ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 911 ถือไพ่เหนือกว่าจิ่วเยี่ย
สตรี!
เจ้าเมืองเหลยตกตะลึงเบิกตาค้าง
เขาส่ายหัวแล้วกล่าว “ข้าไม่รู้ พวกเขาเพียงแค่ส่งคนให้นำสัตว์พิษมามอบให้ หลังจากรับคำสั่งจากพวกเขาแล้วข้าก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับพวกเขาอีก”
“ดูเหมือนว่าจะถามอะไรเจ้าไป ก็คงไม่ได้ความแล้ว?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงขรึม
เย่เฉินได้จัดการธุระเรื่องเมืองเหลยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่ควรฆ่าก็ได้ฆ่าไปแล้ว ที่ควรจะปราบปรามก็ได้ปราบปรามไปแล้ว ด้วยวิธีการของเย่เฉิน อย่างไรเสียก็สามารถจัดการได้อย่างสบาย ๆ
เย่เฉินกล่าว “นายท่าน ข้าอยากที่จะย้ายตระกูลเย่มาที่เมืองเหลย”
มู่เฉียนซียิ้มแล้วเอ่ยล้อเขา “ว้า! เจ้าทำใจที่ละทิ้งคนงามเซี่ยฉีได้หรือ?”
เย่เฉินกล่าว “ตำแหน่งที่ตั้งของเมืองเหลยนั้นดีกว่า อีกทั้งยังสามารถเป็นปราการป้องกันของเมืองเหยียนได้ เมืองเหยียนก็จะไร้ซึ่งความกังวลอีกมากมาย สามารถที่จะขยับขยายตัวได้มากขึ้น”
มู่เฉียนซีพยักหน้าแล้วกล่าว “ข้าเองก็คิดเช่นนี้ ดังนั้นแล้วเจ้าจงไปทำเถิด!”
“ขอรับ!”
มู่เฉียนซีและกู้ไป๋อีจึงได้อยู่ที่เมืองเหลยต่อ นางถามขึ้น “เสี่ยวไป๋ เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับสำนักขวางโซ่วนั่น?”
กู้ไป๋อีกล่าว “การใช้พิษในการควบคุมสัตว์วิญญาณเป็นวิธีการที่แปลกประหลาด เกรงว่าพวกเขาคงเชี่ยวชาญวิชามารบางอย่าง เป้าหมายของเขาคงไม่ใช่เล็กๆ เกรงว่าทั่วทั้งดินแดนตะวันออกจะไม่สงบสุข คุณหนูใหญ่แน่ใจหรือว่าจะเข้าไปวุ่นวาย?”
มู่เฉียนซียิ้มและกล่าวว่า “อะไรที่จะต้องมาต่อให้หลบก็หลบไม่พ้น สตรีมีพิษผู้นั้นชอบเจ้าเข้าเสียแล้วเสี่ยวไป๋ ต่อให้พวกเราหลบก็จะหลบได้พ้นรึ?”
“เจ้าไม่ต้องสนใจข้าหรอก” กู้ไป๋อีกล่าว
“ระหว่างที่เจ้ายังไม่จากไปก็ถือเป็นคนข้างกายข้า เจ้าคิดว่าข้าจะยอมให้มีคนมาแย่งชิงเจ้าไปหรือ? อีกทั้งข้ายังให้ความสําคัญกับพื้นที่ทุรกันดารแห่งนี้มาก ต่อให้มีคนมาแย่งชิง ข้าก็จะไม่ปล่อยไปง่าย ๆ” มู่เฉียนซีตอบ
ดินแดนทางตอนใต้ ทวีปเซี่ยโจวเป็นฐานที่มั่นของหอหมอปีศาจ ดินแดนทางทิศตะวันออกเองก็ต้องการสถานที่หนึ่งด้วย ซึ่งพื้นที่ทุรกันดารนี้ก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด
กู้ไป๋อีกล่าว “ได้!”
ตูม!
