ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 284 อันตราย เจ้ารับ!
“มีข่าวใหม่เกี่ยวกับองค์ชายซื่ออินหรือไม่?”
มู่จิ่วถามเหลียงจีตอนที่ลู่ยาพูดคุยกับพวกไท่ฉี่
เหลียงจีกัดฟันส่ายหน้า เดินไปยังธรณีประตูพลางตอบ “ถูกลักพาตัวไปเจ็ดแปดวันแล้ว โหย่งซยงก็ไม่คิดเลยว่าเซวียนหยวนฮุ่ยจะยกทัพมา ก่อนหน้านั้นซื่ออินไปส่งข่าวบอกโหย่วซยง พวกเขากลับทำเหมือนเรามีจุดประสงค์แอบแฝง จึงขับไล่ผู้ส่งสารออกมา เป้าหมายแรกของเซวียนหยวนฮุ่ยคือโหย่วซยง จากนั้นค่อยใช้โหย่วซยงเป็นทางผ่านโจมตีพวกเรา”
“ซื่ออินนำทัพออกรบด้วยตนเอง รบกันราวสามสิบกว่าวัน ปกป้องโหย่วเจียงอย่างมั่นคง แต่ไม่กี่วันก่อน พวกเขาพลันเปลี่ยนกระบวนทัพ กระบวนทัพนั้นพวกเราไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ซื่ออินไม่รู้ เพียงเข้าไปก็ถูกเซวียนหยวนฮุ่ยหลอก! ตอนนี้เป็นตายไม่อาจคาดเดาได้ ข้ารู้นิสัยของเซวียนหยวนฮุ่ย ดังนั้นจึงเข้าร่วมรบหลายครั้ง แต่ก็ทำอะไรเขาไมได้!”
“นี่ต้องเป็นค่ายกลพันมารแน่!”
มู่จิ่วยังไม่ทันตอบ จื่อจิ้งยื่นหน้าเข้ามา “ค่ายกลพันมารแรงมาแรงกลับ พวกเจ้าเอาชนะเขาไม่ได้หรอก!”
จื่อจิ้งเพิ่งพูดจบลู่ยาก็เคาะหัวเขาดังโป๊ก “ถึงได้เรียกเจ้ามารับเคราะห์แทนมิใช่หรือ?”
จื่อจิ้งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทุกเวลาล้วนอยากอยากให้เขาตายตกไปด้วยกัน
เหลียงจีตะลึงเล็กน้อย “ท่านนี้คือ?”
มู่จิ่วลากนางเข้าไปในห้อง “เมื่อครู่พูดว่ามารับเคราะห์แทนมิใช่หรือ?”
เมื่อเดินเข้ามาในตำหนักหลัก ราชาเสือขาวเร่งให้คนเข้ามารับใช้ วันนี้ลู่ยามิได้มาวางก้าม โบกมือให้พวกเขานั่งลง จากนั้นถามเรื่องสงครามตอนนี้
นายพลรุ่นเยาว์สวมเกราะสองคน คนหนึ่งคือต๋าเจาน้องชายของซื่ออิน อีกคนคือนายพลในอาณาจักรชื่ออวี๋เหิง สองคนนี้รับผิดชอบอารักขาเมืองหลวง คนที่เหลือไปรบประชิดชายแดน ส่วนเหลียงจีเพิ่งกลับมาจากสนามรบตอนเช้า หลังกลับมาก็ส่งอาฝูไปสวรรค์
ส่วนใหญ่สิ่งที่พวกเขาเล่าไม่ต่างจากที่เหลียงจีเล่ามากนัก แต่นายพลใหญ่อวี๋เหิงก็เพิ่งกลับมาจากแนวหน้าเมื่อวันก่อน เขาตามซื่ออินไปป้องกันตามแนวชายแดนอยู่นานนับเดือน เทียบกับเหลียงจีที่มีใจจดจ่อกับการช่วยคนรักแล้วย่อมรู้เรื่องราวความเป็นมามากกว่า
“ด้านเหนืออย่างสกุลหัวซวี สกุลเฉินเจียง แต่ละเผ่าล้วนเตรียมพร้อมรบไว้แล้ว แม้เซวียนหยวนฮุ่ยจะเก่งกาจ แต่คิดกำราบอาณาจักรมากมายถึงเพียงนี้ในพริบตาเดียวก็ยังไม่อาจทำได้ ตอนนี้แผนการรบของเขาคงต้องทำลายโหย่วเจียงของพวกเราก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากใช้วิชาปีศาจควบคุมพวกเราได้แล้วค่อยใช้มันส่งเผ่าเสือขาวไปตายแทนเขา”
“ก่อนองค์ชายหายไปเคยได้ข้อมูลกำลังทหารของพวกนั้นมา กำลังทหารจริงของเขามีเพียงห้าหมื่นนาย พวกเราเสือขาวมีถึงแปดหมื่นนาย ตามเหตุผลแล้วทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันขนาดนี้ ต้องไม่อาจถูกพวกเขาเข้าประชิดเมืองแน่ และพวกเราก็สามารถต้านไว้ได้สามสิบกว่าวันแล้ว”
“แต่เร็วๆ นี้ไม่รู้ว่าพวกเสือลายเหลืองใช้คาถาปีศาจอะไร แต่ละคนล้วนกล้าหาญดุดันชำนาญการต่อสู้ โต้ตอบรวดเร็วมาก ไม่พูดเกินจริงแม้แต่น้อย พวกเขาหนึ่งคนสามารถต้านทานพวกเราได้สามคน องค์ชายนำหอกกำราบมารไปก็สู้พวกเขาไม่ได้!”
