ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 161 ด้ายแดงคู่หนึ่ง
“ข้าไม่มีความยุติธรรมให้ที่นี่! เจ้าอยากไปหาใครก็ไปหาคนนั้น!”
ราชินีมังกรดึงอ๋าวเจียงหันหลังให้นาง
อวิ๋นเฉี่ยนจะลงมืออีก ราชามังกรรีบดึงนางไว้ “อย่าผลีผลาม!” จากนั้นกัดฟันมองพวกราชินีมังกรแม่ลูก เอ่ยทั้งสีหน้าเย็นชา “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร อ๋าวเจียงลักพาคนนั้นไม่ถูกต้อง เจ้าต้องส่งอวิ๋นซีกลับทิวเขาริ้วหยกด้วยตนเอง!”
ราชินีมังกรพลันหมุนกลับมา ต้องการพูดอะไร อ๋าวเชินกลับชิงพูดต่อหน้านางก่อน “วันนี้ไม่ว่าคนที่เขาลักพาตัวมาจะเป็นใคร เรื่องที่เขาทำด้วยตนเองก็ต้องแบกรับผลด้วยตนเอง! มิฉะนั้นต่อไปท่านพ่อสืบความขึ้นมา ข้าก็ปกป้องเขาไม่ได้!”
ราชินีมังกรยืนกรานอยู่นาน บางทีอาจทนคำพูดสุดท้ายของอ๋าวเชินไม่ได้ จึงปล่อยมืออย่างเงียบงัน
แต่ปล่อยแล้วนางกลับเหลือบมองมู่จิ่วคราหนึ่ง ก่อนพูด “หากต้องไป เช่นนั้นก็ต้องพาเด็กสาวคนนี้ไปด้วย!”
คนทั้งหมดต่างอึ้ง เพราะตอนนี้ไม่เข้าใจความตั้งใจของนาง
มู่จิ่วเห็นสีหน้าของขุนนางเต่ากลับพลันมีแสงพาดผ่านมา นางเป็นพลอารักขาของอ๋าวเจียง ตามเหตุผลแล้วไปได้ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือนางเป็นเจ้าหน้าที่จากสวรรค์ รักษาความเป็นกลางในความสัมพันธ์ของทั้งสองฝั่งมากที่สุด มีฐานะชั้นนี้คุ้มครอง และอยู่ข้างกายอ๋าวเจียง อ๋าวเชินกับตระกูลอวิ๋นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่กล้าทำร้ายชีวิตเขา
ที่จริงถึงแม้ตระกูลอวิ๋นไม่รู้ความร้ายกาจ อ๋าวเชินก็รู้ หากมู่จิ่วนำเรื่องการกระทำของเขาไปรายงานต่อสวรรค์ แบบนั้นพวกเขาก็รับความผิดฐานวางแผนสังหารบุตรชายมังกรไม่ไหว! ต่อให้ย้ายไปทะเลตะวันออก อ๋าวก่วงก็ละเว้นพวกเขาไม่ได้
ส่วนเรื่องทำร้ายตัวนางเอง ความเป็นไปได้ยิ่งต่ำ! ตอนอ๋าวเชินอยู่ต่อหน้าอวี้ตี้หวังหมู่ได้รับปากเองแล้วว่าจะไม่ประกาศความแค้นส่วนตัวออกไป
ราชินีมังกรสามารถคิดถึงขั้นนี้ได้ สามารถยืนยันได้ว่าสมองของนางไม่ใช่กระดาษเปล่า
แต่นางมีสมอง รู้ว่าต้องปกป้องลูกนาง กลับไม่คิดเลยว่ามู่จิ่วเห็นด้วยหรือไม่!
อวิ๋นเฉี่ยนกับอ๋าวเชินจ้องแต่จะล้างแค้นให้เฉินผิง ถึงแม้นางไปครั้งนี้ไม่ตาย แต่ตกอยู่ในมือคนชั่วอย่างพวกเขา หรือยังมีผลดีอีก?
นางไม่ไป!
นางรีบพูด “ตอบราชินี ข้าน้อยรับผิดชอบเพียงงานของวังมังกร ไม่รวมการออกไปข้างนอก ขอให้เหนียงเหนียงถอนคำสั่งคืนด้วย”
“เจ้าต้องไป!”
ทางนี้เพิ่งพูดจบ อ๋าวเชินกับอวิ๋นเฉี่ยนก็ชี้นางพลางพูดขึ้นมาพร้อมกัน หลังจากพูดจบ ทั้งสองคนแลกสายตาที่เจือไปด้วยความตกใจระคนยินดี ราวกับมีความเห็นพ้องต้องกันบนตัวของมู่จิ่วอีกครั้งหนึ่งจึงตื่นเต้น…แต่นอกจากพวกเขาแล้ว คนที่พูดแบบนี้ยังมีอ๋าวเจียงอีกคน!
