ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 125
“เจ้าสัตว์เดรัจฉาน! หากคำสารภาพนี้เกิดจากการบังคับ เช่นนั้นเจ้าจงเปิดเผยบาดแผลบนร่างของเจ้าให้ดูหน่อย!” หลิวจวิ้นจ้องไปอย่างไม่ไว้หน้า หลีเปิงหดศีรษะ หมอบลงไปกับพื้นอีก
แต่ยังดีที่อู่เต๋อไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมา
เซียนด้านข้างที่เป็นพวกเดียวกันยืนขึ้นมา “ในเมื่อพวกเจ้ายืนยันว่าอู่เต๋อซิงจวินคือผู้กระทำผิด หลักฐานนอกจากเจ้ากบฏหลีเปิงนี่แล้ว ยังมีอะไรอีก?”
ไม่อาจไม่กล่าวว่าอู่เต๋ออยู่บนสวรรค์วางตัวได้ดีทีเดียว คำพูดนี้เพียงเอ่ยมา ทันใดนั้นก็มีคนอีกเจ็ดแปดคนยืนขึ้นสนับสนุน คนเหล่านี้ยังเป็นพวกอาวุโสที่มีคุณธรรมสูงส่งและมีชื่อเสียง
“มีหลักฐานแน่นอน” มู่จิ่วค้อมตัวประสานมือ “อู่เต๋อเจินจวินอ้างว่าลงโทษหลีเปิง ส่งเขาไปที่ทะเลสาบไร้กังวลเพื่อกักขัง พวกเราติดตามร่องรอยไป พบว่าที่แท้เขาไม่ได้ถูกกักขังแต่อย่างใด แต่อาศัยโอกาสนี้ก่อคดีต่อ จนพวกเราตามรอยไปถึงยอดเขาราชาเพลิงที่ชนเผ่าทางใต้ จึงค้นพบของวิเศษจากโลกเซียนจำนวนมากในถ้ำ ในนั้นมีไม่น้อยที่เป็นของเขาเนินอาราม”
“ตอนนี้ใต้เท้าหลิวผนึกทั้งถ้ำไว้แล้ว ด้านในน่าจะยังมีกลิ่นอายของหลีเปิงอยู่ เซียนแต่ละท่านหากยังสงสัย หน่วยลาดตระเวนสามารถนำทางท่านไปตรวจสอบได้”
เหล่าเซียนต่างตกใจ มองไปทางอู่เต๋อที่ไม่พูดมาตลอด จากนั้นจึงหันไปถามมู่จิ่วเหมือนไม่มีหนทางเผชิญหน้ากับคนที่เคยเป็นเพื่อนเก่ากันมาก่อน “เขาทำแบบนี้ทำไม?”
ตามความเห็นพวกเขา นี่คือการทำลายอนาคตตัวเองของอู่เต๋อเจินจวิน!
แต่พวกเขาลืมไปเสียสนิท ตอนอู่เต๋อเป็นชิงผิงยังเคยกระโดดแท่นประหารเซียนด้วยตนเองมาแล้ว!
“ทำไมต้องทำแบบนี้ คงต้องพูดถึงการต่อสู้ของอู่เต๋อเจินจวินกับหลีหังในครั้งนี้แล้ว” มู่จิ่วหันกลับมาเผชิญหน้ากับทั้งสอง “ข้าเคยได้ยินว่า อู่เต๋อเจินจวินชาติก่อนเป็นชิงผิงซิงจวินอยู่อย่างสงบที่ยอดเขามรกต และชิงผิงซิงจวินยังมีภรรยาที่รักใคร่กัน ซึ่งเป็นภรรยาของหลีหังเจินเหรินด้วย ถูกหรือไม่?”
