ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 195 คลายข้อสงสัยของเจ้า
“หลังจากราชามังกรได้รับบาดเจ็บที่คุนหลุนตะวันออก ถึงแม้จะตรงกลับไปทะเลบูรพาเลย แต่สำหรับท่านที่เป็นราชินีแห่งวังมังกร ท่านที่แม้แต่เรื่องให้กำเนิดบุตรยังคิดควบคุมไว้ในมือ หากคิดหาเบาะแสจะมีอะไรเป็นไปไม่ได้? ยิ่งไปกว่านั้น ราชามังกรเพียงแต่ไม่ยินยอมบอกพวกท่าน ไม่ได้ห้ามให้คนเอาข่าวไปบอกถึงหูท่าน อีกอย่างราชามังกรทะเลตะวันออกมอบกุญแจจันทรานี้ให้ ด้วยความฉลาดของราชินีแล้ว ไม่ยากที่จะรู้ได้”
ราชินีเงียบไปนานก่อนพูดช้าๆ “หากเจ้าไม่พูดถึงขั้นนี้ ข้าก็ยังไม่รู้จริง อะไรนะ เมื่อห้าพันปีก่อนเขาได้รับบาดเจ็บที่คุนหลุนตะวันออก?”
มู่จิ่วหมุนตัวกลับมา ยิ้มให้นางก่อนพูด “ตอนแรกสุดข้าคิดว่าอวิ๋นเฉี่ยนต่างหากถึงเป็นดาราเจ้าบทบาท จนกระทั่งนางเปิดโปงราชามังกร แต่ตอนนี้ข้าพบว่าฝีมือการแสดงของราชินีเหนือกว่าพวกเขาทั้งหมดไปอีก ท่านไม่เพียงแสดงได้ดี อุบายแผนการยังยอดเยี่ยมที่สุดในหมู่คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมด”
ราชินีนั่งตัวตรง มุมปากยกขึ้นมา “คำพูดนี้แม่นางหมายความว่าอย่างไร?”
มู่จิ่วก้าวเท้าไปยังชั้นบันไดหยกที่อยู่ตรงผ้าม่าน “ข้าเดาว่าราชินีคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด”
“ห้าพันปีก่อนเรื่องที่ราชามังกรได้รับบาดเจ็บ ราชินีต้องรู้เรื่องแล้ว แต่ข้าคิดว่าด้วยความรอบคอบของราชามังกร ก่อนที่เขาเจออวิ๋นเฉี่ยนท่านคงยังไม่ค้นพบ แต่หลังจากอวิ๋นเฉี่ยนปรากฏตัว อวิ๋นเฉี่ยนพาเฉินผิงมาวังมังกรแล้วเปิดเผยเรื่องราวลับของราชามังกรกับนาง ท่านที่เป็นภรรยาหลวงแน่นอนว่าต้องต่อต้านสุดกำลัง”
“ตระกูลอวิ๋นก็คิดถึงขั้นนี้ จึงอาศัยโอกาสนี้พูดเรื่องต้องการกุญแจจันทรา ตอนนั้นถึงได้กระตุ้นความสงสัยของท่านอย่างแท้จริง และจากเรื่องนั้นท่านถึงรู้ว่าราชามังกรทะเลตะวันออกให้กุญแจจันทราที่มีฤทธิ์รักษาหล่อเลี้ยงวิญญาณแก่อ๋าวเชิน แน่นอนว่าท่านต้องสงสัย ของที่สำคัญขนาดนี้ ทำไมท่านกลับต้องใช้วิธีนี้ถึงจะรู้ว่าอยู่ในมือสามีท่าน?”