ก่อนมู่จิ่วมาถึงได้รู้แล้วว่าค่ายกลพันมารที่มีวิญญาณร้ายควบคุมอยู่ร้ายกาจมาก จึงไม่ตกใจมากนัก
ลู่ยาพึมพำอยู่นาน หันหน้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือแล้วหยักนิ้วทำนาย ก่อนเอ่ย “ด้านตะวันออกเฉียงเหนือพลังหยินเข้มข้น มีผีวิญญาณเคลื่อนไหวอย่างมีรูปแบบ เซวียนหยวนฮุ่ยอาศัยวิญญาณร้ายสร้างค่ายกลพันมารจริงๆ ค่ายกลนี้รับมือยากมาก ยิ่งคนที่มีพลังบำเพ็ญลึกล้ำยิ่งเสียเปรียบ ดังนั้นซื่ออินถึงได้ตกหลุมพรางอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่ เรื่องนี้วางใจได้”
ทุกคนได้ยินคำพูดนี้แล้วล้วนถอนหายใจโล่งอก แต่เงียบไปครู่ ราชาเสือขาวก็ถาม “ตอนเหลียงจีกลับมาไม่ได้บอกหรือว่าวิญญาณร้ายยังหลอมไม่เสร็จ? เขาทำสำเร็จได้อย่างไร?”
ลู่ยาตอบ “ข้าเดาว่าเซวียนหยวนฮุ่ยอาศัยวิญญาณร้ายสร้างค่ายกลพันมาร และคนที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างหากที่มาเพื่อวิญญาณร้าย ตอนนี้วิญญาณร้ายและค่ายกลพันมารสร้างสำเร็จแล้ว สองคนนี้คงไม่ได้ติดต่อกันอีก ความทะเยอทะยานของเซวียนหยวนฮุ่ยคือปกครองทั้งเขตทุรกันดานทางเหนือ ตอนนี้คู่ต่อกรของพวกเจ้าคือเขา เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ”
ราชาเสือขาวพยักหน้ารับคำก่อนถามอีก “แบบนั้นไม่ทราบว่าค่ายกลพันมารนี้สามารถทำลายได้อย่างไร?”
ลู่ยาถอนหายใจ ยืนขึ้นแล้วตอบ “ค่ายกลพันมารสร้างขึ้นมาจากวิญญาณร้าย พลังหยินกลางค่ายกลเข้มข้นที่สุด ทำได้เพียงส่งคนที่พลังหยางเข้มข้นและบริสุทธิ์ที่สุดเข้าไป และคนผู้นี้วิชาต้องไม่แก่กล้ามากนัก หากวิชาแก่กล้าเกินไปจะเป็นการฆ่าตัวตาย ต่ำเกินไปก็เหมือนส่งแกะเข้าปากเสือ”
“พลังหยางเข้มข้นและบริสุทธิ์ที่สุด..” ราชาเสือขาวตะลึง
พลังหยางเข้มข้นและบริสุทธิ์ พูดตรงๆ คือเด็ก เด็กนั้นหาได้ไม่ยาก แต่ฝีมือไม่สูงไม่ต่ำเกินไปและยังต้องเข้าไปในค่ายกลนั้นได้อีก กลับหาได้ไม่ง่ายนัก
ลู่ยามองอาฝูก่อนเอ่ย “อาฝูเป็นลูกชายของซื่ออิน ตามเหตุผลแล้วควรไป”
“อาฝู?” มู่จิ่วตกใจ “เขายังเด็กขนาดนี้ จะไปได้อย่างไร?”
