ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 188 เรื่องที่น่าตกใจ
อวิ๋นเฉี่ยนก้มหน้าลงเล็กน้อยตลอดทาง จนถึงกลางวังถึงค่อยหยุดเท้าลง
นางมองมู่จิ่วคราหนึ่ง จากนั้นหันไปหาอ๋าวเจียง “เจ้าบอกว่าพวกเราวางแผนนานแล้ว หรือไม่รู้ว่า อ๋าวเชินก็วางแผนลงมือกับพวกเราเหมือนกัน?”
อ๋าวเจียงกำหมัดหันหน้าไปทางอื่น สายตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
มู่จิ่วกลับฟังแล้วชักอยากรู้ “คำพูดนี้ของเจ้าหมายถึงอะไร?”
มุมปากอวิ๋นเฉี่ยนเจือความเยาะเย้ย “ที่อ๋าวเจียงพูดไม่ผิด เรื่องนี้ทั้งหมดพวกเราวางแผนไว้หมดแล้ว แต่ความลึกซึ้งที่แท้จริงของใจคน พวกเจ้ากลับไม่มีวันคาดเดาได้ ข้าไปวังมังกร แน่นอนว่าเพื่อหาโอกาสนำกุญแจจันทราอีกอันมา แต่ไม่รู้พวกเจ้ายังจำได้หรือไม่ เรื่องที่ให้พาอ๋าวเจียงกับเจ้ามาทิวเขาริ้วหยกเพื่อรับโทษ อ๋าวเชินเป็นคนพูดขึ้นเอง”
มู่จิ่วนิ่งไปทันที!
วันนั้นนางอยู่ที่เกิดเหตุ ตอนนั้นที่ยกคำแนะนำนี้ขึ้นมา แท้จริงเป็นเพราะอวิ๋นเฉี่ยนเป็นตายก็ต้องการเอาเรื่องนางให้ได้ อ๋าวเชินจึงหลุดปากเรื่องที่ให้พวกเขาทั้งสองมาทิวเขาริ้วหยก ครุ่นคิดดูแล้วก็ไม่ใช่อวิ๋นเฉี่ยนพูดจริง อย่างน้อยคนที่ตัดสินใจคืออ๋าวเชิน ตอนนั้นนางยังเข้าใจว่าพวกเขาทั้งสองรวมหัวกัน ดังนั้นจึงไม่ได้สืบสาวต่อ หรือว่า…
“นี่แสดงถึงอะไร?” นางรู้สึกว่าน้ำเสียงถามของตนเองเปลี่ยนไป ความหมายของนางคืออ๋าวเชินก็โกหก?
อวิ๋นเฉี่ยนมองนาง สายตากวาดไปทางอ๋าวเจียง ในดวงตานิ่งลึกจนมองไม่เห็นคลื่นใด “เขาฉลาดกว่าที่พวกเจ้าคิดไว้เยอะนัก พวกเจ้าคิดหรือว่าคนหน้าตาน่าเกลียดจิตใจจะไม่ร้ายกาจ?”
“วันนั้นข้าไปก่อเรื่องถึงวังมังกร เขาไม่ส่งคนไปตรวจสอบตำหนักของเจ้า แต่กลับพาข้ากับแม่ลูกพี่น้องมากมายขนาดนั้นมุ่งตรงไป เจ้าไม่สงสัยหรือ? ข้าจะบอกเจ้าให้ ตั้งแต่คืนนั้นที่เจ้าพาอวิ๋นซีกลับวังไป เขาก็รู้แล้ว เรื่องในภายหลังล้วนเป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น”
มู่จิ่วราวกับถูกฟ้าผ่า!
อ๋าวเชินรู้ตั้งแต่แรก? หลังจากรู้ยังตั้งใจพาคนมากมายไปทำให้อ๋าวเจียงลำบาก?
นางหมายความว่าอ๋าวเชินมีแผนของตนเอง?
“จริงหรือไม่? เขาทำอย่างนี้ทำไม!”
ถึงแม้นางพูดเหมือนเป็นความจริง แต่มันก็ต้องมีเหตุผล!
“ถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าคิดว่าข้ายังต้องโกหกอีกหรือ?”
ความเย็นชาที่มุมปากอวิ๋นเฉี่ยนกลายเป็นยิ้มเศร้า “เรื่องที่เขาทำทั้งหมดนี้ ก็เพื่อนำกุญแจจันทราหยินกลับไป เรื่องอ๋าวเจียงกับอวิ๋นซีทะเลาะกันได้รับบาดเจ็บ เจ้าคิดว่าเขาไม่รู้งั้นหรือ? ผู้อารักขาวังมังกรทั้งหมดล้วนอยู่ในมือเขาคนเดียว พวกเจ้าเข้าๆ ออกๆ เขาเพียงแค่อยากรู้ จะไม่รู้ได้อย่างไร?”