“จากนั้นเมื่อสืบหาต่อ เรื่องราชามังกรได้รับบาดเจ็บก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากจะรู้”
“ท่านเหมือนกับราชามังกร เกิดสงสัยในเป้าหมายที่ซ่อนไว้เบื้องหลังของอวิ๋นเฉี่ยน ดังนั้นท่านไม่เพียงพบว่าตระกูลอวิ๋นต้องการกุญแจจันทราหยางอย่างมาก ร่างกายของราชามังกรยังต้องพึ่งพามันเพื่อรักษาสภาพปกติไว้ เพื่อแก้แค้นการทรยศของราชามังกรและการเข้ามาแทรกกลางของอวิ๋นเฉี่ยน ท่านมีแผนล้างแค้นอันสมบูรณ์แบบ”
“ด้านหนึ่งท่านให้พวกเขาลอบคบชู้กันต่อไป อีกด้านหนึ่งแอบเอากุญแจจันทราหยางมาไว้ในมืออย่างลับๆ”
“การปล่อยวางของท่านทำให้ราชามังกรวางใจ กล้ามัวเมาในรักกับอวิ๋นเฉี่ยนจนทำลายตัวเขาเอง บางทีอาจจะเคยสับสนบ้างตอนที่ท่านเปลี่ยนท่าที แต่สุดท้ายก็เอาชนะความอ่อนโยนที่อวิ๋นเฉี่ยนทุ่มเทให้ไม่ได้ พวกเขาร้อนแรงขึ้นทุกวัน กระทั่งเอ่ยถึงความคิดที่จะให้อวิ๋นเฉี่ยนกับเฉินผิงมาอยู่ที่วังมังกรอีกครั้ง ตอนนี้เอง ท่านจงใจสร้างเรื่องอ๋าวเจียงทำร้ายเฉินผิง”
“ตอนที่อ๋าวเจียงอยู่ด้วยกันกับเฉินผิง พอได้ยินว่าท่านมา จึงโยนเขาข้ามกำแพงด้วยความตกใจ แต่เฉินผิงไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นเผ่าพันธุ์หงส์และมังกร จะทำให้เขาบาดเจ็บหนักง่ายๆ ได้อย่างไร? และยังบาดเจ็บที่ศีรษะพอดี ทำให้นิสัยของเขาเปลี่ยนไปมาก? เฉินผิงเป็นลูกของอวิ๋นเฉี่ยนกับอ๋าวเชิน ก็เท่ากับเป็นศัตรูของท่านเหมือนกัน ท่านทำร้ายเขา ไม่ต้องการเหตุผลอื่น”
พูดถึงตรงนี้นางหยุดไปครู่ ก่อนเอ่ยต่อ “แต่เดิมข้าไม่คิดว่าอ๋าวเจียงทำร้ายเฉินผิงจะมีเบื้องหลัง แต่หลังจากที่ข้ามั่นใจแล้วว่ากุญแจจันทราหยางอยู่ในมือท่าน ข้าถึงได้คิดถึงความเป็นไปได้นี้ เพราะนิสัยเฉินผิงเปลี่ยนไปมาก ท่านจึงสามารถออกคำสั่งส่งเขากลับทิวเขาริ้วหยก”
“ท่านจะยินยอมให้คนนอกแบ่งของที่แต่เดิมเป็นของลูกสาวลูกชายท่านงั้นหรือ? ถึงแม้ท่านไม่ต้องการทะเลสาบน้ำแข็ง อย่างน้อยท่านก็ไม่มีเหตุผลให้ราชามังกรสมหวังเพลิดเพลินกับการมีหลายภรรยา เพราะสำหรับท่านที่เป็นภรรยาหลวงแล้ว การกระทำของราชามังกรจนถึงตอนนั้นได้รุกล้ำขอบเขตของท่านอย่างลึกซึ้งแล้ว”
“ภายหลังเฉินผิงถูกขังอยู่ที่เกาะเป่ยอี๋ นับได้ว่าเป็นไปตามที่ท่านปรารถนา จากนั้นได้ยินว่าเขาตายในเงื้อมมือข้า เจ้าต้องยิ่งวางใจเป็นธรรมดา”
“และเพราะแบบนี้ นับตั้งแต่ราชามังกรไปตามจับข้าจนถึงเหตุการณ์ต่อมา ท่านถึงได้ไม่ออกหน้ามาแสดงท่าทีเลยสักครั้ง เพราะท่านคือผู้ที่กำชะตาชีวิตของราชามังกรและอวิ๋นเฉี่ยนไว้ กุญแจจันทราหยางอยู่ในมือท่าน ท่านรู้ว่าสุดท้ายราชามังกรกับอวิ๋นเฉี่ยนจะหันมาเป็นศัตรูคู่แค้นกัน”
“หากข้าเดาไม่ผิด ทำไมอวิ๋นเฉี่ยนมาบุกวังมังกร และทำไมราชามังกรถึงได้พาอ๋าวเจียงไปทิวเขาริ้วหยก ท่านรู้เรื่องทั้งหมดอย่างดี รู้ว่าพวกเขาแต่ละคนมีความมุ่งหมายในใจ ท่านถึงเลือกรีบนำกุญแจจันทราหยางย้ายไปทันทีหลังจากที่พวกเขาออกจากประตู”
