ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 270 คนประหลาด (2)
“แน่นอน ข้าไม่ได้เชื่อเขาจนหมดใจเพราะเหตุนี้ จนกระทั่งภายหลังข้าได้หลักฐานยืนยันจากปากของเซวียนหยวนฮุ่ยเอง ตอนนั้นไม่ว่าอย่างไร ข้าไม่คิดอยากร่วมมือกับเขาเลยแม้แต่น้อย ก่อนพี่สาวตายก็ไม่หวังให้ข้าแก้แค้นแทนนาง หากต้องการสังหารเซวียนหยวนฮุ่ยจริง ข้าก็ไม่ยินยอมถูกใครบีบคั้น ที่สำคัญที่สุดคือซื่ออินไม่อยู่ ข้าไม่คิดจะทิ้งเขาไปเสี่ยงอันตราย”
“เขากลับไม่ทำให้ข้าลำบากใจอีก แต่หลังจากนั้นผ่านไปข้าก็ล้มลงหมดสติ รอจนฟื้นมาอีกที เรื่องราวเหล่านั้นก็เหมือนกับฝันอันเลือนราง บางครั้งขาดตอนบางครั้งต่อเนื่อง แม้แต่ตัวข้าเองยังคิดว่าเป็นความฝัน”
“จากนั้น ยังไม่ทันให้ข้าคิดให้ดีก่อนว่าจะนำเรื่องเหล่านี้ไปบอกราชินีอย่างไร วันถัดมาเขาก็แปลงกายเป็นซื่ออินมาหาข้า ภาพนั้นเหมือนจริงอย่างมาก ข้าเคยเห็นวิชามายาของชิงชิว ลึกลับวิจิตรโดยแท้ แต่วิชามายานั้นไม่เป็นรองชิงชิวเลย ข้าคิดว่าเขาเป็นซื่ออินตัวจริง จึงตามเขาออกไปให้อาหารนกที่ภูเขาด้านหลังตามคำชักชวนของเขา”
“ข้าไม่รู้เลย ตอนนั้นมีเพียงข้าคนเดียวที่เห็นเขา!”
พูดถึงตรงนี้ นางยกกำปั้นขวาที่กำแน่นขึ้นมาตรงหน้า มองจากมุมของมู่จิ่วเห็นเล็บนางจิกเข้าไปในเนื้อจนเลือดไหลออกมา
มู่จิ่วสัมผัสได้ว่าหัวใจนางบีบรัดถึงขีดสุด จึงรีบชงชาให้ รอจนนางฝืนดื่มเข้าไปอึกหนึ่งถึงค่อยถาม “พูดแบบนี้หมายความว่าเจ้าถูกเขาหลอกออกมา?”
“ไม่ผิด!” เหลียงจีตัวสั่น เงยหน้าขึ้นมา “หลังจากออกไปเขายังพูดเรื่องไปเยี่ยมหลุมศพพี่สาวกับข้า ทั้งยังปลูกต้นหางนกยูงไว้ที่นั่นหนึ่งต้น! เพราะต้นหางนกยูงนี้ข้าจึงไม่สงสัยเลยว่าเขาเป็นซื่ออินตัวปลอม ตราบจนลงจากภูเขาไป เขาพลันยืนนิ่งไม่ขยับ ก่อนเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา”
“เขาจับเจ้า?”