มู่จิ่วอยากกระอักเลือดออกมาจริงๆ เจ้าเด็กนี่เมื่อครู่ยังทำให้คนนึกชอบอยู่ ทำไมตอนสำคัญกลับทำเสียเรื่อง?!
“ข้า…”
“ตกลงแบบนี้แหละ!” อ๋าวเชินไพล่มือทั้งสองออกความเห็น ไม่รู้ว่าเพราะความเห็นตรงกับอวิ๋นเฉี่ยน หรือเพราะในที่สุดเรื่องนี้ก็มีบทสรุป เขาจึงเปลี่ยนมาแจ่มใสอีกครั้ง “พรุ่งนี้เช้าไปทิวเขาริ้วหยก กัวมู่จิ่วกับอ๋าวเจียงไปด้วยกัน! กัวมู่จิ่ว หากเจ้ากล้าเล่นตุกติก กลับมาข้าจะฟ้องโทษของเจ้ากับสวรรค์!”
ฟ้องฟ้อง ฟ้องย่ามันเถอะ!
มู่จิ่วยกมือขึ้นสับก้อนหินที่อยู่ด้านข้าง แล้วพุ่งไปยังเขา
“กัวมู่จิ่ว! เจ้าคิดจะเป็นกบฏหรือ?!”
ราชามังกรกระโดดขึ้นมา คิดจะตามนางไป ราชินีมังกรกับอ๋าวเจียงกลับขวางอยู่ด้านหน้า
ลู่ยาเฝ้าอยู่ที่ยอดวังจนเรื่องมีบทสรุปถึงกลับค่ายบัญชาการ
ถึงแม้พวกอ๋าวเชินกลับเห็นพ้องต้องกันให้มู่จิ่วไปทิวเขาริ้วหยกออกจะนอกเหนือความคาดหมายของเขา แต่เมื่อคิดดีๆ อวิ๋นเฉี่ยนช้าเร็วก็จำต้องเบนเป้ามา ถึงแม้ครั้งนี้ไปทิวเขาริ้วหยก แต่มีอ๋าวเจียงไปด้วย อย่างไรเรื่องก็คงไม่แย่ไปถึงไหน ยิ่งนำกระดองเต่ามาทำนายสองรอบ ก็ไม่ได้ผลออกมาว่ามู่จิ่วไปคราวนี้จะมีอะไรผิดปกติ จึงสงบใจลงได้
ส่วนทางวังเทียมบูรพา ถึงแม้มู่จิ่วอารมณ์ไม่ดี แต่กลับไม่ไปไม่ได้แล้ว
ข้อแรก พวกเขาไม่กล้ายืนกรานให้นางไปรับโทษด้วย เพียงแค่ให้นางร่วมทาง นี่คือเรื่องมีเหตุมีผล ทำให้นางปฏิเสธไม่ได้
ข้อสอง ราชินีมังกรยังอาศัยโอกาสยัดกระดาษม้วนหนึ่งเข้ามาในมือนาง บนนั้นเขียนอยู่สองประโยค ครั้งนี้ขอร้องนางให้ไปดูแลอ๋าวเจียง…ถึงขั้นนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้แล้ว ชัดเจนว่าราชินีเห็นที่นางสังหารเฉินผิง ตอนนี้ถูกอ๋าวเชินกับอวิ๋นเฉี่ยนคนชั่วคู่นั้นจำความแค้นไว้ จึงนำนางที่เป็นศัตรูของศัตรูมาเป็นคนของตนเอง ไม่ว่าจะพูดอย่างไร นางไม่มีทางปฏิเสธ
หลังจากเรื่องราวจบลง อ๋าวเจียงไปวังราชินี ตอนนี้อ๋าวเชินปล่อยมู่จิ่วไปก่อน สั่งให้เช้าวันถัดไปพบเขาที่ตำหนักคลื่นหยก จากนั้นค่อยไปทิวเขาริ้วหยกด้วยกัน ก่อนไปอ๋าวเจียงเหลือบมองนางหลายครั้ง คิดไม่ถึงว่าจะเจือไปด้วยความรู้สึกผิด…นางต้องดูผิดแน่! เจ้านี่หากรู้สึกเจ็บเป็น ตอนใกล้ตายคงไม่ลากนางเข้ามาร่วมรับผิดด้วยหรอก!
อวิ๋นซีก็มีที่พักที่อื่นแล้ว ต่อจากนั้นอ๋าวเชินกำชับให้รักษาแผลเขาอย่างไรก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว
มู่จิ่วรู้สึกแต่แรกว่าก่อนหน้านี้ที่เขาปกป้องนางดูไร้ต้นสายปลายเหตุ อ๋าวเจียงปกป้องนางยังเข้าใจได้ อย่างน้อยตอนแรกนางก็พูดชัดเจนไว้แล้ว และอย่างน้อยนางยังให้ยารักษาแผลเขา ช่วยเขาปกปิดเรื่องเขาทะเลาะกับอวิ๋นซีจนได้รับบาดเจ็บ เขาแค่ตอบแทนนางเล็กน้อยก็เรียกว่าเป็นแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียมกัน แต่อวิ๋นซีนี่หมายถึงอะไร?
