ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 307 เจ้าคือใคร
เขาปิดทวารทั้งห้า เหลือเพียงลมหายใจและดวงตาสองคู่ ขับเคลื่อนพลังวิญญาณพุ่งไปยังปลายสุดแม่น้ำ
ไม่นานก็ข้ามผ่านเนินหลิวเอ๋อร์ไป จากนั้นเห็นผายอดเขาหินที่อยู่ไกลออกไป มองจากไกลๆ มันกว้างราวพันจั้ง สูงราวพันจั้ง แต่เมื่อเข้าไปใกล้ด้านหน้ากลับได้รู้ว่าที่จริงไม่ได้สูงแค่พันจั้งเท่านั้น!
ที่แท้ยอดเขาเหวยถัวนี้ตั้งอยู่กลางผา รอบยอดเขาหินว่างเปล่า มีเมฆทะมึนลอยวน แม่น้ำแห่งความตายมาสิ้นสุดที่นี่ น้ำในแม่น้ำไหลลงตามช่องว่างระหว่างยอดเขา กลายเป็นร่องน้ำยาวพันลี้สายหนึ่ง แต่ยิ่งเดินลงไปก็ไม่เห็นผิวน้ำ และไม่ได้ยินเสียงน้ำ! ได้ยินเพียงเสียงขยับของหางมังกรในเมฆหมอกและเสียงร้องมังกรที่สะเทือนหู!
ยามนี้เขาต้องข้ามผ่านผาลึกไม่เห็นก้นนี้ก่อนถึงจะไปถึงฝั่งตรงข้ามได้
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชื่อปรโลกเก้าแดนนี้ไม่ได้มีเพียงชื่อ ทว่าเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องไปต่อ!
เขาฝึกฝนเพลงกระบี่ได้ไม่เลวนัก ในช่วงเวลาปีกว่านี้เขาอาศัยพลังของสวรรค์จึงก้าวหน้าเร็ว ขอเพียงแค่ไม่ตกลงไปในแม่น้ำเท่านั้น เนินกว่าร้อยจั้งนี้ก็ไม่เป็นปัญหา
และแล้วเขาก็มาถึงฝั่งอย่างราบรื่น ดอกไม้บนฝั่งพลิ้วไหวไปตามลม ในสายตาคนยังดูเหมือนเลือดที่ติดอยู่บนพื้น
เขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ง่ายดายกว่าที่คิดไว้เล็กน้อย ก่อนอื่นเขาเข้าไปในถ้ำบนผาสูงชัน เดินเข้าไปแล้วก็กินยาอำพรางกายที่มู่จิ่วให้เขาไว้ก่อนหน้านี้ จากนั้นหลบเลี่ยงการลาดตระเวนของเหล่าปีศาจ ผ่านระเบียงยาวเจาะอยู่ในถ้ำเหนือแม่น้ำแห่งความตาย เมื่อเดินลึกเข้าไปอีกก็ถึงปากถ้ำแห่งหนึ่ง
บนปากประตูถ้ำเขียนคำว่า ‘หยวนเจี่ย’ อยู่ตรงตำแหน่งที่สูงที่สุด คิดดูแล้วนี่คงเป็นชั้นของวิญญาณดี
จิตต้นกำเนิดที่แตกสลายของอูหลานเอ๋อร์ยากจะแยกว่าดีหรือร้าย ไม่รู้ว่าไปอยู่ชั้นไหน เขาแอบกระตุ้นพลังของกุญแจจันทรา ค่อยๆ เคลื่อนที่ไป ค่อยๆ ตามหา
นรกชั้นแรกหากจะบอกว่าเป็นนรก มิสู้บอกว่าเป็นห้องรับรอง ห้องที่สลักขึ้นจากหยกเขียว ด้านในยังมีชั้นหยกมากมาย แต่ละชั้นหยกมีถาดหยกวางอยู่ บนถาดหยกนั้นมีวิญญาณหลากสีพักผ่อนอยู่หลากหลายประเภท ในนี้มีเหล่าขุนพลอำมาตย์ที่ทำคุณไว้กับแผ่นดิน รวมทั้งเทพเทวดาเซียนพุทธ
