ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] - บทที่ 430 มาทันเวลา
บทที่ 430 มาทันเวลา
บทที่ 430 มาทันเวลา
หลังจากตัดสินใจ หวังเหยียนจึงลงมาที่ชั้นล่างทันที
ฝนยังคงตกหนักโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ประกอบกับลมเย็นที่พัดมา ทำให้ยิ่งรู้สึกหนาวกว่าเดิม
แม้จะสวมเสื้อโค้ตถึงสองตัว แต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่ดี
หลี่หรงกอดถวนถวนไว้ในอ้อมแขนแน่น โชคดีที่เจ้าตัวน้อยใส่เสื้อกันหนาวหลายตัวจึงไม่รู้สึกหนาวเท่าไหร่
พวกเขาขับรถยนต์ออกตามหาอีกฝ่าย ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพอากาศ
หลังจากขึ้นไปบนรถ ไฟสีเหลืองอบอุ่นในรถก็เข้ามาแทนที่สายฝนที่ตกกระหน่ำ
บริเวณโดยรอบเงียบลงทันที
“ไปตามหาที่ตลาดก่อนเถอะค่ะ ฉันจำได้ว่าคราวที่แล้วเธอกลับไปทางนั้น”
“ครับ”
รถยนต์สีดำเคลื่อนตัวออกไปยังทิศทางที่หลี่หรงแนะนำอย่างช้า ๆ ขณะเดียวกันรถเมอร์เซเดสเบนซ์คันอื่น ๆ ก็เคลื่อนตัวออกไปเช่นกัน
…
ค่ำคืนอันมืดมิด สายลมพัดผ่านส่งเสียงหวีดหวิวขณะที่ฝนตกหนักจนไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้
ซูหว่านเอ๋อเดินไปตามทางถนนทอดยาวเพียงลำพัง เธอรู้สึกหนาวจนร่างกายบอบบางไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
เธอยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมองเป็นครั้งคราวด้วยความรู้สึกเสียใจที่ไม่โทรหาอวี้ฮ่าวหรานให้เร็วกว่านี้
เพราะตอนนี้แบตเตอรี่โทรศัพท์หมดเกลี้ยง แถมเธอยังไม่มีแรงเดินอีกต่อไป
“พักก่อนเถอะ”
ซูหว่านเอ๋อพึมพำกับตัวเอง ขณะที่ใบหน้าซีดเผือดไม่มีสีเลือดฝาดแม้แต่น้อย
โชคดีที่ยังมีชายคาริมถนนที่สามารถหลบฝนได้
ตอนนี้ฝนยังคงตกกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทันใดนั้นรถวิบากสีดำหลายคันก็ส่งเสียงคำรามทั่วบริเวณ!
แสงสว่างทำให้ซูหว่านเอ๋อต้องยกมือขึ้นบังแสงไฟที่แยงตา พายุฝนยังคงตกหนักอย่างต่อเนื่อง
ดูเหมือนว่ารถวิบากเหล่านั้นจะหาเป้าหมายเจอแล้ว ดังนั้นรถสองสามคันจึงแล่นมาจอดใกล้ ๆ กับเธอ
“ฮ่า ๆ! ไอ้พวกตระกูลซู! ซูหว่านเอ๋อ! ในที่สุดฉันก็หาเธอเจอ!”
ทันทีที่รถจอดสนิท ชายหัวล้านก็ลงมาจากรถพร้อมพูดเยาะเย้ย
เขาอดแสยะยิ้มไม่ได้ขณะมองดูหญิงสาวที่นั่งกอดเข่าอยู่ริมถนน
“ฮึ่ม! ยังไงซะเธอก็เป็นผู้หญิง ต่อให้ฉันปล่อยเธอหนีไปก่อนสักสองชั่วโมง ฉันก็ตามหาเธอเจออยู่ดี!”
ขณะนี้ชายฉกรรจ์สองสามคนก้าวลงมาจากรถคันข้าง ๆ เช่นกัน พวกเขาทุกคนต่างมีสีหน้าโหดเหี้ยมน่ากลัว
“จุ๊ ๆ น่าสงสาร ลูกเจี๊ยบตัวน้อยคงตกใจแย่เลย”
“น่าสมเพชไอ้ซูกว่างไห่ เล่นกับใครไม่เล่น ดันมาเล่นกับลูกพี่เล่ยเสี่ยว!”
