองนั้นไม่จริงจังเอาซะเลย สร้างความลำบากให้นายท่านในตอนนี้ไม่น้อย สีหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำลง นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะดีนักว่า “เจ้าบ้ากามนี่ทำอะไรไม่ได้เรื่องได้ราวเลย ทำตัวให้น่าเชื่อถือสักหน่อยไม่ได้เหรอ!”