ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 137 วัยขบเผาะ
เหลียงชิวฉานเห็นกับตาตนเองว่าจีหย่งฟางถูกหัวชิงตัดชีพจรอย่างไร ภาพอีกฝ่ายเจ็บปวดหมดหวังยังคงลอยอยู่ในดวงตานาง หากเรื่องนี้ถูกเปิดโปงออกมา แบบนั้นหัวชิงต้องทำกับนางเหมือนกับที่ทำกับจีหย่งฟางแน่! หลังจากนางเห็นสภาพอันน่าเวทนาของจีหย่งฟางแล้วถึงได้เข้าใจ หลินเจี้ยนหรูย้ายผลลัพธ์ที่เขาควรจะแบกรับมาไว้ที่นาง!
เขาทำให้นางกลายเป็นแพะรับบาป! นับจากวันนี้ไปคนที่ต้องกลัวและหวาดระแวงอยู่ทุกเมื่อก็คือนาง!
นางจะไม่แค้นได้อย่างไร? ไม่โกรธได้อย่างไร?
นางยื่นนิ้วทั้งสิบไปคว้าหน้าเขา การเคลื่อนไหวทั้งหมดล้วนเกิดจากสัญชาตญาณของร่างกาย นางรู้ว่านางสู้เขาไม่ได้ แต่ยังอยากเสี่ยงดูไม่ว่าจะต้องเสียอะไร นางพะวงเรื่องมากมายขนาดนั้นไม่ได้!
“ศิษย์พี่ลำบากแล้ว” หลินเจี้ยนหรูจับมือทั้งสองของเหลียงชิวฉานไว้มั่น ลูบหน้าผากและแก้มของนาง ขยับปากพูดว่า “ศิษย์พี่ช่วยข้าขนาดนี้ ข้าต้องช่วยเจ้าคิดหาทางรับมือกลับไปแน่”
เหลียงชิวฉานร้องไห้เสียงดัง
นางรู้ว่าคนตรงหน้านี้เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นมารร้าย แต่นางกลับไม่มีเรี่ยวแรงดิ้นรนขัดขืน
ตอนนี้นางยังสามารถทำอะไรได้อีก?
แม้แต่สังหารเขาก็ไม่มีประโยชน์แล้ว!
จังหวะชีวิตในสวรรค์ช่างเชื่องช้า หรือพูดได้ว่าทั้งโลกเซียนไม่มีใครยุ่ง ดังนั้นเวลาจึงผ่านไปเร็ว
พริบตาเดียวมู่จิ่วปฏิบัติงานอยู่ที่กลุ่มถิงเว่ยได้ครึ่งเดือนแล้ว เรื่องงานค่อยๆ อยู่มือ หลังจัดการเรื่องราวเล็กน้อยเท่าเม็ดงาไปจำนวนหนึ่ง ก็เริ่มคุ้นชินกับพวกหลี่อี้ถงกวงแล้ว และก็รู้จากปากพวกเขาว่าผู้รับผิดชอบคนก่อนหน้านางทำผิดเล็กน้อย จึงถูกส่งไปเป็นเซียนภูเขายังโลกมนุษย์ ตอนแรกพวกหลี่อี้ก็เกือบจะพลอยลำบากไปด้วย
และเพราะแบบนี้ ตอนนั้นพวกเขาจึงต้อนรับขับสู้นางอย่างจริงจัง
มู่จิ่วให้พวกเขาวางใจในเรื่องนี้ได้ ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่ทำผิด ถึงแม้ทำผิดจริง ก็ไม่ทำให้พวกเขาลำบากไปด้วยแน่ ดังนั้นพวกเขาจึงวางใจ ปกติเรียกตอนไหนก็มาตอนนั้น กระฉับกระเฉงว่องไวมาก
อีกอย่างย้ายบ้านใหม่ ช่วงนี้แม้แต่นอนหลับยังดีขึ้นมาก แต่ละคนล้วนพอใจกับลานบ้านเดี่ยวที่แยกออกมานี้อย่างยิ่ง เสี่ยวซิงดีอกดีใจ อาฝูกลิ้งอยู่ที่มุมใหม่ๆ ทุกวัน กลิ้งไปรอบหนึ่งก็กลับมาโดยที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยโคลน จนเสี่ยวซิงไม่อาจไม่จับเขามาอาบน้ำทุกวัน
สถานที่ใหญ่เรื่องก็มากตาม เสี่ยวซิงยิ่งยุ่งกว่าแต่ก่อน อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง แต่ก่อนนางยังมีเวลาฝึกพลัง ตอนนี้ทุกวันต้องทำงานบ้าน สามารถมีเวลาหายใจหายคอก็ไม่เลวแล้ว
มู่จิ่วจึงปรึกษาหารือกับนาง “พวกเราหาคนมาช่วยทำความสะอาดดีหรือไม่?”
