ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 63
หลิวจวิ้นพยักหน้าพลางพูด “เช่นนั้นเจ้าลงนามหนังสือสัญญารับภารกิจให้ข้า ข้าให้เวลาเจ้าสามเดือน หากเจ้าทำได้ดี ข้าจะเลื่อนตำแหน่งให้ หากเจ้าทำไม่ดี หรือภายในเวลาสามเดือนไม่สามารถหาคำตอบได้ นอกจากเจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้คนอื่นอยู่ด้วยแล้ว ภายหลังก็ไม่ให้เจ้าร้องขออะไรอีก!”
“ข้ารับปาก!” มู่จิ่วชูมือตอบรับ
หลิวจวิ้นจ้องนาง จากนั้นก็มองลู่ยาที่ยืนอยู่ใต้ต้นดอกท้อ หัวคิ้วกระตุก คิดจะพูดบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่พูด จากนั้นหมุนตัวเดินออกไป
เขารู้สึกแต่แรกแล้วว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา ไม่รู้ว่าทำไม แต่ยังไงเขาก็ไม่คิดจะเกี่ยวข้องกับเรื่องเสียแรงแต่ไม่ได้อะไรแบบนี้อยู่แล้ว ใครคิดจะทำก็ให้พวกเขาทำไป!
“ขอบคุณเจ้าค่ะใต้เท้า!” มู่จิ่วดีใจจนกระโดดโลดเต้น
สามารถโน้มน้าววัวบ้าอย่างหลิวจวิ้นได้เป็นเรื่องที่คู่ควรแก่การดีใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขารับปากด้วยตนเองว่าจะเลื่อนตำแหน่งให้นางเมื่อทำคดีสำเร็จแล้ว!
นางหมุนตัวกลับไปอย่างดีใจสุดขีด เจอหลินเจี้ยนหรูยืนอยู่ตรงนั้น ก็อดไม่ได้พูดขึ้นอย่างดีใจ “เราอาศัยโอกาสนี้ทำให้ดีๆ หากสำเร็จแล้วล้วนเป็นผลดีทั้งนั้น!”
เป้าหมายของนางคือเลื่อนตำแหน่งและย้ายออกไป แต่หลินเจี้ยนหรูกลับต้องการอาศัยคดีนี้สร้างผลงานเพื่อให้ได้รับรางวัลเป็นการเพิ่มพลังฤทธิ์จากสวรรค์
นางไม่ลืมว่าหลินเจี้ยนหรูยังมีแม่ที่รอเขาตามหาจิตต้นกำเนิดให้อยู่ ทั้งสองคนยังนับได้ว่ามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน
ลู่ยากวาดตามองนางคราหนึ่ง เอามือไพล่หลังเดินกลับเข้าประตูไป
หลินเจี้ยนหรูมองตามแผ่นหลังของเขาไปด้วยสีหน้าค่อนข้างซึมเซา เงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยิ้มขึ้นน้อยๆ “ใช่แล้ว”
คนที่มุงกันอยู่ที่นี่ค่อยๆ สลายตัวไป จางซิงจวินเหยี่ยนก็เริ่มพูดคุยเรื่องที่ยังเหลืออยู่
เพราะมู่จิ่วกับหลิวจวิ้นมีสัญญากันไว้ ดังนั้นช่วงนี้ลู่ยาจึงไม่ต้องออกจากค่ายทหารสวรรค์ไป แต่เขาอยู่ที่นั่นต่อไปจะกลายเป็นปัญหา ความหมายของจางเหยี่ยนซิงจวินคือให้เขาไปหาเรือนหลังว่างที่ถนนตะวันออกฝั่งตรงข้ามลานจื่อหลิงอยู่เสีย แต่ลู่ยาไม่เชื่อฟัง ในเมื่อตอนนี้เขาเปิดเผยตนออกมาแล้ว ย่อมมีสิทธิ์อยู่ที่ลานนี้ต่อ
แต่ในลานบ้านยังมีคนอื่นอยู่อีก อันดับแรกอวี๋เสี่ยวเหลียนกับหยางอวิ้นไม่เห็นด้วยแน่นอน! มู่จิ่วไม่โดนพวกนางเตะออกไปก็รู้สึกหงุดหงิดมากแล้ว ไหนเลยจะยอมให้ลู่ยาอยู่ต่อ?
จางเหยี่ยนซิงจวินถามความเห็นอิ่นเสวี่ยรั่ว นางเงียบอยู่นานก่อนพูด “เพียงไม่ส่งผลกระทบกับข้า ข้าจะสนใจเจ้าให้มากไปทำไม?”
“ใครบอกว่าไม่มีผลกระทบ? ไม่ใช่กัวมู่จิ่วหรือที่ให้เขาวางหญ้ากระดูกมังกรนั่นทำร้ายข้า?” อวี๋เสี่ยวเหลียนมุ่งความโกรธไปที่ลู่ยา สีหน้าเย็นเยียบจนใกล้จะหยดออกมาเป็นน้ำแล้ว
“หญ้ากระดูกมังกร?” ลู่ยาเคลื่อนสายตาไป กวาดตามองหยางอวิ้นอย่างเย็นชา “อยากให้ข้าพูดความจริงออกมาหรือไม่?”
