ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 308 หนึ่งหมื่นปีต่อไป
แต่เขารับปากมู่จิ่วไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาจะไม่กลับไปเดินทางสายมารอีก! และเพื่อรักษาสัญญานี้ แม้แต่เหลียงชิวฉานเขายังไม่พบมาหลายวันแล้ว!
เลือดลมในอกเขาพลุ่งพล่านไม่หยุด ทั้งยังพุ่งไปบนหัวและแขนขา เขาอ้าปาก อยากจะบอกว่า ‘ได้’ ออกมายิ่งนัก ทำเช่นนี้เขาจะสามารถนำเศษเสี้ยวจิตต้นกำเนิดกลับมาได้ตามต้องการ และซ่อมแซมวิญญาณของอู่หลานเอ๋อร์ก่อนยามจื่อสามเค่อ!
อย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร สังหารแม้กระทั่งบิดาของตน พี่สาวต่างมารดาก็ไม่ละเว้น แม้แต่เรื่องสกปรกเช่นใช้เรื่องพรหมจรรย์มาบีบบังคับข่มขู่หญิงสาวก็ทำมาแล้ว เวลานี้ทำชั่วอีกเรื่องเพื่อมารดา จะมีอะไรหนักหนากัน?!
แต่การกลายเป็นคนชั่วโดยสมบูรณ์ไม่ใช่ความต้องการของเขาเลย บาปที่เขาก่อขึ้นทั้งหมดล้วนไม่ใช่สิ่งที่เขาตั้งใจไว้ สิ่งที่เขาต้องการคือแข็งแกร่งขึ้นเพื่อหลุดพ้นจากสำนักแรกพยับโดยเร็ว จากนั้นกลับไปสู่สิ่งที่เขาควรมีและชีวิตอันสงบสุขที่หวังมานาน!
ดังนั้นเขาจึงยืนกรานรับปากมู่จิ่วว่าจะไม่ทำอะไรผิดต่อวิถีฟ้าอีกแล้ว!
นี่ไม่ใช่เพียงเพราะนาง แต่ยังเพื่อตนเองด้วย เขาไม่อาจผิดคำพูดได้!
ในเมื่อนางหวังดีต่อเขา อย่างน้อยเขาก็ต้องทำตามคำสัญญาที่ให้นางไว้…
เขาเหลือบมองเศษเสี้ยวจิตต้นกำเนิดในมือของชายชุดเขียว เอ่ยเสียงสั่นว่า “ข้า…ข้ารับข้อเสนอไม่ได้!”
ชายชุดเขียวชะงัก
สายตาอีกฝ่ายมองลงมา หลินเจี้ยนหรูมองไม่ออกว่าแววตาคู่นี้ซ่อนความรู้สึกใดไว้
เขาคิดกระทั่งว่าชายชุดเขียวอาจจะโกรธกริ้วจนลงมือกับตนเอง
แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำ
ชายชุดเขียวเพียงมองหลินเจี้ยนหรูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพลันหันไปมองที่ไกลๆ มุมปากบนใบหน้าที่หันข้างของเขาเหมือนยกขึ้นเล็กน้อย อีกทั้งยังอ่อนโยน เหมือนนุ่นที่ร่วงหล่นบนหลังมือในฤดูหนาว
แต่ยามที่สายตานั้นจับจ้องบนร่างของเขากลับไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว มันกลายเป็นราบเรียบ มองไม่เห็นถึงความรู้สึกใดๆ
“เจ้ายืนยันว่าจะไม่ทำตามข้า?” เขาถาม
หลินเจี้ยนหรูพยุงตนเองขึ้นมา นั่งลงมองเขากลับ “ข้าสาบานต่อนางแล้ว หากข้าผิดสัญญา ต่อไปต้องสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน และหากข้าเดินทางสายมารก็คงมีบทสรุปสุดท้ายเช่นเดียวกันอยู่ดี เช่นนั้นแล้วทำไมข้าต้องผิดสัญญากับนางด้วย ได้ชื่อว่ารักษาคำมั่นสัญญาไว้มิดีกว่าหรือ?”