“อ๋าวเจียงคิดหาเรื่องอวิ๋นซีอยู่ตลอดเพื่อเอากุญแจจันทราหยินคืน จากจุดนี้ เขาตรงไปตรงมากว่าพ่อของเขาเยอะ”
“แต่อ๋าวเชินทำได้อย่างไร? เขารู้ชัดเจนว่าอ๋าวเจียงได้รับบาดเจ็บ จงใจแสร้งทำเป็นไม่รู้ ละเลยให้อ๋าวเจียงกล้าหลอกอวิ๋นซีลงจากภูเขาเข้ามาในกับดักของเขา จากนั้นเขาคิดไว้แล้วว่าข้าต้องมาหาถึงที่เพื่อถามหาความยุติธรรม ดังนั้นจึงพาพวกเราทั้งหมดไปวังเทียมบูรพา อาศัยโอกาสให้ราชินีมังกรอับจนคำพูด และจงใจเข้าข้างข้าต่อหน้านาง กระตุ้นให้ราชินีมังกรกับข้าวิวาทกัน”
“จากนั้นไหลไปตามน้ำ ใช้เรื่องนี้พาพวกเจ้ามาทิวเขาริ้วหยก”
หลังคอมู่จิ่วเย็นวาบ อ๋าวเชินแท้จริงเป็นคนแบบนี้?
นางยังคงไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง…
นี่ฟังดูแล้วเหมือนนางกำลังสาดน้ำโคลนใส่อ๋าวเชิน!
“เจ้ามีหลักฐานอะไร?” นางกวาดมองอวิ๋นเฉี่ยนอย่างสงสัย
“หลักฐาน?” อวิ๋นเฉี่ยนยิ้มน้อยๆ หันหน้าไปทางตำหนักด้านหลังก่อนกล่าว “คืนนั้นที่ทิวเขาริ้วหยก เจ้าน่าจะเห็นราชาจื่อเยวี่ยของพวกเราแล้ว ไม่รู้พวกเจ้าอยากเห็นอีกหรือไม่?”
พูดถึงอวิ๋นรอง มู่จิ่วใจหนักขึ้นมา มองดูอ๋าวเจียง อ๋าวเจียงก็ทำหน้าจับต้นชนปลายไม่ถูก
ในเมื่อนางพูดแบบนี้ แสดงว่าอวิ๋นซีทายถูกว่าคืนนั้นมู่จิ่วไปที่อาคารเล็กนั่น ตอนนี้นางต้องการพาพวกเขาไปดูอีก ไม่รู้หมายความว่าอย่างไร?
แต่อวิ๋นเฉี่ยนไม่รอพวกเขาตอบ หันไปพยักหน้าให้อวิ๋นชือฉาง ก่อนเดินไปยังทางเดินสู่ตำหนักหลัง
มู่จิ่วทำได้เพียงเดินตามไป
ตลอดทางเดินในคืนนั้นจนถึงวังถนนตะวันออก เลี้ยวไปหลายระเบียงทางเดิน จากนั้นถึงหน้าทางเดินเข้าสู่กลางไหล่เขา ทิวทัศน์รอบด้านต่างจากที่มาคราวก่อนเล็กน้อย สี่ฤดูในโลกเซียนเหมือนฤดูใบไม้ผลิ แต่ดอกไม้ริมทางเดินกลับร่วงโรยเหี่ยวเฉา ราวกับที่นี่เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงก่อน
ฝีเท้าของอวิ๋นเฉี่ยนไม่เร็วไม่ช้า ไม่เหมือนก่อนพวกเขามาที่โกรธจนทำอะไรไม่ถูก มองจากด้านหลังเหมือนใจเต็มไปด้วยความกังวลตลอดทาง มู่จิ่วนึกสงสัยอวิ๋นเฉี่ยน ริมฝีปากทั้งสองค่อยๆ เม้มแน่น
ไม่นานก็เดินผ่านไหล่เขาไปถึงหน้าอาคารเล็ก จากนั้นเป็นกำแพงส่องสว่างที่ไม่เหมือนในความทรงจำ อาคารเล็กตรงหน้าคืนนี้ทะมึนเป็นพิเศษ ไม่เพียงไม่มีคน แม้แต่แสงสว่างก็มีเพียงห้องที่อวิ๋นซีเข้าไปวันนั้นส่องออกมาบางๆ
มู่จิ่วมองอวิ๋นเฉี่ยนอย่างรวดเร็ว อวิ๋นเฉี่ยนกลับไม่มอง มุ่งตรงเข้าไปด้านใน
