ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - ตอนที่ 93
มู่จิ่วตอบนิ่งๆ “ไม่รู้จัก”
และพูดอีก “ข้าพลันรู้สึกว่าสิ่งที่ราชาจิ้งจอกพูดก็ถูกนัก ชิงชิวมีคนได้รับบาดเจ็บก่อน และมีหลักฐานแสดงว่าศิษย์ลัทธิฉ่านเป็นผู้ลงมือ ไม่ทราบว่าพวกเจ้ามีหลักฐานยืนยันว่าตนเองไม่ใช่ฆาตกรหรือไม่? หากสามารถยืนยันได้ ข้าก็จะรับเป็นธุระให้ท่าน หากชิงชิวสังหารคนจริง จะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาทั้งหมด”
จีหมิ่นจวินหน้านิ่งทันที หาหลักฐานยืนยันว่าไม่ใช่พวกเขา? จะเป็นไปได้อย่างไร!
เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ ร่องรอยของพวกหลินเซี่ยล้วนสืบหาไม่ได้แล้ว ถึงแม้จะหาร่องรอยพบ ซ่านเซียนคนหนึ่งอย่างเขาไปๆ มาๆ เป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ไม่พอให้คนเชื่อมิใช่หรือ?
รู้เพียงพวกเขาเป็นพวกเดียวกัน!
แต่ก็ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ความสัมพันธ์ของสวรรค์กับวิมานหลีเฮิ่นนั้นใกล้ชิดดุจเหล็กกล้า ในเมื่อเป็นเจ้าหน้าที่เซียน ทำไมถึงได้ช่วยชิงชิวพูดเล่า?
“หากหาไม่พบ ก็ทำได้เพียงรอองค์หญิงหลิวเย่กลับมาค่อยว่ากัน” มู่จิ่วทำตามหน้าที่ “คดีนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าเป็นเพียงตัวแทนรับผิดชอบคดีฆาตกรรมของชิงชิวเท่านั้น แต่เพราะคดีนี้เกี่ยวพันกับข้อพิพาทกับลัทธิฉ่าน ดังนั้นข้าจึงมีสิทธิ์อยู่ฟัง”
พูดจบนางก็ถอยกลับไปข้างลู่ยา
นางไม่คิดจะร้องขอความเป็นธรรมแทนหลินเจี้ยนหรู นี่เป็นเรื่องในครอบครัวเขา ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่เห็นว่าเขาต้องการให้นางสอดมือเข้ายุ่ง
รู้ว่าเรื่องเป็นประมาณไหนก็พอแล้ว
“เรียนราชาจิ้งจอก องค์หญิงหลิวเย่กลับถึงวังแล้ว!”
นางเพิ่งจะพูดก็มีผู้อารักขาหมาป่าเข้ามารายงาน
ต่อมาเงาร่างสีแดงก็พาดผ่าน คนงามใบหน้าเย็นชาเจือความหยิ่งยโสเดินเข้ามา
“ใครเรียกหาข้า?”
นางกวาดสายตามองในห้อง สายตาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของมู่จิ่ว จากนั้นก็กวาดมองมาทางเหล่าสำนักแรกพยับที่แต่งกายอย่างศิษย์ลัทธิฉ่าน
“สามีข้าหลินเซี่ยตายด้วยเงื้อมมือเจ้าใช่หรือไม่!” จีหมิ่นจวินยกขนจิ้งจอกในมือขึ้นมาอีกครั้ง มองดูแล้วเหมือนหมอยาที่เที่ยวหลอกขายของคนอยู่ริมถนน “ขนนี้เป็นของเจ้าใช่หรือไม่?!”
มู่หรงหลิวเย่มองดูขนนั้นพลางร้องเฮอะ “คนที่ข้าสังหารมีเยอะ ใครจะรู้ว่าสามีเจ้าคือหอมต้นไหน?”
จีหมิ่นจวินใบหน้าแดงก่ำ “พวกเจ้าเคยพบซ่านเซียนสองคนที่เกาะเป่ยอี๋ คนหนึ่งถูกเจ้าสังหารที่นั่น อีกคนบาดเจ็บหนัก สามีข้าคือคนที่บาดเจ็บหนักคนนั้น! คืนก่อนหน้าสำนักของพวกเราเกิดไฟไหม้อย่างไม่มีสาเหตุ และระหว่างไฟไหม้นั้นสามีข้ากลับตายอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว! พวกเราพบสิ่งนี้ที่ริมหมอนเขา เจ้ากล้าพูดรึว่านี่ไม่ใช่ของเจ้า?!”
