ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 77
ถึงแม้เขาใช้เวลาเก้าร้อยเก้าสิบเก้าปีถึงจะเลื่อนขั้นได้ขั้นหนึ่ง แต่เพียงเลื่อนขั้น อายุก็จะยืนยาวขึ้น เขาจะโง่จนถึงขนาดเลื่อนอีกขั้นโดยใช้เวลาพันปีเชียวหรือ? ถึงแม้รากฐานวิญญาณจะไม่สะอาด…ถึงแม้รากฐานวิญญาณจะไม่สะอาด เขาก็มีอายุเพิ่มมาพันปีโดยไร้สาเหตุ ใครจะรู้ว่าในพันปีนี้เขาจะหาวิธีข้ามผ่านมันไปได้หรือไม่?
ด้ามกระบี่ในมือเกือบจะถูกบีบให้เป็นผุยผง แต่ไหนแต่ไรความปรารถนาของเขาไม่เคยแรงกล้าเหมือนขณะนี้มาก่อน
ใจของเขาเหมือนมีเถาวัลย์ที่แข็งแกร่งงอกเงยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พริบตาก็เข้าควบคุมแขนขาของเขา…
เขาควรจะทำแบบนี้หรือไม่?
สภาพของหลินเซี่ยในตอนนี้ สูญเสียมหาโอสถทองไปก็ไม่แน่ว่าตอนไหนจึงจะฟื้นคืนสภาพ
ที่สุดแล้วอย่างไรนั่นก็เป็นพ่อของเขา…
ใจของเขาสับสนพัวพันกันราวกับผูกเงื่อนตายไว้เป็นจำนวนมาก
เขาก้มดูเส้นเลือดเขียวที่ผุดขึ้นมาตรงข้อมือ พลันเงยหน้าขึ้น…เขากลับมาที่สำนักแรกพยับเพื่ออะไรกัน?
เพื่อออกจากสำนัก เพื่อช่วยแม่ของเขา หลินเซี่ยเคยให้อะไรกับเขาไว้บ้าง? ไม่มีเลยสักอย่าง…เพื่อไม่ให้เขาสำเร็จเป็นเซียน เพราะเกรงว่าเขาจะมีอนาคต แม้แต่รากฐานวิญญาณเขาก็ไม่ชำระล้างให้สะอาด หลินเซี่ยยิ่งไม่ได้มองเขาเป็นลูกชายด้วยซ้ำ เขาจะยังสนใจศีลธรรมความกตัญญูอะไรได้ ไม่ใช่ว่าน่าหัวร่อหรือ!
หลินเซี่ยไม่ต้องการเขา เขาก็ไม่ต้องการหลินเซี่ย
เขาหันไปดูคนทั้งสามซึ่งรวมกลุ่มกันพูดสัพเพเหระอยู่ไม่ไกล สูดลมหายใจเข้าลึก ทันใดนั้นก็ลูบท้องเดินเข้าไป “อาจเป็นเพราะกลางคืนข้ากินอาหารไม่ดี ท้องเลยเสีย ข้าจะไปห้องน้ำก่อน รบกวนศิษย์พี่ทั้งหลายเฝ้าไว้หน่อย”
ทั้งสามคนต่อว่า “พวกไร้ประโยชน์! แอบอู้เก่งนัก!”
“ถูก! ไม่อนุญาตให้ไป! หากท้องเสียก็ท้องเสียรดในกางเกงเสียเลย!” พวกเขาหัวเราะเสียงแหลม
เขาค้อมตัวลงอีกหน่อย กดเสียงต่ำ “ขอร้องศิษย์พี่ทั้งหลายช่วยอำนวยความสะดวกด้วย!”
“คุกเข่าโขกศีรษะร้องขอพวกเราสิ!” พวกนั้นล้อมเขาไว้
เขากัดฟันแน่นในความมืด ค้อมตัวลงไปโขกศีรษะสามครั้ง
ต่อให้ยิ่งอับอายกว่านี้ ก็เพียงจดจำเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่สักวันหนึ่ง เขาจะกลับมาเอาคืนทบต้นทบดอก!
“ไสหัวไป!”