ในประตูใหญ่แสงมืดทึบ สำหรับพวกเขาแล้ว ถึงแม้การเดินทางไม่เป็นปัญหา แต่การมองเห็นกลับลำบากไปนิด
รอจนเข้ามาฝั่งตะวันออกห้องที่จุดไฟไว้ การมองเห็นสว่างขึ้นมาทันที
ในห้องสิ่งของประณีตงดงามอย่างมาก เปรียบกับวังจิ้งจอกชิงชิวแล้วไม่แย่กว่าเลย
อวิ๋นเฉี่ยนอยู่กลางห้องหน้าฉากกั้นลมอันใหญ่ หันมาพูด “นี่คือห้องของพี่รองของข้า และราชาหงส์รุ่นก่อนของพวกเรา ข้าคิดว่าเรื่องเกี่ยวกับที่มาที่ไปของเขา อ๋าวเชินต้องบอกกับพวกเจ้าแล้ว”
มู่จิ่วมองไปรอบๆ ห้องอันเงียบสงบนี้ ก่อนพูด “ราชาจื่อเยวี่ยล่ะ?”
อวิ๋นเฉี่ยนไม่ได้พูด เดินต่ออ้อมไปหลังฉากกั้นลม
มู่จิ่วกับอ๋าวเจียงรีบเดินตามเข้าไป ในฉากกั้นลมมีเตียงสี่เสางดงามอยู่หลังหนึ่ง หัวเตียงจุดตะเกียงน้ำมัน แต่บนเตียง…บนเตียงมีคนนอนอยู่! เขานอนนิ่งๆ ไม่ขยับ เทียบกับนอนหลับแล้วยังสงบกว่า!
“นี่…”
มู่จิ่วมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี นางรีบเดินเข้าไปหน้าเตียง มองอวิ๋นรองที่เสื้อเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่เงียบสงัดและซีดขาว “นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เขาจากไปแล้ว”
อวิ๋นเฉี่ยนพูดสั้นๆ ด้านหลังของแต่ละขีดตัวอักษรกลับเหมือนแบกหินหนักพันจินไว้
มู่จิ่วเบิกตากว้างปากอ้าค้าง พริบตาเดียวไร้คำพูดตอบกลับ!
“ตายแล้ว?!”
เร็วขนาดนี้?!
ถึงแม้เมื่อครู่ตอนเห็นท่าทาง นางก็สงสัยแล้วว่าเป็นแบบนี้ แต่พอได้ยินคำนี้จริงยังอดตกใจมากไม่ได้
อวิ๋นรองตายแล้ว ไม่ใช่บอกว่า ถึงแม้เอากุญแจจันทราหยางมาไม่ได้ ช่วงเวลาสั้นๆ นี้เขาก็ยังไร้อุปสรรคหรือ? ทำไมตายไปกะทันหัน!
นางอดไม่ได้ เดินเข้าไปมองเขาบนเตียงอย่างละเอียด หน้าตาเขาเหมือนอวิ๋นซีสักเจ็ดส่วน แต่ตอนนี้ไม่มีลมหายใจแม้แต่น้อย ถึงแม้พลังบำเพ็ญนางไม่ล้ำลึก แต่ยังมีความสามารถในการรับรู้ว่าเขายังมีหรือไม่มีสัญญาณชีวิตอยู่ นางจับชีพจรเขา ตายแล้วจริงๆ และหากนางเดาไม่ผิด คงจะตายแล้วหลายวัน
“นี่เกิดอะไรขึ้น?” ตอนนี้อ๋าวเจียงก็อดไม่ได้ เอ่ยอย่างตกใจ
ตั้งแต่ตอนที่ลู่ยาพูดว่าเหยี่ยวพิษไม่ได้ขโมยกุญแจจันทราหยางไป พวกตนรู้ว่ากุญแจจันทราหยางไม่อาจอยู่ในมือตระกูลอวิ๋นได้ แต่ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะพลาดพลั้งจนแม้แต่อวิ๋นรองก็ตายไป หรือพวกเขาเดาออกว่าตระกูลอ๋าวจะมาคิดบัญชี จึงสร้างเหตุการณ์หลอกขึ้นมา?
……………………………………………………………