มู่หรงหลิวเย่ขมวดคิ้ว
มู่จิ่วรีบเดินไปข้างหน้า พูดว่า “เป็นพ่อของหลินเจี้ยนหรูคนที่คราวก่อนอยู่ด้วยกันกับข้า นี่คือแม่เลี้ยงของเขา!”
มู่หรงหลิวเย่แต่เดิมไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ แต่เมื่อได้ยินว่าหลินเจี้ยนหรูคือลูกชายของหลินเซี่ยคนที่นางเคยไล่ล่าสังหารมาก่อน ริมฝีปากที่พูดจาฉะฉานเหมือนคมมีดก็เผยอขึ้นมา “ที่แท้ก็เป็นคนนั้น! ข้าคิดจะสังหารเขาแต่ไม่มีเวลา หลายวันมานี้องค์หญิงเสียนอวิ๋นแห่งมหาเทพตงหัวจัดงานวันเกิด ข้าไปเป็นแขกที่เผิงไหล ไหนเลยจะมีใจไปหาเรื่องพวกเจ้า!”
“เช่นนั้นแล้วขนจิ้งจอกนี่คืออะไร!” จีหมิ่นจวินออกจากจื่อจิวน้อยมาก เพราะอยู่ในอาณาจักรนางสามารถเพลิดเพลินกับการปรนิบัติอย่างดี มาวันนี้เห็นจิ้งจอกแดงที่อยู่ตรงหน้าไม่เห็นนางอยู่ในสายตา นางรู้สึกได้รับความดูแคลนอย่างใหญ่หลวง! “หรือมันจะบินจากเผิงไหลไปถึงสำนักแรกพยับของเรา?!”
มู่หรงหลิวเย่ยิ้มเยาะ แหงนหน้ามองยอดหลังคาโค้งเหนือศีรษะ “องค์หญิงอย่างข้าเป็นสัตว์เทพ ขนร่วงไม่กี่เส้นก็เป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อยไม่ใช่หรือ? ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่พวกเจ้าตามหลังก้นข้าแล้วเก็บมันมา มาวันนี้กลับมาป้ายสีข้า! ทว่า…” พูดถึงตรงนี้ นางก็เหลือบมองพลางเอ่ยอย่างดูแคลน “ถึงแม้เป็นข้าสังหารก็ไม่มีอะไรแปลกประหลาด หากไม่ใช่เพราะข้ากลับมาเหนื่อย แม้แต่พวกเจ้าข้าก็จะสังหารเสียวันนี้!”
“เจ้าบอกปัดอย่างโจ่งแจ้ง?!” จีหมิ่นจวินสีหน้าเขียวคล้ำแล้ว
“จำเป็นด้วยหรือ?” มู่หรงหลิวเย่รุกเข้าไปตรงหน้านาง ร่างสูงทำให้หน้าอกใหญ่ของนางกดดันจนจีหมิ่นจวินถอยร่นไปสองก้าว “ข้าสังหารก็คือข้าสังหาร ไม่ใช่ข้าทำ เรื่องนี้ข้าก็ไม่แบกรับ หรือว่าข้าจำเป็นต้องโกหกพวกเจ้าด้วย?”
มู่จิ่วมองอกอวบอิ่มนั่น เพิ่งได้รู้ว่าที่แท้รูปร่างดียังมีประโยชน์แบบนี้อยู่ด้วย…
จีหมิ่นจวินโกรธจนตัวสั่น หันกลับไปหาหัวชิง
หัวชิงก้าวออกมาพูด “ในเมื่อองค์หญิงยอมรับว่าขนนี้เป็นของท่าน และพูดว่าขนจิ้งจอกนี้เป็นพวกเราเก็บมา ขอบังอาจถามท่าน พวกเราสามารถเก็บขนจิ้งจอกที่เป็นกลุ่มเรียบร้อยแบบนี้ได้หรือ? ยิ่งไปกว่านั้น ศิษย์ของพวกเราเห็นท่านเอ่ยปากว่าต้องการตามสังหารศิษย์น้องด้วยตาตนเองก็เป็นเรื่องจริง หรือว่านอกจากองค์หญิงแล้ว บนโลกนี้ยังมีใครเก็บขนจิ้งจอกที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ได้ จากนั้นก็ส่งมาสำนักแรกพยับเพื่อป้ายสีได้อย่างประจวบเหมาะ?”
“คำถามเหล่านี้พวกเจ้าควรคิดหนทางหาคำตอบเองมิใช่หรือ? คนที่ตายก็ไม่ใช่คนของข้า ข้าจะรู้ได้อย่างไร?”