ชั้นที่สองก็เป็นห้องเล็กๆ ที่เป็นระเบียบ จำนวนมากกว่าชั้นแรกหน่อย วัสดุที่ใช้ทำก็ล้วนเป็นหยกขาวชั้นดี เหมือนกับชั้นบน ต่างแค่คุณภาพวัสดุที่ใช้
ชั้นที่สามไม่มีประตูปิดขัง มีเพียงปราการเท่านั้น ถึงชั้นสี่จึงจะมีประตูและมีปีศาจวัวปีศาจงูเฝ้ายาม
หกชั้นแรกกุญแจจันทราไม่มีปฏิกิริยา
หลินเจี้ยนหรูรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย แต่เขายังคงกัดฟันเดินเข้าไปลึกอีกชั้น
ชั้นที่เจ็ดเข้าสู่ภพชั่วร้าย แต่ละห้องล้วนมีสัตว์นรกเฝ้าอยู่ ถึงแม้หลินเจี้ยนหรูรู้ว่าพวกมันมองไม่เห็นเขา แต่ก็ยังอดรู้สึกกดดันไม่ได้ เขากำกุญแจจันทราไว้แน่น เดินเร็วๆ ไปจนสุดทาง ก่อนพลันมีเสียง ‘อืม’ เสียงหนึ่งดังมาจากในมือ เขาหยุดยืนนิ่ง พลังของกุญแจจันทราแกร่งขึ้นฉับพลัน ดันจนนิ้วของเขาเหมือนถูกผลักออกมา!
เลือดลมเขาพลุ่งพล่าน รีบมองไปรอบด้าน พลันเห็นแสงสว่างวูบวาบในห้องมืดด้านซ้ายมือ…จิตต้นกำเนิดขนาดเล็บมือสว่างเลือนๆ กำลังเคลื่อนไหวเล็กน้อย! และยังเคลื่อนเข้ามาหาเขาทีละน้อยด้วย!
เขาตื่นเต้นจนใจแทบจะหลุดออกจากคอ เวลาคล้ายเคลื่อนผ่านเชื่องช้าอย่างยิ่งในพริบตานั้น เขาวางกุญแจจันทราไว้ในมือ ยื่นมือผ่านประตูนรกเข้าไปด้านในสุดกำลัง!
สามฉื่อ สองฉื่อ หนึ่งฉื่อ…แปดชุ่น ห้าชุ่น สามชุ่น…
“วูบ!”
ยามที่เห็นว่าเกือบจะได้แล้ว กลับมีเงาร่างหนึ่งวูบผ่านทันใด ก่อนค่อยๆ เก็บจิตต้นกำเนิดกลุ่มนั้นไป!
หลินเจี้ยนหรูกระอักเลือดที่ขึ้นมากองอยู่ที่คอนานแล้วออกมา เขารับการโจมตีนี้ไม่ได้ ร่างก็ถอยหลังไปหลายก้าว
แต่สัตว์นรกและห้องคุมขังรอบด้านหายไปแล้ว เขาถูกล้อมรอบด้วยความมืดมิดที่ไร้ขอบเขต!
เขาค้อมตัวลงเล็กน้อย หัวใจเต้นรัวในอก!
ด้านหน้าพลันปรากฏแสงจุดหนึ่ง แสงนี้ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น ส่งกระทบผนังหินและดอกพลับพลึงแมงมุมโดยรอบ ทำให้ทิวทัศน์รอบด้านเขาสว่างขึ้นทีละน้อย…ตรงหน้าคือน้ำตก ใต้น้ำตกมีเพียงหางมังกรกับเมฆหมอกที่ไม่รู้หนาบาง ส่วนด้านหน้าเป็นยอดเขายิ่งใหญ่ที่ไม่รู้ความลึกและเต็มไปด้วยดอกพลับพลึงแมงมุม!
แต่คนที่ผ่านไปมาราวกับมองไม่เห็นเขา ประหนึ่งเขาอยู่ในอีกห้วงเวลาหนึ่ง!
เขาไม่ได้ขยับ พริบตาเดียวก็กลับมาอยู่ที่ปลายแม่น้ำแห่งความตายอีกแล้วหรือ?!
“เจ้าตกใจมากหรือ?”