ราชาเสือขาวกับราชินีมีสีหน้ากังวล หลานรักคนนี้พวกเขาเพิ่งได้พบ ติดค้างความรักเขาไว้สามร้อยปี เวลานี้จะทนส่งเขาไปหาอันตรายได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ซื่ออินก็อยู่ในเงื้อมมือของเซวียนหยวนฮุ่ยแล้ว หากยังสูญเสียอาฝูไปอีก แบบนั้นมันช่าง…
“ขอถามเซิ่งจุน ไม่ทราบว่ายังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่?” ราชาเสือขาวพูดอย่างสั่นกลัว
“ไม่มี” ลูยาประสานมือ ตอบอย่างเด็ดขาด “หากพวกเจ้าหวังดีกับเขา ครั้งนี้ต้องให้เขาไป”
“ใช่! สละชีพช่วยบิดา ถูกต้องตามครรลองฟ้าดิน!”
จื่อจิ้งโผล่หน้าเข้ามาพูดอีก
คราวนี้เป็นมู่จิ่วเคาะหัวเขาดังโป๊กแทน
ราชาเสือขาวได้ยินลู่ยาพูดเยี่ยงนี้จึงพยักหน้า มองไปทางเหลียงจี
เหลียงจีเม้มปากเดินออกมา ก่อนเอ่ย “ข้าจากบ้านไปห้าร้อยปี เลี้ยงลูกมาคนเดียว ทำให้ซื่ออินต้องวิ่งพล่านไปทั่วเพื่อช่วยข้า เรื่องนี้ข้าติดค้างเขา ตอนนี้ข้าไปไม่ได้ อย่างน้อยก็ควรเป็นเจ้าขาวน้อยไปช่วยพ่อเขาแทน ข้าไม่มีอะไรละทิ้งไม่ได้ หวังเพียงเจ้าขาวน้อยจะไม่ทำให้ราชาและราชินีผิดหวัง พาพ่อของเขากลับมาอย่างปลอดภัย!”
ราชินีหันหลังไปทั้งน้ำตาคลอ
ถึงแม้มู่จิ่วอาลัยอาวรณ์อย่างมาก แต่ลู่ยาต้องไม่ทำร้ายเขาแน่ ดังนั้นจึงนั่งยองลงไปตบๆ หัวออาฝู พูดกับเขาว่า “อาฝูช่างกล้าหาญ มีความสามารถนัก แต่ก่อนเคยช่วยข้าต่อสู้กับศัตรู ครั้งนี้ย่อมต้องพาพ่อกลับมาจากเงื้อมมือของเสือลายเหลืองได้ ใช่หรือไม่?”
อาฝูยกคางขึ้นดุนใบหน้านาง จากนั้นยกหางขึ้นหมอบลงกับพื้น ขยายขนาดตัวจนยาวจั้งกว่า แยกเขี้ยวกว้าง ส่งเสียงร้องของเสือ วิ่งวนอย่างรวดเร็วอยู่กลางอากาศสองรอบ ก่อนพุ่งออกไปไกลนอกประตูราวกับดาวตก!
เหลียงจีมองเขาที่ห่างกายไปไม่ถึงสองปี กลับถูกลู่ยาสั่งสอนมาได้เช่นนี้ กระบอกตาพลันร้อนผ่าวขึ้น
ลู่ยากลับหิ้วคอจื่อจิ้งขึ้นมา วาดคาถาลงไประหว่างคิ้วเขา จากนั้นยัดยันต์สองแผ่นให้เขาก่อนสั่ง “เจ้าตามอาฝูไป ช่วยเขาพาซื่ออินรัชทายาทของโหย่วเจียงกลับมา หากอาฝูเข้าไปในค่ายกลเมื่อใด เจ้าก็ตามหลังเขาเข้าไปแล้วเอายันต์สองแผ่นนี้แปะที่ทิศตะวันออกและตะวันตกด้านละแผ่น มีการต่อสู้ให้เขาสู้ มีอันตรายให้เจ้ารับ สรุปหน้าที่ของเจ้าคือไปปกป้องเขา”
“หากมีอะไรเกิดขึ้น ไม่ต้องถึงข้าลงมือ คาถาไฟสมาธิบนหน้าผากเจ้าจะช่วยข้าเผาเจ้าจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ดังนั้นแม้แต่โอกาสที่เจ้าจะเสียใจภายหลังก็ไม่มี”
……………………………………………