ไม่นานหยางอวิ้นก็เดาออกว่าเรื่องวันนั้นต้องเป็นลู่ยาที่วางแผนสับเปลี่ยน ดังนั้นถึงแม้นางคิดจะเตะกัวมู่จิ่วกับเขาออกไป ในใจก็มีความผิดที่บอกใครไม่ได้อยู่ ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ไหนเลยยังจะกล้าสาวความให้ละเอียด? รีบแย้งอวี๋เสี่ยวเหลียนทันที “เรื่องหญ้ากระดูกมังกรผ่านไปแล้ว ตอนนี้คือเรื่องของกัวมู่จิ่วต่างหาก!”
“ทำไมถึงพูดว่าผ่านไปแล้ว? ข้าเป็นแพะรับบาปนะ!” อวี๋เสี่ยวเหลียนแตกคอกับหยางอวิ้นนานแล้ว คราวนี้จึงย่อมไม่อาจเป็นแนวร่วมกันได้ “หรือว่าความแค้นความอัดอั้นของข้าจะจบไปแบบนี้? อีกนิดเดียวข้าก็จะเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว!”
“เป็นแพะแล้วอย่างไร? ยังไงเจ้าก็ยังยืนอยู่ตรงนี้อย่างดีมิใช่หรือ?!” หยางอวิ้นด่าทอนางเสียงดัง
“หยุดโวยวายได้แล้ว!”
จางเหยี่ยนซิงจวินตะโกนใส่พวกนางที่โวยวายอย่างไม่มีมูลเหตุ จากนั้นพูดขึ้นว่า “ทั้งลานบ้านนี้มีแต่พวกเจ้าที่มากเรื่อง! หยางอวิ้นเจ้าดูตัวเจ้าสิ ไม่โวยวายเรื่องนี้ก็โวยวายเรื่องนั้น ไม่ว่าเรื่องไหนเจ้าก็มีส่วนร่วมไปหมด!”
หยางอวิ้นหุบปาก
อิ่นเสวี่ยรั่วมองด้วยสายตาเย็นชาอยู่นาน จู่ๆ พลันพูดขึ้นมา “ในเมื่อซิงจวินคิดว่าหยางอวิ้นอยู่ที่นี่แล้วก่อเรื่อง เช่นนั้นมิสู้ให้พวกนางออกไป ให้คู่หมั้นของกัวมู่จิ่วไปอยู่แทนก็จบเรื่องแล้วมิใช่หรือ? แบบนี้จะไม่มีเรื่องวุ่นวายไปถึงซิงจวินอีก เรื่องทั้งหมดก็แก้ไขได้แล้ว”
มู่จิ่วพลันนิ่งอึ้งไป
“ความคิดดี!” ไม่รอให้คนอื่นพูด ลู่ยารีบสนับสนุนตาม “ในเมื่อต้องไป มิสู้พาคนแซ่อวี๋ออกไปด้วยกัน ในลานบ้านนี้นอกจากข้าที่ต้องการที่พักแล้ว ยังมีเสือขาวอีกหนึ่งตัว นี่เป็นงานที่ได้รับมอบหมายจากทัพสวรรค์ และมันยังเป็นลูกหลานเผ่าพันธุ์เทพ อย่างไรก็ไม่อาจละเลยได้ ต้องให้ที่พักมันอยู่ถึงจะถูกต้อง”
จางเหยี่ยนซิงจวินตาเบิกกว้างปากอ้าค้าง สองคนนี้ช่างรู้จักใช้ไม้ตีงู…
แต่นี่เป็นความคิดที่ดีจริงๆ หยางอวิ้นอยู่ที่นี่ก่อเรื่องวุ่นวายทั้งวัน ตอนนี้คนในลานบ้านต่างถูกนางล่วงเกินหมดแล้ว และในเมื่ออิ่นเสวี่ยรั่วไม่คัดค้านหากในลานบ้านจะมีผู้ชายอยู่ด้วย เช่นนั้นทำแบบนี้จะมีปัญหาอะไร? ยังไงลู่ยาอยู่อย่างมากก็สามเดือน
ยังมีอวี๋เสี่ยวเหลียนที่เช้าจรดเย็นก่นด่าไม่หยุด ให้อยู่ต่อก็จะเป็นตัวปัญหา อาศัยโอกาสนี้ย้ายพวกนางไปไว้ที่อื่นเสีย ไม่เห็นหน้ากันก็ไม่มีเรื่อง เขาจะได้อยู่อย่างสงบ!
เมื่อคิดได้ดังนี้ เขาหยิบเอาสมุดจัดแจงบ้านพักจากมือของเจ้าหน้าที่จัดการเรื่องทั่วไปที่อยู่ด้านข้างมา หลังจากพลิกดูไปหลายหน้าก็พูดขึ้น “จากวันนี้เป็นต้นไป หยางอวิ้นย้ายไปอยู่ที่ลานจื่อเซียว เรือนที่ว่างตอนนี้ให้ลู่หยาอยู่ชั่วคราว! อวี๋เสี่ยวเหลียนให้ย้ายไปที่ลานฉื่อหนี เรือนที่ว่างให้เสือขาวอยู่เสีย! ไม่อนุญาตให้คัดค้าน!”