ชายชุดเขียวมองเขา นิ่งอยู่พักหนึ่ง
เขาไม่ได้ลนลานอีก หันกลับไปมองยอดเขาเหวยถัวที่อยู่ไกลๆ ปัดดินบนเสื้อก่อนลุกขึ้นยืน
แขนขาของเขาไม่มีเรี่ยวแรงราวกับเป็นตะคริว หากบอกว่าไม่เสียใจก็โกหกแล้ว แต่เขาไม่นึกเสียดาย
เขาไม่ต้องการผิดต่อคำสาบานที่เขาให้ไว้
“เช่นนั้น ถ้าข้าใช้กุญแจจันทรากดดันเจ้าล่ะ?”
เสียงของชายชุดเขียวดังขึ้นด้านหลัง
หลินเจี้ยนหรูชะงักก่อนลูบที่ข้างเอว…ไหนเลยจะยังมีกุญแจจันทราอยู่!
เขาหันตัวกลับไป กุญแจเซียนโบราณอยู่ในมือชายชุดเขียว!
จิตใจของหลินเจี้ยนหรูพลันขมวดแน่นถึงขีดสุด!
“เจ้าคิดจะทำอย่างไรกันแน่!”
สีหน้าแววตาเขาเปลี่ยนเป็นดุร้าย กุญแจจันทราเป็นของที่มู่จิ่วยืมมาให้ หากเขาไม่นำกลับไป เขาก็ผิดคำพูดต่อนางเช่นกัน อีกทั้งสิ่งนี้เขาไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเอาหรือไม่เอา! เขาต้องนำมันกลับไป! ประเด็นคือถ้าไม่มีกุญแจจันทรา เขาก็ไม่สามารถซ่อมแซมจิตต้นกำนิดของอู่หลานเอ๋อร์ได้!
“ทำตามข้า ข้าสามารถปกป้องไม่ให้วิญญาณเจ้าสลายในท้ายที่สุดได้” ชายชุดเขียวเดินเข้ามา นั่งยองลงตรงหน้าเขา
หลินเจี้ยนหรูเบิกตากว้าง มองฝ่ายตรงข้ามจนตาแทบจะถลนออกมาแล้ว
“หากข้าไม่รับปากเล่า?”
“ไม่รับปาก กุญแจจันทรานี้ก็จะหายไป”
เขามองของวิเศษในมือ ใบหน้าที่ก้มลงเล็กน้อยดูมีมิติมากขึ้นเมื่ออยู่ภายใต้แสงสลัว
แต่ตอนนี้หลินเจี้ยนหรูมองใบหน้านี้แล้วอดสั่นเทาไม่ได้…เขาเป็นมารร้าย เขาต้องเป็นมารร้ายแน่!
มือทั้งสองกำหญ้าสูงระดับเข่าแน่น รู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นโดยพลัน เมื่อครู่ทำไมไม่รบเร้าให้มู่จิ่วตามเขามา หากนางมา อย่างน้อยนางก็ช่วยตัดสินใจได้ว่าเขาควรทำอย่างไร ตอนนี้เขาควรทำอย่างไรดี? ร่วมมือกับชายชุดเขียว เขาก็ทำลายคำมั่นสัญญา หากไม่ร่วมมือแล้วปล่อยให้ทำลายกุญแจจันทรา เขาก็ผิดสัญญาต่อนางเช่นกัน
หากเขาละทิ้งทุกอย่างตอนนี้แล้วกลับไป บอกว่ากุญแจจันทราถูกคนทำลายไปแล้ว นางจะเชื่อหรือไม่?
เขาเป็นคนที่สังหารแม้กระทั่งบิดาแท้ๆ ของตนเอง หากมู่จิ่วเห็นเขาเป็นพวกละโมบก็คงไม่แปลกนัก
ถึงตอนนั้นเขาคงไม่มีทางอธิบายกับนางได้ แม้เขาจะพูดเก่งขนาดไหนก็ไม่มีหนทางอธิบาย!
เจ้ามารผู้นี้กลับฝังกลบหนทางถอยของเขาจนสิ้น เขาไม่เคยอยากเป็นคนชั่ว แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น!
“ตอนนี้ใกล้ยามจื่อสามเค่อแล้ว เจ้าต้องรีบตัดสินใจหน่อย” ชายชุดเขียวพูดอย่างไม่เร็วไม่ช้า
หลินเจี้ยนหรูกลืนน้ำลาย ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ทำไมถึงเป็นข้า?” ใต้หล้านี้มีคนชั่วมากมาย ทำไมต้องเป็นเขา!
