ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 261 ฝ่าบาทสราญรมย์
มู่จิ่วพลันกระจ่าง นึกขึ้นได้จึงพูด “คราวก่อนที่ฉางเอ๋อร์กับฝ่าบาทนัดพบกัน ใช่เพื่อไปพบต้าอี้ที่ชาติใหม่หรือไม่?”
หวังหมู่ไม่ตอบรับอะไร เห็นชัดเจนว่านางยังไม่เชื่อในความบริสุทธิ์ใจระหว่างฉางเอ๋อร์กับอวี้ตี้ทั้งหมด
“ถึงแม้ต้าอี้เจอเคราะห์กรรม ใช่ว่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับนาง?”
เรื่องนี้มู่จิ่วกลับพูดไม่ถูก
ปีนั้นฉางเอ๋อร์กับต้าอี้รักกันจึงได้ลงเอยกัน ถึงแม้หลงผิดชั่ววูบทิ้งต้าอี้ไป ก็ไม่จำเป็นว่าความรู้สึกนี้จะหายไปอย่างหมดจดจริง ถึงแม้ไม่มีใจแล้ว แต่อาจละอายใจก็เป็นไปได้
สิ่งที่นางสนใจคือภูเขาเรือ ตามที่คาดเดาเมื่อครู่ หากเหลียงจีรู้แต่แรกว่าฉางเอ๋อร์จะไปที่นั่น ต้องได้เบาะแสอะไรมาล่วงหน้าบ้าง แล้วเบาะแสของนางมาจากไหนล่ะ? นางอาศัยอยู่ที่โหย่วเจียงตั้งแต่เล็ก ไม่เพียงไม่คุ้นเคยกับฉางเอ๋อร์ อีกทั้งเป็นไปได้อย่างมากว่าแม้แต่สวรรค์ก็ไม่เคยมา แบบนั้นอาจเป็นไปได้ว่านางได้ยินเรื่องจะมีการเคลื่อนไหวบางอย่างในภูเขาเรือ เช่นนี้ฉางเอ๋อร์ต้องมาที่นี่แน่
การคาดเดาแบบนี้ เป็นการยืนยันอีกครั้งว่าอย่างน้อยเหลียงจีไม่ได้ถูกจับขังจนขยับไปไหนไม่ได้
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” หวังหมู่ถาม
นางรู้ว่าหวังหมู่มีอคติตั้งแต่เรื่องฉางเอ๋อร์หักหลังต้าอี้แล้ว จึงไม่เก็บมาใส่ใจ เพียงพูดว่า “ตอนนี้ข้ากำลังทำคดีอาณาจักรโหย่วเจียง ข้ารู้สึกเสมอว่าเหลียงจีน่าจะซ่อนตัวอยู่แถบภูเขาอสุนีบาต ดังนั้นนางจึงเสี่ยงตายส่งอาฝูไปภูเขาเรือ จากนั้นอาศัยเกี้ยวของฉางเอ๋อร์พาอาฝูออกมา ไม่ทราบเหนียงเหนียงรู้หรือไม่ว่าช่วงนี้ภูเขาอสุนีบาตมีการเคลื่อนไหวอะไร?”
ลู่ยาไม่ได้จัดการดูแลเรื่องในหกภพ ทำเพียงตัดสินถูกผิดในฟ้าดิน คงมีเรื่องมากมายที่เขาไม่รู้
แต่ถึงแม้หวังหมู่ไม่มีอำนาจ แต่นางอยู่ศูนย์กลางงานราชการของหกภพ เรื่องที่เกี่ยวข้องกันนางต้องกระจ่างชัดราวกับมองมือตัวเองแน่ อย่างเช่นม้วนบันทึกข้อมูลพวกนี้ นางกับอวี้ตี้ก็มีร่วมกัน
หวังหมู่คิดๆ ก่อนพูด “แต่ก่อนร่างของต้าอี้ฝังอยู่ทางตะวันออกของยอดเขาอสุนีบาต เพื่อกำหนดชะตากรรมของถิ่นทุรกันดารทางเหนือ หลังจากฝังเขาลงแล้วยังได้รับการดูแลจากฟ้าดิน ผ่านลมฝนมาหลายหมื่นปีก็สงบสุข ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร ช่วงนี้ข้าก็ไม่ได้ยินว่าที่นั่นมีเรื่องใดเกิดขึ้น
“เช่นนั้นฉางเอ๋อร์ไปทำอะไรที่นั่น?” คงไม่ได้ไปเยี่ยมหลุมศพหรอกกระมัง?