“เขาบอกข้าว่าข้าตั้งครรภ์แล้ว!” เหลียงจีพูด น้ำตาไหลรินลงมา “หากข้าไม่ไปกับเขา เขาจะทำให้ข้ากับลูกไม่ได้เจอซื่ออินอีกตลอดไป ข้าไม่รู้ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ ทำไมต้องเลือกข้า แต่ตอนนั้นข้าไม่มีหนทางจริงๆ”
ซื่ออินหันหลังไป หมัดหนึ่งพลันชกลงไปบนกำแพง
เหลียงจีเช็ดน้ำตาพลางมองเขา “เขาโน้มน้าวข้า รับประกันว่าไม่เพียงหลังจบเรื่องจะให้ข้าสังหารเซวียนหยวนฮุ่ย แต่ยังรับประกันว่าข้าจะไม่ถูกเซวียนหยวนฮุ่ยล่วงเกิน ข้าครุ่นคิดแล้วไม่มีหนทางหนีจากเงื้อมมือเขา เพื่อลูก ข้าทำได้เพียงรับปากไปก่อน และตามเขาไปหุบเขานั้น”
“แต่ข้าก็เตรียมตัวอย่างดี ข้าซ่อนปิ่นอันหนึ่งไว้ในกำไล หากเซวียนหยวนฮุ่ยแตะต้องข้าจริง ข้าจะเลือกสังหารตนเอง”
“แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือต่อมาหลายร้อยปีเซวียนหยวนฮุ่ยไม่ได้แตะต้องข้า ไม่เพียงเขาไม่เคยยุ่งกับข้า แต่ข้ายังใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นได้ไม่เลว หลังจากคลอดเจ้าขาวน้อย ข้ากลัวพวกเขาจะลงมือกับลูก จึงระแวดระวังอย่างมาก แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำ คนผู้นั้นสร้างเขตพลังให้ลานบ้านข้า เซวียนหยวนฮุ่ยเข้ามาไม่ได้ ข้าดีใจที่ได้รับการปกป้องแบบนี้ แต่อย่างไรข้าก็ไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนี้ทำไม”
“จนไม่นานมานี้…”
“ไม่นานมานี้ทำไม?” ลู่ยาที่ไม่ได้พูดมานานส่งเสียงมา เขาเปิดฝาครอบถ้วยชาก่อนพูดช้าๆ “ไม่นานมานี้ คือสองปีก่อน?”
“ใช่เจ้าค่ะ!” สายตาเหลียงจีเต็มไปด้วยความยำเกรง “เป็นอย่างที่ท่านเทพพูด ราวสองปีก่อน มีวันหนึ่งเซวียนหยวนฮุ่ยพลันจับข้าไว้ในหุบเขาแล้วคิดจะล่วงเกินข้า! ข้าชักกระบี่ตะโกนใส่เขา หากกล้าหุนหันแตะต้อง ข้าจะเชิญนายท่านออกมาให้ความยุติธรรม! เพราะตอนนั้นฐานะของข้าคือทูตที่คนผู้นั้นส่งมา”
“ฐานะทูตนี้ก็เป็นยันต์ปกป้องชีวิตให้ข้ากับเจ้าขาวน้อยอยู่อย่างสงบภายใต้เงื้อมมือของเซวียนหยวนฮุ่ยได้!”
“แต่เซวียนหยวนฮุ่ยกลับบอกข้า วิญญาณร้ายใกล้หลอมเสร็จแล้ว รอจนวิญญาณร้ายหลอมเสร็จเมื่อใด อาคมปีศาจของเขาก็จะยิ่งใหญ่ขึ้น ถึงตอนนั้นเขาจะเข้ากุมอำนาจถิ่นทุรกันดานทางเหนือทั้งหมด เผ่าพันธุ์โบราณที่เหลืออยู่ทั้งหมดจะถูกทำลาย ตายจนสิ้น! นอกจากนี้ เขายังบอกข้าว่านายท่านสัญญาว่าจะมอบข้าให้เขาเมื่อเรื่องจบลง!”
“ข้าตะลึงงันทันที! ที่แท้ลางสังหรณ์ของข้าไม่ผิด นี่คือกับดักจริงๆ! ข้าจึงรีบพูดตะล่อมเขา เริ่มหลอกล่อเขา จากนั้นเขาจึงบอกข้าว่าแต่เดิมคนผู้นั้นเลือกข้าเพราะข้ากับเซวียนหยวนฮุ่ยมีความแค้นกัน และเพราะเซวียนหยวนฮุ่ยมากตัณหา หมายตาข้ามานาน ดังนั้นจึงใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อหลอกเขามาหลอมวิญญาณให้!”