ดังนั้นจวนเจ้าเมืองเหลยจึงก ลายเป็นสมรภูมิระหว่างมู่เฉียนซีและกู้ไป๋อี
ทักษะกระบี่ของมู่เฉียนซียอดเยี่ยมมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะกู้ไป๋อีได้
มู่เฉียนซีคิดว่าพลังในตอนนี้ของนาง น่าจะสามารถฝึกฝนทักษะที่สามทักษะโยวหลัวได้แล้ว หากนางเรียนรู้มันได้ การเอาชนะกู้ไป๋อีก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
กู้ไป๋อีกล่าว “วิชากระบี่ข้าก็ได้สอนเจ้าไปเกือบหมดแล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นระดับจักรพรรดิ เจ้าจึงสามารถใช้ได้เพียงสองกระบวนท่าเท่านั้น เงาเหมันต์จันทรานั้นเจ้าก็ฝึกฝนมาโดยไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย ส่วนเงาจันทราคู่ เมื่อระดับของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นมันก็จะพัฒนาขึ้นตามไปด้วย ”
“สำหรับทักษะกระบี่ ข้าไม่มีอะไรจะต้องสอนอีกแล้ว” กู้ไป๋อีเองก็นึกไม่ถึงเลยว่าการสอนทักษะกระบี่ให้คน ๆ หนึ่ง จะสามารถเรียนรู้ได้เร็วขนาดนี้
ถ้าเป็นคนอื่น หากไม่มีเวลานานปี ก็ยากที่จะฝึกจนบรรลุขั้นความสําเร็จได้
ครั้งหนึ่งอาจารย์เคยบอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะแห่งวรยุทธ์ที่หาได้ยากในรอบหมื่นปี แต่ตอนนี้เมื่อต้องมาเจอกับตัวประหลาดผู้นี้ เขาพบว่าตนเองนั้นยังห่างชั้นกับนางโดยสิ้นเชิง
มู่เฉียนซีกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็พักผ่อนให้เพียงพอ และหาวิธีฟื้นฟูพลังของตัวเอง และแน่นอนว่าข้าจะต้องหาวิธีที่จะทำให้เจ้าพ่ายแพ้ให้ได้ หลังจากต่อสู้กับเจ้ามาเนิ่นนาน แต่ข้ากลับไม่สามารถชนะเจ้าได้แม้แต่ครั้งเดียว มันช่างล้มเหลวเสียจริง ๆ!”
“ข้าจะรอ!” กู้ไป๋อีกล่าว
มู่เฉียนซีกลับไปที่ห้องของตนเอง ครั้งก่อนที่จิ่วเยี่ยมีร่างกายที่แปลกประหลาด จึงถูกสุ่ยจิงอิ๋งบีบบังคับส่งตัวเขากลับไป
ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง?
“สุ่ยจิงอิ๋ง ให้จิ่วเยี่ยมาที่นี่!”
สุ่ยจิงอิ๋งตอบกลับว่า “ซีเอ๋อร์ เขาในตอนนี้อันตรายมากสําหรับเจ้า เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการจะพบเขา?”
มู่เฉียนซีพยักหน้า “เรื่องเกี่ยวกับการฝึกยุทธ์ ข้าต้องขอคําชี้แนะจากเขา”
“ได้!” สุ่ยจิงอิ๋งไม่ได้ปฏิเสธ
แดนคุกโลหิตมีแสงสีฟ้าอ่อนวาบผ่าน จิ่วเยี่ยตะลึงงันไปเล็กน้อย
เขาอยากจะจากไป แต่สุดท้ายก็มีเสียงแหบแห้งเสียงหนึ่งดังขึ้น “นายท่านไม่อาจไปพบเขาได้ ครั้งก่อนที่คำสาปกำเริบ ก็ไม่ง่ายเลยกว่านายท่านจะปราบปรามได้ ตอนนี้…”
ด้านหลังของจิ่วเยี่ย มีบุรุษชุดขาวนั่งอยู่ รูปร่างบางเฉียบ เสียงแหบแห้ง เขาดูอ่อนแออย่างยิ่ง
จิ่วเยี่ยที่กําลังจะจากไปชะงักไปเล็กน้อยและกล่าวว่า “ข้าจะไม่ทําให้นางผิดหวังอย่างแน่นอน”
เขาเดินไปยังทางเดินมิติที่สุ่ยจิงอิ๋งเปิดขึ้น หลังจากนั้นเขาก็เหลือไว้เพียงเสียงถอนหายใจที่ยืดยาว “เฮ้อ!”
โดยปกติจิ่วเยี่ยจะมาภายในเสี้ยววินาที แต่มู่เฉียนซีกลับไม่เห็นใครมา
มู่เฉียนซีกล่าว “สุ่ยจิงอิ๋ง มีอันตรายเกิดขึ้นกับจิ่วเยี่ยหรือไม่?”
“จิ่วเยี่ยมีชิ้นส่วนของข้าอยู่ หากตกอยู่ในอันตราย ข้าจะสัมผัสมันได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่ เกรงว่าคงไม่ใช่เพราะเขาตกอยู่ในอันตราย แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากมา…”
เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น “ข้าไม่อยากมา…ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
ฟึ่บ!