พูดจบก็ประสานมือทั้งสองมองมาทางมู่จิ่วอย่างลึกล้ำ “ข้ารักษาหน้าของใต้เท้าหลิวเท่านั้น เจ้าดูแลตัวเองให้ดี!”
เห็นได้ชัดเจนว่าหลิวจวิ้นมีใจจะปกป้องมู่จิ่ว เขามีประสบการณ์มานานทำไมจะดูไม่ออก? คดีใหญ่ขนาดนี้เขามอบหมายให้นางทำได้ และคำสัญญาที่ให้ไว้คือจะเลื่อนตำแหน่งให้หากทำสำเร็จ หากทำไม่ได้ก็ห้ามมีข้อเรียกร้องอะไรอีก พูดได้อีกอย่างคือไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ไล่นางออกจากค่ายทหารสวรรค์เพราะเรื่องนี้ ชัดเจนว่ามีใจจะอบรมบ่มเพาะนาง ทำไมเขาจะไม่ทำไปตามน้ำเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายเล่า ล้วนดีกับทุกคนทั้งนั้น!
มู่จิ่วดีใจกับเรื่องไม่คาดคิดนี้อย่างมาก ในใจย่อมเต็มไปด้วยความตื้นตันเป็นธรรมดา
คิดไม่ถึงว่าวันนี้เรื่องร้ายจะกลับกลายเป็นดี ไม่เพียงแต่ดิ้นรนจนได้โอกาสครั้งใหญ่มา แต่ยังไล่หยางอวิ้นกับอวี๋เสี่ยวเหลียนสองตัวปัญหาออกไปได้ด้วย ยังมีเรื่องอื่นที่ทำให้นางดีใจกว่ายิ่งนี้อีกหรือไม่?!
หยางอวิ้นไม่คิดว่าอิ่นเสวี่ยรั่วจะใช้โอกาสนี้กำจัดนางออกไป! อยากจะแล่เนื้อเถือหนังนางทั้งเป็นด้วยมือของตนเอง
แต่จางเหยี่ยนซิงจวินสั่งลงมาแล้ว อีกทั้งนางกังวลว่าหากคัดค้านละก็ ไม่แน่ว่าลู่ยาอาจจะพูดเรื่องจริงออกมา ยิ่งไปกว่านั้น แต่เดิมนางมีอิ่นเสวี่ยรั่วคอยจับตามอง ยามนี้ยังทะเลาะกับอวี๋เสี่ยวเหลียนจนมองหน้ากันไม่ติด คิดดูแล้วอยู่ต่อไปก็ไม่มีความหมาย ดังนั้นนอกจากส่งสายตาอาฆาตไปทางอิ่นเสวี่ยรั่ว ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงหมุนตัวกลับไปเก็บข้าวของ
คนที่โกรธที่สุดคืออวี๋เสี่ยวเหลียน นางทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อไล่มู่จิ่วออกไป ผลคือฝ่ายนั้นอยู่ต่ออย่างสงบไม่ว่า กลับยังปิดฉากด้วยการถูกขับออกจากลานจื่อหลิงเสียเอง ในใจอัดอั้นไปด้วยความโกรธแค่ไหนไม่ต้องพูดถึง! ถึงแม้ยังคิดจะอาละวาดอยู่ แต่จางเหยี่ยนซิงจวินเอาจริงแล้ว จึงทำได้เพียงเก็บหางเดินออกไปเงียบๆ
แม้เรือนทางตะวันตกจะถล่ม ทว่าเรื่องนี้สำหรับเทพเซียนแล้วไม่ใช่เรื่องลำบาก ในหอวิหคแดงมีห้องมากมายขนาดนั้น เรื่องซ่อมแซมตกแต่งมีอยู่บ่อยๆ มิใช่หรือ! ก่อนจางเหยี่ยนซิงจวินกลับไปก็ทิ้งเจ้าหน้าที่ซ่อมแซมโดยเฉพาะไว้หลายคน ใช้ของวิเศษเฉพาะของพวกเขาสร้างค่ายกล ไม่นานเรือนก็ฟื้นคืนกลับมาเป็นแบบเดิม
ก่อนอาหารเย็น คนแซ่หยางและคนแซ่อวี๋สองคนก็จัดการเรือนเสร็จแล้วออกไป
ครั้นมู่จิ่วกับเสี่ยวซิงทำความสะอาดเรือนทั้งสองเสร็จ ก็ให้ลู่ยากับอาฝูย้ายเข้าไป ก่อนพลันนึกขึ้นได้ว่าต้องคิดบัญชีกับซ่างกวนสุ่น ทว่าไหนเลยจะยังมีร่องรอยของเขาอยู่?
……………………………………………