ปีศาจน้อยมากมายนอกประตูสวรรค์แดนใต้ล้วนอยากเข้ามาทำงานด้านใน นางคิดว่าเหล่าลิงพวกนั้นดีมากทีเดียว
“จำเป็นด้วยหรือ?” เสี่ยวซิงพูด “ซ่างกวนสุ่นบอกว่าจะกลับมาไม่ใช่หรือไง!”
พูดตามจริง ตอนเจ้าคนนี้เพิ่งมาแรกๆ ไม่รู้นางรังเกียจเขาตั้งเท่าไหร่ ปากชอบพูดจาโอ้อวด มีตรงไหนเทียบกับอาฝูได้บ้าง? แต่เวลาผ่านไปนางก็เปลี่ยนมุมมอง อย่างน้อยเขาก็สะอาดสะอ้าน ทุกวันไม่เพียงล้างผักล้างชาม กวาดพื้นทำความสะอาดเตา แต่ยังเก็บกวาดห้องของตนและลานบ้าน ช่วยประหยัดเวลานางได้มาก
พูดถึงตรงนี้นางก็อดมองออกไปข้างนอกไม่ได้ ความจริงเขาจากไปเดือนหนึ่งแล้ว เรื่องที่บ้านควรจะจัดการเรียบร้อยแล้วกระมัง? หรือว่าเขาไม่คิดจะกลับมาแล้ว? คนผู้นี้นี่ ตอนเขาไปกลับทำเป็นอาลัยอาวรณ์!
คิดถึงตรงนี้ นางก็หยิบเอาไม้ตีผ้าทุบลงไปบนกระดานซักเสื้อ จากนั้นเดินตึงๆๆ เข้าห้องไป
มู่จิ่วมองแผ่นหลังของเจ้ากระต่าย ยิ่งนานวันนางยิ่งไม่เข้าใจความคิดของเด็กสาววัยขบเผาะเลยจริงๆ เมื่อครู่มิใช่ว่ายังคุยเล่นกันอยู่ดีๆ หรือ? หันมามองอีกทีทำไมกลายเป็นทุบเสื้อไปแบบนั้นแล้ว? นี่ไม่เหมือนวัยแตกเนื้อสาว เหมือนวัยทองเสียมากกว่า!
“เจ้าดูอะไรอยู่?”
ตอนนี้เองพลันมีเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นมาข้างหู มู่จิ่วหันกลับไปทันที นึกไม่ถึงว่าเป็นจะซ่างกวนสุ่นยืนอยู่ข้างหน้า ไม่เพียงยืนอยู่ตรงหน้า บนหลังยังมีห่อผ้าขนาดใหญ่มาด้วย มือซ้ายถือถังหูลู่[1]มาสองไม้ มือขวาถือขนมเคลือบงามาสองห่อ ดูแล้วเหมือนกับพ่อค้าเร่ที่ตะลอนไปทั่ว
“เจ้ามาได้อย่างไร?” มู่จิ่วชี้เขา คดีจบแล้วยังคิดจะมากินอยู่เปล่าๆ อีก?
“เจ้าพูดว่ายินดีต้อนรับข้ากลับมาทุกเวลามิใช่หรือ!” ซ่างกวนสุ่นถลึงตาใส่ “เร็วขนาดนี้ก็ลืมแล้ว เจ้าแก่แล้วหรือไร?!” พูดจบเขาก็เชิดคางขึ้น เดินหลบนางเข้าไปข้างในทันที
มู่จิ่วสำลักจนพูดไม่ออก พูดให้ชัดเจนหน่อยดีหรือไม่? บ้านนี้ของนาง ของนาง!
กลายเป็นสถานที่ที่พวกเขาคิดจะเข้าก็เข้าได้ตั้งแต่ตอนไหนกัน? แล้วยังแสดงท่าทีแบบนี้กับนางอีก!
“จิ๋วจิ่ว ให้เจ้ากินถังหูลู่”
กำลังครุ่นคิดว่าจะให้อาฝูเอาเขาโยนออกไปหรือไม่ เสี่ยวซิงกลับกระโดดโลดเต้นออกมา ในมือหนึ่งถือถังหูลู่ ความโกรธที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุเมื่อครู่หายไปแล้ว ท่าทางเบิกบานใจ เหมือนกับได้รับของมีค่าอะไรมา
แน่นอนว่านี่ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือถังหูลู่นี้เอามาเพื่อให้เสี่ยวซิงกิน ไม่ใช่เอามาคารวะเจ้าของบ้าน?
ซ่างกวนสุ่นคนนี้ ตาอยู่ที่คอหรืออย่างไร!