มู่เฉียนซีถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดที่แข็งกระด้างราวกับเหล็ก เสียงแหบพร่าดังเข้ามาในหูของนาง “คิดถึงมาก”
เพียงแค่กอด เขาก็ไม่ได้ทําอะไรที่ผิดปกติไป
มู่เฉียนซีถามว่า “จิ่วเยี่ย เจ้ามีข่าวเกี่ยวกับสามสัตว์เทพโบราณหรือไม่?”
“กําลังตรวจสอบอยู่!” จิ่วเยี่ยตอบมาห้าคํา
“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เจ้าควบคุมคําสาปบนร่างกายของเจ้าได้แล้วหรือ?” นางถามต่อ
“ไม่มีปัญหา!”
“เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าให้เจ้ามามีเรื่องอะไร?” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว
“คิดถึงข้าแล้ว!”
ในที่สุดเขาก็พูดอีกสี่หนึ่ง แต่ดูเหมือนว่ามันจะผิดไปมาก
ดวงตาสีฟ้าน้ำแข็งคู่นั้นมองมู่เฉียนซีอย่างลึกซึ้ง มู่เฉียนซีมีลางสังหรณ์ว่าหากนางบอกว่าเขาเดาผิด ผลที่ตามมาเกรงว่า…
มู่เฉียนซีพยักหน้า “อืม! คิดถึงเจ้าแล้ว ข้าอยากให้เจ้าสอนทักษะที่สามทักษะโยวหลัวให้ข้า”
แววตาจิ่วเยี่ยหม่นหมองลงและกล่าวว่า “แค่นั้นเองหรือ?”
“และอยากเห็นว่าเจ้ายังปลอดภัยดีไหม!”
มือของมู่เฉียนซีเตรียมจะลื่นไถลไปบนชีพจรของเขา แต่จิ่วเยี่ยกลับหลบไป
มือของมู่เฉียนซีขยับอีกครั้ง จิ่วเยี่ยยังคงหลบต่อไป มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าหมายความว่าอย่างไร! ปิดบังโรคภัยไข้เจ็บหมอย่อมรักษาไม่หายจริงไหม?”
“ข้าอนุญาตแล้วหรือ?”
ฟึ่บ!
มู่เฉียนซีลงมืออีกครั้งหนึ่ง
จิ่วเยี่ยยังคงหลบหลีก มู่เฉียนซีชี้ไปที่จิ่วเยี่ยแล้วกล่าวว่า “ห้ามใช้พลังวิญญาณ หากข้าจับเจ้าได้ เจ้าต้องให้ข้าตรวจร่างกายของเจ้าอย่างว่าง่าย!”
ร่างของมู่เฉียนซีสั่นไหวและเข้าใกล้เขาอีกครั้ง
ปัง ปัง ปัง!
ทั้งสองประมือกัน เมื่อเงาร่างของทั้งสองปะทะกัน มุมปากของจิ่วเยี่ยก็ยกขึ้นเล็กน้อย
ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ความแข็งแกร่งของซีได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
การเคลื่อนไหวของทั้งสองดังมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ กู้ไป๋อีไม่ใช่คนหูหนวก ไม่นานก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของด้านนี้
ถึงแม้ว่าจิ่วเยี่ยจะสะกดพลังของตนเองเอาไว้ แต่เมื่อเผชิญหน้าในการต่อสู้กับมู่เฉียนซี เขาก็ยังมิกล้าที่จะใช้แรงเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะไปทำให้นางได้รับบาดเจ็บ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาประมือกัน ตอนนั้นนางเป็นแค่ผู้หญิงที่ไม่คุ้นเคย การลงมืออย่างโหดเหี้ยมก็ไม่ได้เป็นอะไร
ทว่าตอนนี้นางคือสตรีที่เขาอยากใช้ทุกวิถีทางเพื่อแสดงความรัก แน่นอนว่าเขาไม่อาจทนทําร้ายนางได้แม้แต่นิดเดียว
ปัง!
มู่เฉียนซีกวาดขาของนางออกไป และจิ่วเยี่ยก็ได้ล้มลงกับพื้นไปทันที
มู่เฉียนซีรังแกเขาและกดเขาลงไปกับพื้น ข้อมือของเขาถูกมู่เฉียนซีจับไว้
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าแพ้แล้ว จิ่วเยี่ย!”
“ซีเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!” จิ่วเยี่ยรู้สึกจนปัญญา
ขณะที่มู่เฉียนซีกําลังจะตรวจสอบร่างกายของจิ่วเยี่ย
ปัง!
เสียงประตูถูกผลักเปิดออก