ด้านหลังพลันมีเสียงอ่อนโยนดังขึ้น
เขาหันกลับไปทันที ด้านหน้าไม่รู้มีคนมายืนอยู่ตอนไหน สวมเสื้อเขียวแขนเสื้อกว้าง ดวงตาสว่างดุจดาว ผมดำขลับมีเพียงปิ่นอันเดียวปักไว้ ทิ้งตัวอยู่ระดับเอว
ภายใต้ฟ้ามืดสลัว แม้ดูไปแล้วเขาไม่เหมือนปีศาจเลยสักนิด แต่ให้กลิ่นอายเหนือสามัญ
“เจ้าเป็นใคร?” หลินเจี้ยนหรูถอยไปสองก้าว เก็บกุญแจจันทราไว้ในอกอย่างมิดชิด
ชายชุดเขียวยกมุมปากให้เขา “ข้ามาช่วยเจ้า”
หลินเจี้ยนหรูขมวดคิ้ว ก่อนถามกลับ “เท่าที่ข้ารู้ ข้าไม่ได้มีอันตรายอะไร”
“เจ้ามีอันตรายแน่” ชายชุดเขียวพูด นั่งลงบนดงดอกพลับพลึงแมงมุมด้านหลัง ชันเข่าขึ้นชมดอกไม้ แม้แต่หลินเจี้ยนหรูที่เป็นชายเห็นแล้วยังใจสั่น
เขากล่าวราวกับพูดคุยเล่น “ตั้งแต่เจ้าสังหารบิดา ตัวเจ้าก็เกิดรากฐานมารแล้ว ภายหลังเจ้าทำร้ายพี่สาวต่างมารดา หากข้าไม่ช่วยเจ้า เจ้าก็ทำได้เพียงเดินไปทางสายมารไกลขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น สุดท้ายต้องแหลกสลายไม่ได้ผุดได้เกิด”
หลินเจี้ยนหรูตกใจ เขาไม่รู้จักชายชุดเขียว เหตุใดเขากลับรู้เรื่องราวของตนชัดเจนทั้งหมด?!
เขาใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในแรกพยับมานาน พยายามทำให้ตนเองนิ่งสงบแล้ว เขาชั่งน้ำหนักอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูด “ข่าวของท่านยังไม่แม่นยำนัก ที่จริงข้าได้รับปากเพื่อนคนหนึ่งไว้แล้ว ชีวิตนี้จะไม่ทำเรื่องชั่วช้าอีก หากข้ากลับใจคืนสู่ทางสายธรรม ฟ้าจะลงโทษข้าได้อย่างไร?”
“แต่เจ้าเปลี่ยนไม่ได้” ชายชุดเขียวมองเขาพลางพูดนิ่งๆ
ชัดเจนว่าเขานั่งอยู่บนพื้น ที่จริงจะต้องเงยหน้าขึ้นมองหลินเจี้ยนหรู แต่จากมุมมองของหลินเจี้ยนหรู เขายังมีกลิ่นอายสูงส่งจนไม่อาจเทียบ และมองเขาในระดับสายตาเดียวกันด้วยความมั่นใจ
“หมายความว่าอย่างไร?” เขาพลันขมวดคิ้ว
“เพราะจิตต้นกำเนิดของอู๋หลานเอ๋อร์อยู่ในมือข้า” ชายชุดเขียวแบมือ วิญญาณแตกสลายขาดเท่าเล็บมือลอยอยู่บนมือเขา “หากข้าใช้มันข่มขู่เจ้า เจ้ายังทนไม่เดินทางสายมารได้หรือ?”
“คืนข้ามา!”
สีหน้าหลินเจี้ยนหรูพลันเปลี่ยน พุ่งเข้าหาชายชุดเขียวโดยไม่สนสิ่งใด
ชายชุดเขียวงอมือกลับมา มองเขาที่ไม่มีหนทางเข้าใกล้ในระยะสามฉื่อ “ไม่มีจิตต้นกำเนิดนี้ ความปรารถนาของเจ้าไม่มีวันเป็นจริง”
หลินเจี้ยนหรูหน้าซีดขาวทรุดลงกับพื้น มือทั้งสองกำดินและหญ้าบนพื้นแน่น
นี่เป็นความปรารถนาของเขามาตลอดสองร้อยปี! ทั้งยังเกี่ยวพันกับหนทางในอนาคตของเขา!
…………………………………………………………..