หวังหมู่ไม่พูดอยู่นาน ดูออกว่านางก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้
นางพลันเงยหน้าขึ้นมา หมุนตัวไปยังกระถางวัวขนดำนั้น แล้วเปิดบันทึกโบราณด้านบนขึ้นมาอ่านดู
บันทึกโบราณไม่ได้ทำจากกระดาษและไม่ได้ทำจากผ้า แต่ทำจากแผ่นหยกบางราวกับปีกจักจั่น แผ่นหยกแต่ละหน้ามีแสงสว่างลอยอยู่ หวังหมู่พลิกไปหยุดอยู่ที่หน้าหนึ่ง คิ้วขยับเล็กน้อยก่อนพลันพูด “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!”
“เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ?” มู่จิ่วก็รีบเดินเข้าไป
“ตอนนี้ต้าอี้เพิ่งไปเกิดที่ยุคต้าหนิงในโลกมนุษย์ เป็นราชาแห่งดินแดนสงบสุข แต่ตอนนี้เขากลับตกอยู่ในอันตราย ชะตาชีวิตเขาจะสิ้นสุดลง”
พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของหวังหมู่ก็หนักอึ้ง
“สิ้นสุดลง?” มู่จิ่วชะงัก ว่ากันตามเหตุผล คนแบบต้าอี้ควรมีชีวิตยืนยาวนับหมื่นๆ ปี จะสิ้นสุดลงได้อย่างไร? หนำซ้ำต้าหนิงคืออาณาจักรที่คืนนั้นนางสะกดรอยตามอวี้ตี้ไปยังโลกมนุษย์ไม่ใช่หรือ? พูดแบบนี้ ฉางเอ๋อร์กำลังลำบากทำเพื่อต้าอี้ นางนัดอวี้ตี้มาที่เมืองต้าหนิงก็เพราะต้าอี้จริงๆ?
“หมายความว่าไม่มีชาติถัดไปอีกแล้ว” หวังหมู่เงยหน้าขึ้น ตอนนี้ดวงตาหงส์คู่นั้นมองไปแล้วเยียบเย็น “ต้าอี้ต้องไม่มีชะตาชีวิตแบบนี้แน่นอน ชะตาชีวิตของเขาข้าจำได้อย่างชัดเจน ทุกชาติภพพรั่งพร้อมทั้งเงินทองและอำนาจสงบสุข ถึงแม้ลำบากบ้างก็ต้องได้ชะตาชีวิตที่ดียิ่งกว่ามา ต้องมีคนลอบแก้ไขแน่นอน!”
มู่จิ่วก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ถึงแม้นางไม่คุ้นเคยกับต้าอี้ แต่เขาเป็นวีรบุรุษอย่างแท้จริง และยังเป็นวีรบุรุษที่มีโศกนาฏกรรม อยู่ๆ ใครจะมาเปลี่ยนชะตาชีวิตของเขากัน? ใครจะมีความสามารถนี้? ใครที่มีปัญหากับเขาแบบนี้? ทำไมถึงจงใจเลือกเขา…
หรือเป็น…
“ฉางเอ๋อร์?!”
หวังหมู่พลันส่งเสียงออกมา เสียงไม่ดังนัก แต่กลับทำให้มู่จิ่วที่กำลังครุ่นคิดอยู่ตกใจ
ไม่แปลกที่พวกนางทั้งสองจะคิดเห็นตรงกัน ที่จริงมีเพียงฉางเอ๋อร์น่าสงสัยที่สุด ต้าอี้ตายไปแล้วหลายหมื่นปี จู่ๆ นางไปทำอะไรที่ภูเขาเรือ? และจากนั้นยังนัดอวี้ตี้ออกไปต้าหนิงเพื่ออะไร? หวังหมู่บอกว่าตอนนางมาหาอวี้ตี้อย่างรีบร้อนเป็นตอนที่หวังหมู่ไปป่าไผ่ม่วง เหตุใดฉางเอ๋อร์นัดเจออวี้ตี้บ่อยขนาดนี้?
อวี้ตี้สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตเฉินผิงได้ แน่นอนว่าต้องเปลี่ยนชะตาชีวิตของต้าอี้ได้!
หรือฉางเอ๋อร์ไม่ได้เสียใจที่ขึ้นมาเป็นเซียนคนเดียว แต่ในใจยังอยากจะกำจัดต้าอี้ให้สิ้นซากมาตลอด?
เป้าหมายที่นางไปหาอวี้ตี้อย่างกะทันหัน เพียงเพราะต้องการให้เขาเปลี่ยนชะตาชีวิตของต้าอี้?