“ฮ่า ๆ สมควรแล้วล่ะ!”
“…”
ชายฉกรรจ์หลายคนเห็นอย่างนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้
เสียงพูดเยาะเย้ยยิ่งทำให้ซูหว่านเอ๋อเสียวสันหลังมากกว่าเดิม เธอมองชายหนุ่มเหล่านั้นด้วยสายตาหวาดกลัวอย่างมาก
เธอเห็นคนเหล่านี้บุกเข้ามาในบ้านกลางดึก แถมยังกำจัดบอดี้การ์ดกว่าสิบคนได้อย่างง่ายดาย
“ฮ่า ๆ กลัวเหรอ? ทำไมตอนที่พวกตระกูลซูมากวนใจลูกพี่เล่ยเสี่ยวถึงไม่คิดถึงผลที่ตามมาล่ะ?”
ชายหัวล้านที่ลงจากรถเป็นคนแรกอดหัวเราะเยาะไม่ได้เมื่อเห็นอย่างนั้น
“มากับพวกเราสิ จุ๊ ๆ เธอยังสาวยังสวยอยู่แท้ ๆ แต่ต้องมาตายอย่างน่าอนาถแบบนี้”
พูดจบ เขาก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแล้วกระชากแขนอันบอบบางของหญิงสาวให้ลุกยืนขึ้น
แต่ขณะนั้นเองแสงไฟจากหน้ารถก็ส่องมาทางพวกเขา!
เสียงเบรกรถยนต์ดังขึ้นท่ามกลางค่ำคืนที่พายุฝนโหมกระหน่ำ ซึ่งผู้ที่เพิ่งมาถึงคือหวังเหยียนนั่นเอง!
“นั่น…ผู้หญิงคนนั้นนี่!”
หลี่หรงมองออกไปข้างนอกกระจกรถเห็นหญิงสาวบอบบางนั่งอยู่ข้างทาง
เมื่อก่อนเธอเคยอิจฉาหญิงสาวคนนั้นอย่างมาก แต่หลังจากรับรู้สถานการณ์ของซูหว่านเอ๋อ เธอก็อดเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่ได้
ใบหน้าขาวซีดฉายแววตื่นตระหนก ดวงตาดำขลับเหมือนไข่มุกสีดำสั่นไหวด้วยกลัว
“คุณ…คุณคนเดียวจัดการพวกมันได้ไหมคะ?”
เมื่อเห็นอย่างนั้น หลี่หรงก็อดเป็นห่วงชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่ได้
หวังเหยียนนับจำนวนศัตรูผ่านกระจกแล้ว
“พวกมันมีทั้งหมดสิบแปดคน ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหานะครับ”
พอพูดจบ หวังเหยียนก็ผลักประตูรถให้เปิดออกแล้วก้าวลงจากรถอย่างไม่ลังเล เม็ดฝนกระหน่ำตกลงบนศีรษะ ทำให้เส้นผมของเขาเปียกโชก
แต่ในเวลานี้ หวังเหยียนไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา
“ทุกท่าน? พวกคุณมีเรื่องข้องใจกับผู้หญิงคนนี้หรือเปล่าครับ?”
เขาพูดขึ้น
ชายหัวโล้นหรี่ตาลงเล็กน้อยเพราะแสงไฟจากหน้ารถยนต์แยงตา เขาไม่เคยเจออีกฝ่ายมาก่อนเลย
แต่นั่นทำให้เขาหัวเราะ
“ฮ่า ๆ ฉันก็คิดว่าจะมีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเจ้าหญิงซะอีก แต่ทำไมเป็นไอ้หน้าลิงตัวผอมคนนี้ล่ะ!”
เขาหัวเราะเยาะพร้อมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
“ซูหว่านเอ๋อ! ดูสิ คนแบบนี้เหรอจะมาช่วยเธอน่ะ! อย่าหวังเลย! ฉันจะสั่งสอนอย่างดีจนมันไม่มีวันลืมเลยล่ะ!”
พูดจบ เขาก็ส่งตัวซูหว่านเอ๋อให้กับลูกน้อง ก่อนเดินฝ่าสายฝนไปข้างหน้า!
หวังเหยียนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เขาประเมินว่าคู่ต่อสู้คงมีแค่พลังภายนอก ดังนั้นจึงไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย
“เข้ามาสิ หวังว่าแกจะไม่เสียใจภายหลังนะ”
เม็ดฝนไหลอาบแก้มของเขาไม่หยุด ชายหัวโล้นโมโหกว่าเดิมเมื่อได้ยินอย่างนั้น!