พูดมีเหตุผล…
หากกล่าวว่าข้อเด่นของมู่หรงเส่าชิงคือจิตใจคับแคบ ข้อเด่นของมู่หรงเสวี่ยจีคือนิยมชมชอบชายหนุ่ม เช่นนั้นข้อเด่นของมู่หรงหลิวเย่ย่อมต้องเป็นทำให้คนอกแตกตายโดยไม่สนใจ คำพูดของนางเพียงเอ่ยออกไป สักสิบคนย่อมต้องอยากจะระเบิดอารมณ์ แต่ก็จำต้องอดทนอดกลั้นไว้จนกลายเป็นปลาปักเป้า
มู่จิ่วเห็นจิ้งจอกแดงกลับตอบโต้แบบนี้ จึงไม่ส่งเสียง ถอยไปสองก้าว
แน่นอนว่านางไม่เชื่อว่าจิ้งจอกแดงสังหารหลินเซี่ย ไม่ต้องพูดถึงว่าองค์หญิงเผ่าพันธุ์เทพไม่จำเป็นต้องโกหกเพื่อปกปิดความผิดเลย พูดเพียงหากนางไปสำนักแรกพยับจริง ด้วยนิสัยแบบนั้นของนางจะไม่ทำลายทั้งสำนักก่อนค่อยจากไปหรือ? สำหรับพวกเขาแล้ว สังหารหลักร้อยกับสังหารหลักสิบมีอะไรแตกต่างกัน?
ดังนั้นนางจึงสงสัยว่าแท้จริงแล้วขนจิ้งจอกนี้มาอยู่ในมือจีหมิ่นจวินได้อย่างไร
แต่ถึงแม้จิ้งจอกแดงจะไม่ได้สังหารหลินเซี่ย ก็สังหารซ่านเซียนอีกคนในสำนักพวกเขา แบบนี้แล้วก็ไม่อาจนับได้ว่านางถูกปรักปรำ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นที่แน่นอนอีกว่าหลินเซี่ยถูกนางทำร้ายบาดเจ็บ
ดังนั้นจึงเกี่ยวพันไปถึงความตั้งใจแรกที่มาชิงชิวของมู่จิ่วด้วย
“ราชาจิ้งจอก! หรือนี่จะเป็นท่าทางของพวกท่านชิงชิว?” กำลังคิดว่าจะชี้นำเรื่องนี้อย่างไร หัวชิงที่นิ่งมาตลอดก็อดกลั้นความโกรธไม่ไหว คิดดูว่าต่อหน้าศิษย์น้องและลูกศิษย์ทั้งหลาย เกียรติเจ้าสำนักของเขาถูกทำลายจนดูไม่ได้!
ราชาจิ้งจอกสอดมือในแขนเสื้อเดินเข้ามา ยักไหล่พูดว่า “ลูกสาวข้าก็พูดไม่ผิด หลักฐานพวกเจ้าไม่เพียงพอ เจ้าจะให้พวกข้ารับได้อย่างไร? คงไม่ใช่เพียงว่าพวกเจ้าหยิบขนจิ้งจอกออกมา ให้ศิษย์ในสำนักพูดสร้างหลักฐาน พวกเราก็ต้องแบกรับเรื่องนี้แล้ว? เจ้าหน้าที่เซียนทำคดีอยู่ที่นี่ มีอะไรร้องเรียนก็ไปถกเหตุผลกับพวกเขา!”
มู่จิ่วกำลังอยากดูเรื่องครึกครื้น คิดไม่ถึงว่าจิ้งจอกเฒ่าจะโยนเรื่องมาให้นาง มู่จิ่วลอบด่าเขาไปและกำลังจะรับมา ไหนเลยจะรู้ว่าจีหมิ่นจวินยังเร็วกว่านางนัก พุ่งตัวออกมา “อ้อมโลกกันขนาดนี้ ที่แท้พวกเจ้าไม่คิดจะปิดบัญชีนี้! วันนี้พวกเรานำร่างไร้วิญญาณมาด้วย หากพวกเจ้าไม่ทำอะไร ข้าก็จะเผาร่างที่กลางวังใหญ่ของพวกเจ้านี่!”
นำร่างไร้วิญญาณเข้ามาเดิมทีก็เป็นการลบลู่แล้ว เผาศพยิ่งไม่ต้องพูดถึง!
แล้วพวกเขายังกล้าโจมตีชิงชิว!
ราชาจิ้งจอกพลันหน้าเปลี่ยนสี “เจ้ากล้า!”