ในที่สุดพวกนั้นก็ปล่อยไป จากนั้นหัวเราะกันเสียงดัง
หลินเจี้ยนหรูหันหลังกลับไป ในดวงทั้งคู่มีประกายไฟจุดติดขึ้นมา
เขาออกไปจากเรือนหลักตรงกลางอย่างรวดเร็ว ก่อนออกประตูใหญ่ไปเรือนด้านหลัง
หลินเจี้ยนหรูยืนอยู่ในเรือนข้าง ถือหินไฟไว้ในกำมือโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย หลังจากจุดให้สว่างก็โยนไปทางห้องเก็บคัมภีร์ซึ่งห่างจากเรือนหลักสองเรือนข้างกั้น
เพื่อกันไฟป่า สิ่งก่อสร้างบนเขาจึงใช้หินเป็นหลัก แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ ม่านที่พลิ้วไหวของห้องก็ยังคงติดไฟก่อน ลมภูเขาเพียงพัดมา ฉับพลันก็ทำให้ท้องฟ้าสว่างไสว ลุกลามเข้าไปยังคานด้านใน ประกายไฟทำให้คนที่ยอดเขาคุ้มมรกตตื่นตกใจ รอบๆ เริ่มมีเสียงโวยวายลอยตามมา
หลินเจี้ยนหรูรีบกลับไปที่เรือนหลัก สามคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตูได้ยินเสียงลม ตอนนี้รีบไปที่ห้องเก็บคัมภีร์แล้ว! เขาผลักประตูเข้าไปข้างใน ผ่านฉากกั้นอย่างรวดเร็ว ไปถึงหลังม่านของข้างเตียงใหญ่สี่เสาที่ลงรักปิดทองไว้
หลินเซี่ยหลับตานอนอยู่บนเตียง ถึงแม้ลมหายใจจะเบาบางแต่ก็ราบเรียบสม่ำเสมอ
ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นยาเข้มข้น บนเตาเล็กตรงม่านปลายเตียงยังอุ่นยาไว้อยู่
หลินเจี้ยนหรูน้อยนักที่มีโอกาสพบหน้าหลินเซี่ย นี่คือตัวการที่ทำร้ายจนพวกเขาแม่ลูกพบเจอกับเคราะห์กรรม นั่งอยู่เหนือเขา บงการชีวิตเขาโดยอาศัยคำว่าอาจารย์ เขาเกิดความคิดที่จะสังหารอีกฝ่ายนับครั้งไม่ถ้วน แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ เขากลับไม่มีความคิดแบบนั้น
ตอนเขายังเล็ก ความฝันอันสูงสุดของเขาคือเป็นเหมือนลูกของครอบครัวล่าสัตว์ที่ตีนเขา ตื่นมาก็เห็นแม่ทำอาหารเช้าดีๆ หลังมื้ออาหารก็สามารถเกาะอยู่บนไหล่กว้างของพ่อ ซอกแซกอยู่ในป่า ทว่าตั้งแต่ที่เขารู้ความ ความฝันก็เริ่มมลายหายไป หากพูดถึงฝันของผู้อื่น พยายามก็อาจทำให้สำเร็จได้ แต่ความฝันของเขาแม้แต่ริมขอบกลับยังสัมผัสไม่ถึง
เขานั่งลงที่ริมขอบเตียง หลินเซี่ยที่หลับลึกดูเปราะบางราวกับถ้าเป่าลมไปก็สามารถทำให้เขาแหลกสลายได้
“แค่ก…”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขานั่งลงไม่ระมัดระวัง หรือใจสัมผัสรับรู้ได้ หลินเซี่ยพลันเปิดตาขึ้น เปล่งเสียงอันพร่าเลือนออกมา
หลินเจี้ยนหรูสายตาจับจ้อง กลับไม่ลุกขึ้น เพียงมองเขาพลางพูดอย่างราบเรียบ “ท่านพ่อกินมหาโอสถทองเข้าไป?”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกหลินเซี่ยว่าพ่อ เขาพูดได้ไม่คล่องนัก หลินเซี่ยฟังก็รู้สึกแปลก เขายังไม่อาจพูดได้ เพียงแต่ประกายในแววตาแสดงออกว่าสงสัย หลินเจี้ยนหรูรู้ได้อย่างไรว่าเขากินมหาโอสถทองไป
“แสดงว่าข้าทายไม่ผิด” หลินเจี้ยนหรูพูดเบาๆ “ถ้าเช่นนั้น เห็นแก่ที่พ่อทำเรื่องเลวร้ายกับตัวข้าและแม่ข้ามากมาย ท่านคายยาออกมาให้ข้าได้หรือไม่?”