“ฮึ่ม! ไอ้ลูกหมา อยู่ต่อหน้าลูกพี่ทำเป็นเก่งไปได้ วันนี้ฉันจะหักแขนขาแกแน่!”
ไม่มีใครอยากพูดเรื่องไร้สาระท่ามกลางฝนที่ตกหนักหรอก
ทันทีที่ทั้งสองหยุดพูด พวกเขาก็พุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว!
ชายหัวโล้นเหวี่ยงหมัดไปที่ใบหน้าหวังเหยียน กล้ามแขนของเขามัดใหญ่กว่าอีกฝ่ายเกือบสองเท่า!
ร่างกายของทั้งสองคนแตกต่างกันอย่างมาก แต่หวังเหยียนกลับแสยะยิ้มมุมปาก!
“ไร้สาระ!”
ด้วยเสียงที่แผ่วเบา พลังภายในทั้งหมดไหลรวมมาอยู่ที่หมัดของเขาทันที!
ผัวะ!
เมื่อหมัดปะทะเข้ากับใบหน้าของชายหัวโล้น เขาก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังวิ่งชนแผ่นเหล็กกล้า!
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกแรงมาก แต่หมัดที่อีกฝ่ายปล่อยออกมากลับรุนแรงจนทำให้ริมฝีปากของเขาปริแตก!
พลังภายในอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ปกคลุมทั่วบริเวณ!
ชายหัวโล้นสัมผัสได้ถึงพลังงานอันน่ากลัวที่ไม่อาจหยุดยั้งไว้ได้ และก่อนที่จะมีเวลาตอบสนอง เขาก็ถูกอีกฝ่ายจัดการอย่างรวดเร็ว!
ตึง!
เขากระเด็นไปกระแทกรถวิบากที่อยู่ข้างหลังจนเกิดเสียงดังลั่น
“ฮึ่ม ฉันไม่สนใจว่าแกแข็งแกร่งแค่ไหน วันนี้ฉันจะสั่งสอนแกเอง!”
หวังเหยียนคลายกำปั้น ความเย็นชาฉายวาบบริเวณระหว่างคิ้วของเขาทันที
ในฐานะรองหัวหน้าของแก๊งพยัคฆ์เวหา เขาจึงไม่เคยเจอคนที่กล้าข่มขู่ตัวเองแบบนี้มาก่อน!
ท่านกลางสายฝนกระหน่ำ ลูกน้องของชายหัวโล้นล้วนมีท่าทีเกรงกลัวอีกฝ่าย!
พวกเขามองภาพที่น่าหวาดกลัวตรงหน้าอย่างไม่วางตา เหล่าชายฉกรรจ์ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลูกพี่ถึงดูอ่อนแออย่างนี้…
“ก…แกแข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ!”
ชายหัวโล้นมีร่างกายกำยำ แข็งแรง แต่หลังจากถูกโจมตี เขาก็รู้สึกเจ็บปวดจนแทบลุกยืนไม่ไหว
เขามองดูชายวัยกลางคนรูปร่างผอมแห้งด้วยสีหน้ามืดมน ขณะสัมผัสได้ถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามา
ผู้ชายวัยกลางคนคนนี้ลึกลับเกินไปแล้ว!
เขาไม่เคยเห็นคนที่มีรังสีอันตรายอย่างนี้มาก่อน!
ถึงอย่างนั้นตอนนี้เขาได้ตัวซูหว่านเอ๋อมาแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางปล่อยตัวผู้หญิงคนนี้ไปง่าย ๆ แน่
“ฉันยอมรับว่าแกแข็งแกร่งกว่า แต่ลืมแล้วเหรอว่าแกมาตัวคนเดียว แต่ฉันมีพี่น้องกว่าสิบคนที่พร้อมจะต่อสู้ด้วยกัน ถ้าไม่อยากตายก็หลีกทางให้ลูกพี่เร็วเข้า!”
เขามีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อนึกถึงลูกน้องกว่าสิบคนที่ติดตามมาด้วย
ในเมื่อแกมาคนเดียว วันนี้ลูกพี่คนนี้จะสั่งสอนแกให้เข็ดหลาบแน่!