“และก่อนหน้านั้น ข้าไม่รู้เลยว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่! ข้าเพียงรู้ว่าบ้านพักนั้นทำลายไม่ได้ หากทำลายไปก็หมายความว่าเซวียนหยวนฮุ่ยทำลายข้อตกลงระหว่างพวกเขา
“ข้ารู้ว่าสถานการณ์ของข้าอันตรายขนาดไหน หลังครุ่นคิดอยู่ทั้งคืน ข้าถึงตัดสินใจส่งเจ้าขาวน้อยออกไปก่อน”
“แต่ข้าไปไม่ได้ เพราะเป้าหมายของพวกเขาคือข้าไม่ใช่เจ้าขาวน้อย ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็หนีไม่พ้น ข้าใช้เลือดหัวใจครึ่งหนึ่งล้างความจำของลูกและกลิ่นอายข้าบนเสื้อผ้าจนหมดสิ้น เพราะข้ากลัวพวกเขาจะตามเจอจากกลิ่นอายของเจ้าขาวน้อย จากนั้นหาโอกาสใช้เวลาที่ไม่มีคนจับตามองสั้นๆ นำเขาไปซ่อนไว้ใต้ต้นหางนกยูงที่ภูเขาเรือ!”
“ข้าไม่รู้ว่าลูกจะเป็นอย่างไร? แต่ข้ารู้ว่าเขาอาจจะไปตายข้างนอก แต่หากรั้งอยู่ต่อต้องตายแน่นอน!”
“ข้าหวังว่าเขาจะออกจากภูเขาได้และส่งข่าวออกไป! หากสวรรค์ไม่ละทิ้งข้า ซื่ออินต้องหาข้าเจอ!”
“แต่รอจนข้ากลับถึงหุบเขาไม่นาน พวกเขาสัมผัสได้จากชีพจรที่อ่อนแรงของข้าว่าข้าส่งเจ้าขาวน้อยออกไปแล้ว ขณะเดียวกันก็เดาว่าข้าส่งข่าวออกไปแล้วเช่นกัน คนผู้นั้นโกรธอย่างมาก ทำร้ายเซวียนหยวนฮุ่ย เซวียนหยวนฮุ่ยหันมาลงความโกรธกับข้า จับข้าขังไว้ที่ใต้แม่น้ำแห่งความตายนั้น”
เรื่องราวในภายหลังนางพูดอย่างเร็ว แต่เทียบกับเรื่องร้ายในตอนแรกแล้วกลับยังเบากว่า ราวกับนางไม่คำนึงถึงความลำบากที่ตนเองได้รับ ส่งอาฝูออกไป…เจ้าขาวน้อยสำหรับนางแล้วถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
ซื่ออินโอบนาง กลัวและกล่าวโทษตนเอง แต่ที่มีมากกว่าคือความเจ็บปวด
หญิงที่อ่อนแอผู้หนึ่งสามารถปกป้องตนเองกับลูกได้ภายใต้สภาพแวดล้อมแบบนั้น ก็นับว่าไม่ง่ายแล้วกระมัง?
มู่จิ่วกัดฟัน “คนผู้นี้ควรถูกฟ้าดินลงโทษ! กล้านำเด็กมาข่มขู่แม่!”
เหลียงจีได้ยินคำนี้ก็อดไม่ได้ ลุกขึ้นมาจากอกซื่ออินช้าๆ ก่อนขมวดคิ้วพูด “ที่จริงข้ากลับไม่เกลียดเขา”
“เพราะหลังจากที่ข้าส่งเจ้าขาวน้อยออกไปแล้ว สิ่งที่ข้ากังวลที่สุดคือเขาจะสังหารข้าก่อน แต่เขากลับไม่ทำ และยังนำความโกรธไปลงกับเซวียนหยวนฮุ่ย ถึงแม้เขาไม่ได้ห้ามเซวียนหยวนฮุ่ยขังข้า แต่มีวันหนึ่งเขาพลันมาที่ห้องหินข้างล่าง ป้อนยารักษาวิญญาณให้ข้า เพราะตอนนั้นข้าถูกเซวียนหยวนฮุ่ยทำร้ายบาดเจ็บแล้ว”
ทุกคนอดประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้
สีหน้าของซื่ออินยิ่งซีดขาว “แบบนั้นเขากับเจ้า…”
เหลียงจีมองเขา “ใจของข้าที่มีต่อเจ้า เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? เขาไม่มีความคิดอื่นใดกับข้าเลย ข้าก็เหมือนกัน…แม้แต่หน้าเขาข้ายังจำได้ไม่ชัดเจน ข้าจะมีใจเป็นอื่นได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นเขายังทำให้ครอบครัวของข้าลำบากอีก แต่ตอนที่เขาป้อนยาข้า ข้ากลับได้ยินคำพูดหนึ่งของเขาอย่างรางเลือน”
………………………………………………