ในวังมีคนสองในสามส่วนสูดลมหายใจเย็นเข้าไปด้วยตกตะลึง
แต่อู่เต๋อที่คุกเข่าอยู่บนพื้น นอกจากใบหน้าหม่นหมองลึกซึ้งหลายส่วนแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน
แม้ว่าหลีหังจะไม่ได้ส่งเสียงเหมือนกัน ทว่ากลับมองมู่จิ่วอย่างรวดเร็ว
วันนั้นมู่จิ่วไปวิมานหลีเฮิ่นได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก ตอนนี้จึงไม่กลัวเขาสงสัยอะไร
แต่หลีหังยังคงจ้องนางอยู่หลายครั้ง ในสายตาคล้ายมีแววสืบเสาะค้นหา
“พวกเจ้าไม่ต้องสงสัยแล้ว” ตอนนี้เอง อู่เต๋อลุกขึ้นมาจากพื้น “คดีที่ชิงชิวเป็นข้าทำเอง ของที่เนินอารามข้าก็ให้คนไปขโมยมา ปีศาจงูเขียวก็เป็นข้าที่สังหาร จิ้งจอกสามตัวแห่งชิงชิวข้าสังหารไปสอง ส่วนจิตจิ้งจอกขององค์ชายสี่อยู่กับข้า”
พูดจบเขาก็ล้วงจิตจิ้งจอกขนาดเท่าถั่วเหลืองออกมาจากแขนเสื้อ “พวกเจ้าล้วนรู้หมด ด้วยความสามารถของข้า หากต่อกรกับหลีหังย่อมสู้เขาไม่ได้ โทษของเขาไม่อาจให้อภัย หลายปีมานี้ลัทธิฉ่านก่อเรื่องก่อราวตามอำเภอใจ ทำให้ผู้คนโกรธเคืองมานานแล้ว หากไม่มีพวกเขากรุยทางไว้ก่อน ข้าคงไม่อาจทำสำเร็จได้”
ราชาจิ้งจอกก้าวไปข้างหน้า ชิงเอาจิตจิ้งจอกมาสำรวจดูอย่างละเอียดกับราชินีจิ้งจอก เมื่อแน่ใจว่าเป็นของแท้ไม่ผิด จึงรีบเก็บไว้ในอกก่อนชี้อู่เต๋อ “เจ้ามีความแค้นอะไรก็ไปลงที่ลัทธิฉ่าน มาหาเรื่องชิงชิวเพื่ออะไร? วันนี้ข้าต้องออกหน้าแทนเหล่าจิ้งจอกชิงชิวที่ตายไป จะเอาเรื่องเจ้าให้จงได้!”
พูดจบก็เรียกฝ่ามือตาข่ายฟ้าเสวียนหมิงออกมา ตั้งใจจะจัดการให้วิญญาณอู่เต๋อแตกสลายไปในฝ่ามือเดียว
อวี้ตี้รีบหยุดไว้ “ราชาจิ้งจอก ช้าก่อน!”
เหล่าเซียนด้านข้างก็รีบช่วยพูด “คลี่คลายเรื่องคดีสำคัญกว่า อีกเดี๋ยวยังมีกฎของสวรรค์ให้จัดการ”
ราชาจิ้งจอกจึงเก็บมือกลับ แล้วถอยกลับไปอย่างกระฟัดกระเฟียด
อู่เต๋อไม่ขยับเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ราวกับถึงวิญญาณแตกซ่านไปอีกครั้งก็ไม่สำคัญ
มู่จิ่วรำคาญจะตายอยู่แล้ว พวกเขาเหล่านี้ช่างไม่สนความเป็นความตาย ในใจคิดแต่เพียงทำร้ายคนของคนอื่น พูดตามจริงคดีนี้หากไม่มีลู่ยาอยู่ ก็ไม่แน่ว่าเมื่อไหร่ถึงจะสืบได้ชัดเจน ทำให้นางต้องเฉียดตายอยู่ที่ชิงชิวหลายรอบ ตอนนี้กลับมาแสดงบทบาทผู้ผดุงคุณธรรม!
ล้วนเป็นพวกที่ไม่ได้เรื่องทั้งนั้น!
นางพูด “อันที่จริง ที่มาที่ไปข้าล้วนรู้อย่างชัดแจ้งแล้ว”
“ข้าไม่เพียงแต่รู้เรื่องเจ้ากับเฟยอี ข้ายังรู้เรื่องเจ้ากับฮองเฮาที่ต้าเว่ย แต่ยังมีหลายข้อที่ไม่เข้าใจ ทำไมเจ้าถึงได้โกรธแค้นหลีหังเจินเหรินขนาดนี้? เพราะว่าเขาพาเฟยอีไป เพราะเขาบอกเล่าความจริงของเจ้าต่อหน้ากษัตริย์ หรือเพราะตอนเขาเป็นผิงหนานอ๋องได้ทำร้ายฮองเฮาและสนมของเจ้า?”
อู่เต๋อยิ้มเยาะ “แค่นี้ไม่พอหรืออย่างไร?”