นางครุ่นคิดจนถึงค่ายบัญชาการ ลู่ยาอาบน้ำแล้ว เส้นผมทิ้งตัวอยู่ข้างหลัง เอนอยู่ตรงหน้าต่าง งดงามราวกับภาพวาด
มู่จิ่วห้ามใจไม่ได้จึงเดินเข้าไป นั่งบนตั่งวางเท้า เท้าคางเล่าเรื่องให้เขาฟัง แล้วถอนหายใจพูด “ข้ารู้สึกเหมือนเท้าเข้าไปในโคลน อ๋าวเชินกับอวิ๋นเฉี่ยนล้วนไม่ใช่คนดีอะไร ยังไม่รู้ตระกูลอวิ๋นคนอื่นเป็นคนอย่างไรบ้าง”
ลู่ยายกพัดพัดให้ มองดูผมที่ลอยตกลงบนใบหน้ากลัดกลุ้มของนาง “สามารถไปทิวเขาริ้วหยกไม่ใช่เรื่องไม่ดี เรื่องที่อ๋าวเจียงลักพาตัวอวิ๋นซีเจ้าสืบหาได้พอดี ยังมีอวิ๋นเฉี่ยนกับอ๋าวเชิน ข้าดูแล้วความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่จริงแท้เสียเท่าไร ในภาพจำข้า ตระกูลอวิ๋นไม่เคยมีเรื่องน่าเกลียดอะไร แต่อวิ๋นเฉี่ยนเป็นขนาดนี้ในทุกวันนี้ ตระกูลอวิ๋นยังยอมให้นางทำตามอำเภอใจ ไม่อาจพูดว่าไม่ทำให้คนเอือมระอา”
“เรื่องฟ้าฝนจะตก หญิงจะแต่งงาน บางทีคนตระกูลอวิ๋นอาจยุ่งกับนางมากขนาดนั้นไม่ได้? คนเผ่าหงส์เพลิงแต่เดิมก็มีไม่เยอะอยู่แล้ว หรือยังต้องสังหารนางเพราะเรื่องนี้อีก?” มู่จิ่วไม่เห็นด้วย “อีกอย่าง ไม่แน่ว่าแต่ก่อนพวกเขาไม่มีเรื่องฉาวโฉ่ อาจเป็นเพราะบ้านเจ้าหูตาไม่กว้างไกล จึงไม่ได้ยินพอดีก็เป็นไปได้”
ลู่ยาคิดๆ แล้ววางพัดลง หยิบด้ายแดงจากบนโต๊ะมาวางลงบนมือนาง ก่อนพูด “ครั้งนี้ข้าไม่ไปกับเจ้า ข้ารั้งอยู่ต่อเพราะมีเรื่องสำคัญ วิชาของเจ้าก็พัฒนาไปมาก สามารถจัดการเรื่องราวเองได้ แบบนี้สามารถลดเวลาการฝึกของเจ้าลงด้วย ใส่ด้ายแดงนี้ไว้กับมือ ข้าจะสามารถตามหาเจ้าเมื่อไรก็ได้ เจ้าห้ามทำหาย หากทำหายข้าก็หาเจ้าไม่พบแล้ว”
มู่จิ่วเห็นเขาผูกด้ายแดงอย่างแน่นหนามาก คำพูดก็พูดอย่างจริงจัง ไหนเลยจะยังกล้าตามใจตนเอง จึงพยักหน้าอย่างหนักแน่น
เห็นข้อมือภายใต้แขนเสื้อเขาเผยให้เห็นด้ายแดงออกมาเช่นกัน เทียบกับเสื้อสีเรียบแล้วสีแดงเด่นสะดุดตามาก ทั้งยังเหมือนด้ายของตนเอง ในใจเต้นระรัวราวกับมีกบกระโดดอยู่ ด้ายแดงนี้เป็นคู่กัน เขาทำท่าทางคลุมเครือแบบนี้หมายความว่าอย่างไร
“อย่างมากไปแค่วันสองวัน ไม่สำคัญนักหรอก” นางหยุดใจที่เต้นไม่ได้ จึงรีบเปิดปากกลบเกลื่อน แต่ต่อให้กลบเกลื่อนอย่างดีสักแค่ไหน ก็ปิดใบหน้าที่แดงเถือกไม่ได้ ทำได้เพียงลุกขึ้นมาหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าที่ด้านข้าง ขึ้นไปนั่งคุกเข่าบนตั่งอยู่หลังเขา พูดว่า “ผมเจ้าไม่แห้ง ข้าช่วยเจ้าเช็ดก็แล้วกัน”
………………………………………………………