หลินเซี่ยพลันเบิกตากว้าง ใบหน้าบิดเบี้ยว
หลินเจี้ยนหรูกลับไม่แปลกใจ ยื่นมือไปพยุงเขาพลางพูด “ตอนนี้ทัพสวรรค์ให้ข้าเข้าร่วมทำคดีจิ้งจอกเก้าหาง หากพ่อเอายาให้ข้า ข้าจะมีโอกาสแก้แค้นแทนไม่ใช่หรือ? ยานี้สำหรับท่านแล้วก็แค่ประดับดอกไม้เพิ่มบนผ้างามเท่านั้น แต่สำหรับข้าเป็นการมอบถ่านไฟท่ามกลางความหนาว ท่านจะไม่ใจกว้างหน่อยหรือ?”
“แค่ก…แค่ก…”
เสียงยังคงพร่า แต่สีหน้าของหลินเซี่ยกลับแสดงออกว่าโกรธแค้น
สีหน้าของหลินเจี้ยนหรูเคร่งขึ้น “หากท่านไม่ยินยอม ข้าคงต้องบีบบังคับแล้ว”
พูดจบไม่รอให้เขาตอบกลับ กำลังภายในรวบรวมอยู่ที่ปลายนิ้วมือขวา พุ่งไปที่จุดตันเถียนของเขา
คนที่เขาแค้นคือทั้งสำนักแรกพยับ
และเป้าหมายของเขาคือเอายานี้มาเลื่อนขั้นเพื่อล้างความอับอาย
เขาไม่อาจลืมความยากลำบากที่ตนเองแบกรับ ทั้งยังชัดเจนมาตลอดว่าเป้าหมายของตนคืออะไร
แม่ของเขารอให้เขาฟื้นฟูจิตต้นกำเนิด ตัวเขาเองก็ยังคงต้องปีนป่ายอยู่บนเส้นทางที่ดูเหมือนจะใช้ชีวิตเพียงลำพังคนเดียว
เขาไม่ได้สังหารหลินเซี่ย เขาเพียงแค่อยากได้ของที่ตนต้องการ
ชีพจรทั้งร่างของหลินเซี่ยขาดสะบั้น จิตต้นกำเนิดไม่มีทางขยับ ไม่นานก็หาพลังแกร่งกล้าในจุดตันเถียนของเขาเจอ
ต้องขอบคุณมู่จิ่วที่ช่วยเขาเก็บดอกบัวกลีบม่วงมา พลังของเขาที่จริงเพิ่มขึ้นมากแล้ว ยิ่งบวกกับคัมภีร์ฝึกพลังที่นางให้เขา กำลังภายในจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะออกจากสวรรค์ เขารู้สึกได้แล้วว่าจุดตันเถียนของเขาเกิดพลังกลุ่มหนึ่งขึ้นมาช้าๆ เพียงแต่ยังไม่ทันหลอมรวมเป็นกลุ่มพลังขั้นสุดท้าย ก็เพราะแบบนี้ เขาถึงได้รีบร้อนอยากจะรู้ถึงสภาพรากฐานวิญญาณของตน
“เจ้า…”
อาจเป็นเพราะหลินเซี่ยรับรู้ได้ถึงความก้าวหน้าของเขา จึงนอนนิ่งเฉยไม่ได้ และเริ่มดิ้นรน
หลินเจี้ยนหรูยกมือซ้ายขึ้น จับข้อมือเขาไว้แน่น แล้วสกัดจุดหมิงเหมิน[1]ไว้…อยู่ข้างกายมาสี่ร้อยปี สำหรับเขาที่ถูกมือพ่อทำร้ายมา จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าจุดหมิงเหมินอยู่ที่ไหน?
หลินเซี่ยพลันอ่อนปวกเปียก ดวงตามองยอดมุ้ง อ้าปากสูดหายใจเข้าลึก
หมิงเหมินถูกสกัดไว้ จิตต้นกำเนิดของเขาไม่มีทางออกจากจุดพลัง มหาโอสถทองแม้จะแข็งแกร่ง แต่เพราะยังไม่โคจรผ่านภายในร่างกายจึงยังไม่ออกฤทธิ์
หลินเซี่ยมองเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ในสายตามีความโกรธแค้น ดูแคลน ดูถูก และรังเกียจ
แต่หลินเจี้ยนหรูกลับไม่สนใจ สิ่งเหล่านี้เขาคุ้นชินนัก แต่ไหนแต่ไรสายตาของอีกฝ่ายไม่เคยมีความรักความเอ็นดูเหมือนกับที่พ่อแม่คนอื่นมีต่อลูก หรือบางทีอาจไม่มีแค่กับเขาเท่านั้น แต่ถึงแม้ตอนนี้จะมี เขาก็ไม่คิดที่จะรามือ
เขาเป็นเพียงลูกนอกสมรสที่ต้อยต่ำ ไม่มีความสามารถเรื่องให้อภัยผู้อื่น