“ไม่พอ” มู่จิ่วพูด “พูดตามจริง ที่จริงแล้วข้าเข้าใจไปว่าเจ้ารักเฟยอีอย่างลึกซึ้ง แต่ทำไมหลังจากเจ้าเป็นเจ้าเค่อถึงได้รักองค์หญิงจากแคว้นที่ล่มสลาย? ทั้งที่ชัดเจนว่าฮองเฮาต่างหากที่เป็นเฟยอี นี่แสดงว่าความรักที่เจ้ามีต่อนางไม่ได้ลึกซึ้งขนาดที่เจ้าคิด เจ้ากระโดดแท่นประหารเซียน ส่วนใหญ่คงเป็นเพราะเจ้าอับอายสินะ?”
“ข้าเพียงสงสารเฟยอี นางเข้าใจว่าสามารถอยู่กับหลีหังเจินเหรินได้ทุกชาติภพ แต่หลีหังเจินเหรินมีใจเป็นอื่นไปแล้ว”
“แต่เดิมเข้าใจว่าเจอเจ้าแล้วจะเริ่มต้นใหม่ได้ คิดไม่ถึงว่าเจ้ากลับไม่ได้รักนางอย่างที่นางเข้าใจ นางตามเจ้าไปจนถึงโลกมนุษย์ ผลคือเจ้ากลับรักคนอื่นก่อน ในใจนางมีเจ้า แต่ในใจเจ้ากลับไม่มีนางแล้ว นางแบกใจที่จะคืนหนี้รักตามเจ้าไป สุดท้ายได้แต่เพียงปิดฉากด้วยความตาย”
สายตาของอู่เต๋อกระเพื่อมไหวในที่สุด เขามองนางนิ่งๆ ผ่านไปนานจึงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
“เจ้าผิดแล้ว”
ตอนที่มู่จิ่วเข้าใจว่าตนเองรู้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้วนั้น หลีหังที่เงียบมาตลอดก็เปิดปากออกมา เขาเดินมาตรงหน้ามู่จิ่ว พูดว่า “เจ้าสามารถหาความจริงมาถึงตรงนี้ นับว่าเยี่ยมยอดมาก แต่ครั้งนี้เจ้ากลับเข้าใจผิดแล้ว ความรู้สึกที่อู่เต๋อมีต่อเฟยอีเป็นรักแท้”
มู่จิ่วอึ้งไป ชัดเจนว่าเขาเป็นคู่แค้นของอู่เต๋อ ทว่ากลับช่วยอีกฝ่ายพูด?
นางเอ่ย “ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับองค์หญิงแห่งแคว้นที่ล่มสลาย?”
“องค์หญิงแห่งแคว้นที่ล่มสลายกับฮองเฮาล้วนคือเฟยอี”
เสียงของหลีหังดังชัดเจนในวัง ทำให้เหล่าเทพเซียนที่มุงดูอยู่กับมู่จิ่วมึนงง ยังมีอู่เต๋อที่ตกตะลึงไปเช่นกัน…
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” อู่เต๋อชิงถามก่อน
หลีหังพูด “ปีนั้นเมื่อข้าพาเฟยอีกกลับจากเขามรกต เฟยอีก็ไม่ใช่เฟยอีคนก่อนอีกต่อไป นางจากที่เคยเป็นวิหคน้อยคอยตามข้าทั้งวัน กลายเป็นร่างไร้วิญญาณที่เงียบขรึม ความสนใจทั้งหมดของนางไม่อยู่ที่ข้าแล้ว และไม่เจ็บปวดเรื่องข้ากับซูชิวอีก ความนึกคิดทั้งหมดของนางอยู่ที่ชิงผิงทั้งสิ้น”
“ข้าเฝ้านางไว้หนึ่งปี ไม่นึกเลยว่านางจะอาศัยตอนข้าไม่ระวังตัวหนีไปปีนแท่นประหารเซียน กระโดดลงไปมุมเดียวกับที่ชิงผิงกระโดดลงไป ตอนข้าตามนางทันจับได้เพียงวิญญาณส่วนหนึ่งของนาง วิญญาณส่วนนี้ลอดผ่านร่องมือไป กลายเป็นวิญญาณสองส่วนติดตามชิงผิงไปโลกมนุษย์”
“ไม่คิดเลยว่าข้าจะทำร้ายนางขนาดนี้ แม้แต่วิญญาณนางยังไม่ยินยอมติดตามข้าด้วยซ้ำ ดังนั้นข้าจึงไปหาเทียนมิ่งซิงจวิน ขอให้เขาทำให้ข้ากลับไปเวียนว่ายตายเกิด เพราะคิดจะให้พวกเขาสมปรารถนาสักครั้ง”
……………………………………………