ชายชุดเขียวดูราวกับสนใจคำถามนี้ เขาหรี่ตาครุ่นคิด สุดท้ายก็ยกริมฝีปากเอ่ย “คำถามนี้ถามได้น่าสนใจยิ่ง”
พูดจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อ ความว่างเปล่าเบื้องหน้าพลันปรากฏม่านแสง ด้านในเป็นภาพทิวทัศน์อีกที่หนึ่ง
มันเป็นเนินเขามีแสงแดดส่องทั่วถึง ต้นไม้ใบหญ้าอุดมสมบูรณ์ มีคนกุมแผลโชกเลือดเดินกะโผลกกะเผลก ผมปล่อยสยายปรกใบหน้าที่เต็มไปด้วยไอมาร และถึงแม้จะห่างกันห้วงอวกาศหนึ่ง แต่ก็รู้สึกได้ถึงวิถีมารนองเลือดบนร่างเขา
“รู้สึกว่าคุ้นเคยมากหรือไม่?” ชายชุดเขียวถาม
หลินเจี้ยนหรูไม่ตอบ เขารู้สึกคุ้นตาคนผู้นี้นัก แต่มองไม่เห็นหน้าจึงไม่รู้ว่าเป็นใคร
“นี่คือเจ้าในอีกหมื่นปีจากนี้” ชายชุดเขียวมองไปบนภาพ พูดช้าๆ “ชะตาชีวิตของเจ้าถูกลิขิตให้เป็นมาร ไม่ว่าเจ้าจะไม่อยากเป็นขนาดไหน แต่นี่คือสิ่งที่กำหนดไว้แล้ว ไม่ว่าเจ้าจะมีความกล้าหาญอยากรักษาสัญญากลับสู่ทางธรรมมากเพียงใด แต่ไอมารที่เจ้าแบกรับไว้หนักหนานัก สุดท้ายเจ้าก็หนีไม่พ้นชะตาที่ต้องเดินทางสายนี้อยู่ดี”
ชายชุดเขียวพูดถึงตรงนี้ คนในภาพก็ยืนหยัดต่อไปไม่ไหว แหงนหน้าล้มลง ใบหน้าของเขาจึงเผยโฉมให้เห็นระหว่างผมเผ้าอันยุ่งเหยิง
หลินเจี้ยนหรูตกตะลึง! ใบหน้านี้เขาเห็นมาแล้วสองร้อยปี ไม่มีทางมองตนเองผิดไปแน่!
“นี่คือเรื่องจริงหรือ?!” แม้แต่น้ำเสียงเขาก็สั่นเทา
ชายชุดเขียวไม่ตอบ เพียงจับจ้องไปยังม่านแสง
หลินเจี้ยนหรูในภาพนอนอยู่ไม่นาน ก็พลันมีเงาร่างหนึ่งบินเข้ามาบนพื้น แล้วกลายเป็นหญิงสาวที่คล้ายกับหยาดน้ำบนดอกพุดตาน
ทั้งร่างหญิงสาวดูงดงาม ผมยาวปล่อยสยาย นางยกกระโปรงตัวยาว เดินทอดน่องเท้าเปล่าอยู่บนพื้นหญ้า นางเดินวนเล่นอยู่ตรงนั้น พลังวิญญาณของนางก็บริสุทธิ์เช่นเดียวกับลักษณะของนาง เหมือนกับคลื่นน้ำและสายลม คลื่นแล้วคลื่นเล่ากระทบเข้ากับต้นไม้โดยรอบ ทั้งยังพัดผมดำยาวของนางลอยขึ้น
หลินเจี้ยนหรูไม่เคยเห็นพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน ทั้งยังเป็นธรรมชาติและบริสุทธิ์เพียงนี้!
เขาไม่เคยพบเจอหญิงสาวเช่นนี้ ความงามของนางไม่ใช่สิ่งที่ดึงดูดใจคนที่สุด แต่เป็นรัศมีที่ไม่อาจบรรยายได้ทั่วเรือนร่าง…
หลินเจี้ยนหรูไม่รู้จะพรรณนานางอย่างไร
นางหยุดอยู่ที่ใต้ต้นหงเฟิง (เมเปิ้ลแดง) แล้วมองไปรอบๆ ไม่สนใจว่าการปลดปล่อยพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งขนาดนี้ออกมาจะมีอะไรไม่ดี
…………………………………………………………….