“ต่อมา ท่านก็นั่งสงบอยู่ในวังเพลงวิหค มองดูพวกเขาด้านหนึ่งเสแสร้งรักกันอย่างไร ด้านหนึ่งทำสงครามกันทั้งในที่แจ้งและที่ลับอย่างไร ส่วนท่านกลายเป็นคนที่ยิ้มจนถึงตอนสุดท้าย”
มู่จิ่วพูดออกมาทั้งหมด สงบเหมือนกับเล่าเรื่องคนอื่นให้ฟัง
ราชินีที่นั่งตัวตรงอยู่ข้างโต๊ะกลับยิ้มไม่ออกนานแล้ว ใบหน้าอันงดงามของนางพลันเขียวขึ้น ไม่ขยับแม้แต่น้อยเหมือนรูปปั้น
มู่จิ่วเดินกลับมาถึงหน้านาง ก่อนพูด “ส่วนเหยี่ยวพิษที่ปลอมเป็นอ๋าวเยวี่ย ข้าคิดว่าต้องเป็นราชินีสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อตบตาผู้คน”
“ราชินีเป็นองค์หญิงแห่งเผ่าพันธุ์มังกร มีพลังบำเพ็ญล้ำลึกไม่ต่างจากราชา บังคับใช้หรือชักนำเหยี่ยวพิษตัวหนึ่งมาทำงานแทนท่านได้ไม่ลำบาก ดังนั้นองค์หญิงอ๋าวเยวี่ยจึงปลอดภัยมาตลอด อยู่ในมือท่านเรื่อยมา และซ่อนตัวอยู่ในวังมังกรนานขนาดนี้โดยไม่โดนคนจับได้ เป็นแบบนี้ใช่หรือไม่?”
ราชินีมังกรยังคงไม่ขยับ ภายใต้แสงไข่มุก ดูไปแล้วนางเหมือนเป็นร่างเดียวกันกับวังอันยิ่งใหญ่งดงามนี้
แต่ในตำหนักใหญ่ นอกจากม่านที่โดนลมพัดกับเสื้อคลุม ก็มีเพียงผงธูปที่ร่วงอยู่หน้ารูปหล่อเทพไฟตรงมุมตำหนักที่แสดงให้เห็นว่าเวลาไม่ได้หยุดลง
“เจ้าสงสัยข้าได้อย่างไร”
นานมาก ราชินีถึงหยุดกลั้นหายใจ ค่อยๆ ยืนขึ้นมา
“ที่จริงก่อนที่ข้าจะมาวังมังกรครั้งนี้ แต่เดิมข้าไม่ได้สงสัยราชินีเลย” มู่จิ่วกล่าว “อ๋าวเจียงพูดกับข้าถึงเรื่องราชามังกรป่วยหนัก แต่ราชินีกลับไม่เคยมาถาม ข้าเห็นใจความรู้สึกท่านมาก เพราะดูแล้วราชามังกรและอวิ๋นเฉี่ยนได้มอบความเจ็บปวดให้ท่านอย่างใหญ่หลวง ท่านทำอย่างไรก็ไม่เกินไป”
“แต่เมื่อกลับจากทิวเขาริ้วหยกมาพบราชามังกรอีก ข้าเห็นสภาพของเขา และรู้อีกว่าราชินีไม่มาเยี่ยมเลยตั้งแต่แรก ข้าถึงได้สงสัยเล็กน้อย เพราะไม่ว่าท่านเกลียดเขาขนาดไหน ยิ่งเกลียดมากเท่าไร ตอนนี้ยิ่งควรมาดูก่อนมิใช่หรือ? เขาให้ความเจ็บปวดแก่ท่านขนาดนั้น สุดท้ายถึงเวลาที่ผลกรรมสะท้อน ทำไมต้องซ่อนตัวด้วย?”
“จากนั้น ข้านำผลได้ผลเสียของเรื่องนี้ขึ้นมาเรียบเรียงอย่างง่ายๆ พบว่าไม่ว่าอย่างไร หลังจากกุญแจจันทราหยางหายไปแล้ว คนที่ได้ประโยชน์ที่สุดก็เป็นท่าน ราชามังกรเริ่มป่วยจริงๆ นั้นพอดีกับตอนที่เขากลับมาที่วัง และหลังจากคนของตระกูลอวิ๋นพ่ายแพ้กับดักของวังมังกร ในวังนี้มีเพียงท่านที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดในการเข้าออกวังประจิมไสวอย่างอิสระ และมีความน่าจะเป็นมากที่สุดกับการควบคุมเรื่องราวทั้งหมดอย่างราบรื่น”
“มีเพียงเท่านี้?”
ราชินีเหลือบมองนางน้อยๆ บนหน้าดูไม่ออกว่าพอใจหรือโกรธ “เจ้าคิดกล่าวโทษข้าโดยอาศัยเรื่องแค่นี้ เหตุผลออกจะอ่อนไปนิด”
………………………………………………………………