มู่จิ่วสับสนอยู่บ้าง
“พวกเราไปวังหลิงเซียว!”
เสียงของหวังหมู่หนักแน่น เดินออกจากตำหนักไป
มู่จิ่วเงียบไปนาน ก่อนตามออกไปทันที
แต่แรกสิ่งที่นางกลัวคือหวังหมู่แพร่งพรายเรื่องนางสะกดรอยตามอวี้ตี้ แต่ตอนนี้ชัดเจนว่าไม่มีอะไรน่ากังวลแล้ว
วังหลิงเซียวไม่ใกล้ แต่หวังหมู่ใช้วิชาย่นระยะทาง ไม่นานก็มาถึงหน้าวัง
อวี้ตี้กำลังจัดการงานอยู่ที่ตำหนักด้านหลัง ในห้องมีเพียงเซียนหญิงรับใช้สองคนโบกพัด
เห็นหวังหมู่มากะทันหัน อวี้ตี้และเซียนหญิงรับใช้ล้วนตกใจ
เมื่อมองไปยังมู่จิ่วที่อยู่ด้านหลังนาง อวี้ตี้ก็หยุดมือก่อนเอ่ยถาม “พวกเจ้ามาได้อย่างไร?”
หวังหมู่ไม่ได้ตอบคำ ทำหน้าเย็นชาเดินเข้าไปนั่ง แล้วโยนบันทึกหยกไปตรงหน้าเขาเบาๆ “ช่วงนี้ฝ่าบาทสุขสำราญนัก!”
เหล่าเซียนหญิงรับใช้รีบถอยออกไป
อวี้ตี้หยิบบันทึกหยกนั้นขึ้นมา เพียงมองก็ตกตะลึง “เจ้ารู้หมดแล้ว?”
“พูดแบบนี้แสดงว่าฝ่าบาทไม่อยากให้ข้ารู้?” สีหน้าหวังหมู่เปลี่ยนไปทะมึนทันที ราวกับอาจจะทำลายวังหลิงเซียวนี้ได้ทุกเมื่อ
มู่จิ่วถอยไปยืนนิ่งอยู่ไกลหน่อยอย่างรู้งาน นางตามมาไม่ได้หมายความว่านางอยากเป็นหน่วยกล้าตาย ภายใต้สถานการณ์ที่สำเร็จถึงเป้าหมาย หากยังมีโอกาสนางต้องคว้าไว้ให้มั่น
“ข้าต้องมองฝ่าบาทใหม่เสียแล้ว” เสียงของหวังหมู่บางเบาและเชื่องช้า “ตอนนี้หกภพสงบสุข ท่านเป็นราชาในยุคที่เจริญรุ่งเรือง เพียงเข้าใจว่าฟ้าดินนี้ยาวนาน ก็ดูถูกราษฎรได้ตามอำเภอใจหรือ? ปีนั้นท่านสาบานต่อหน้าป้ายปราชญ์บรรพชน กล่าวขานถึงชื่อนักปราชญ์เหล่านั้น ที่แท้ท่านก็ลืมไปแล้ว”
อวี้ตี้พูดไม่ออกอยู่บ้าง ลุกขึ้นมาจากเบาะไหม “เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน? ข้าเคยลืมตอนไหน?”
“ยังบอกว่าไม่ลืม?!” หวังหมู่กดเสียงหนักพูด “ข้าถามท่านหน่อย ใครเป็นคนเปลี่ยนชะตาชีวิตของต้าอี้? ฉางเอ๋อร์ใช้วาจาหวานกล่อมให้ท่านลุ่มหลงหรือ?!”
“ใช้วาจาอะไร!” อวี้ตี้กุมหน้าผาก ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพลันเอ่ยว่า “หรือเจ้าเข้าใจว่าข้าเปลี่ยนชะตาชีวิตของต้าอี้?”
“ไม่ใช่ท่านจะเป็นใคร?!” หวังหมู่โกรธอย่างไม่อาจควบคุมได้ “ท่านสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของเฉินผิงลูกนอกสมรสนั่น จะไม่อาจเปลี่ยนชะตาชีวิตของต้าอี้ได้อย่างไร?!”
“เจ้า…”
อวี้ตี้ชี้นาง ใบหน้าขาวพลันแดงขึ้น
มู่จิ่วแอบร้องว่าไม่ดีแล้ว! แต่จะซ่อนก็ไม่ทันอีก จึงทำได้เพียงเคลื่อนมาทางหวังหมู่ ยืนนิ่งอย่างใจจดใจจ่อ
…………………………………………………………