นางรับถังหูลู่มาอันหนึ่ง ดึงเสี่ยวซิงมาพูดอย่างเอาจริงเอาจัง “ข้าพูดให้เจ้าฟัง ซ่างกวนสุ่นคนนี้ช่างไม่มีมารยาท ภายหลังเจ้าคบหากับเขาให้น้อยหน่อย”
เสี่ยวซิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ตอบรับหนึ่งคำแล้วกลับห้องไป
มู่จิ่วกลับห้องไปเช่นกัน ไม่นานประตูก็มีเสียงเคาะ ซ่างกวนสุ่นเดินเบียดนางเข้าไป นำห่อผ้ามาวางไว้บนโต๊ะนาง พูดว่า “นี่คือสิ่งที่พ่อแม่ข้าให้ข้านำมาให้เจ้า เจ้าดูว่าชอบหรือไม่ หากไม่ชอบข้าจะนำกลับไปเปลี่ยนให้เจ้า! หากชอบ ภายหลังอย่าไปพูดกับเสี่ยวซิงเรื่องห้ามคบหากับข้า! คำนี้ข้าไม่อยากได้ยิน!” เขากอดอกเหยียบลงไปบนเก้าอี้นาง จมูกเชิดขึ้นฟ้า
“พ่อแม่เจ้า?”
ในคำพูดนี้มีข้อมูลเยอะมาก ตาของมู่จิ่วนิ่งไปนานถึงจะหาประเด็นสำคัญเจอ จากนั้นยื่นสองนิ้วออกไปแกะห่อผ้าออกดู กลับเป็นกล่องผ้าขนาดใหญ่สามกล่อง เมื่อเปิดกล่องเป็นกำไลทองดำลวดลายสลับซับซ้อนหนึ่งอัน ถุงมือบางราวกับปีกจักจั่นหนึ่งคู่ ยังมีรองเท้าปักลายดอกไม้ซึ่งมีลวดลายสวยสะดุดตา
“พ่อแม่เจ้าส่งเครื่องประดับรองเท้ามาให้ข้าทำไม?”
นางรู้สึกระแวงสงสัยขึ้นมาทันที พ่อแม่เขาส่งเสื้อผ้าเครื่องประดับให้นาง? เรื่องนี้ทำไมแปลกประหลาดนัก!
ซ่างกวนสุ่นเห็นท่าทางของนางก็ไม่สบอารมณ์ “ทั้งสามชิ้นนี้ล้วนเป็นของวิเศษ! กำไลใช้เป็นเชือกมัดเซียนได้ แต่กลับรุนแรงกว่าเชือกมัดเซียนนัก! ถุงมือทำมาจากผิวเงือก สามารถป้องกันพิษทุกชนิดบนโลก! รองเท้านี้เป็นรองเท้าเหยียบเมฆ วันหนึ่งเดินได้หมื่นลี้! เพราะเจ้าคลี่คลายคดีนี้ได้ พวกเขาจึงอยากแสดงความขอบคุณ ทำไมถึงจะส่งมาให้ไม่ได้?!”
ที่แท้ก็หมายถึงแบบนี้ รีบพูดสิ!
นางวางถังหูลู่ นำของวิเศษแต่ละชิ้นมาทดลอง กำไลนั่นคิดไม่ถึงว่าสามารถปรับระดับความใหญ่เล็กกับข้อมือนางได้ และนางเป็นธาตุทอง พลังเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ นางยกมือขึ้นไปทางซ่างกวนสุ่นเพื่อทดสอบเสียหน่อย เขากลับโดนจับไว้ ขยับไม่ได้ทันที ซ้ำยังมัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานใบหน้าเขาก็แดงเถือก!
ครั้นลองถุงมือผิวเงือกและรองเท้าเหยียบเมฆ กลับใช้ได้ดีอย่างมากเช่นกัน
“ช่างเป็นของที่ดีนัก”
นางเก็บของทั้งหมดเข้ากล่อง จากนั้นเก็บกลับไปในห่อผ้า
“เจ้าไม่เอาหรือ?” ซ่างกวนสุ่นเบิกตาโต
“ข้าไม่ได้ทำอะไรให้ ไม่กล้ารับของหรอก การทำคดีเป็นหน้าที่ของข้า ข้าย่อมไม่รับ” มู่จิ่วนั่งไขว่ห้าง หยิบถังหูลู่ขึ้นมา “หากเจ้ามีใจกตัญญู มิสู้ภายภาคหน้าทำงานให้ข้ามากหน่อย ดูแลบ้านดีๆ เป็นผู้ช่วยที่ดีของเสี่ยวซิง นี่เทียบกับมอบของให้ข้าแล้วดีกว่ามาก” พูดจบนางก็นั่งตัวตรง “อีกอย่าง เสี่ยวซิงเป็นคนของข้า ข้าจะสอนนางอย่างไรเกี่ยวอะไรกับเจ้า!”
…………………………………………………………