ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 318 ผ่อนคลายดุจเซียน
นางปิดดวงตาลงทั้งสองข้าง…มีทางให้เดินมากมาย มีคำให้พูดมากมาย นางกลับผลักตนเองมาหนทางอันตรายนี้! เมื่อพูดคำนี้ออกไป นางกับหัวชิงก็จบกันสิ้นแล้ว
หัวชิงตกใจอีกครั้ง ก่อนยืนขึ้นมา “เจ้าสัตว์เดรัจฉาน! เขาอยู่ที่ไหน?!”
นางเงยหน้าขึ้นมองเขา “บนสวรรค์”
เหลียงชิวฉานแทงหลินเจี้ยนหรู ทิ้งปากแผลขนาดเจ็ดแปดชุ่นไว้ หากเป็นแต่ก่อนแผลใหญ่เช่นนี้สามารถทำให้เขานอนซมอยู่เป็นเตียงหลายวัน มาตอนนี้เขาเพียงแค่นั่งปรับพลังลมปราณก็สามารถหยุดเลือดได้แล้ว เพียงแค่เลือดหยุด ลงยารักษาบาดแผลไป จากนั้นปรับลมหายใจรักษาตนเองให้ตรงเวลา ผ่านไปไม่กี่วันก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม
นางช่างเป็นแม่เสือดุร้ายเสียจริง!
แต่ได้ตัดขาดกันชัดเจนเช่นนี้ก็นับว่าคุ้ม
ดังนั้นสองวันนี้เขาจึงไม่ได้เดินไปทางถนนตะวันตกเลยเพียงเพื่อหลบหน้าเหลียงชิวฉาน
หลินเจี้ยนหรูไม่รู้ว่านางกลับสำนักแรกพยับ และไม่กังวลว่านางจะไปไหน แต่เดิมก็แค่ลวงหลอกความรู้สึก ตอนนี้แตกหักกันไปแล้ว เขายังจะอาลัยอาวรณ์สิ่งใดอีก?
วันนี้ยามบ่ายงีบหลับสักหน่อย กินข้าวเย็นก่อนเข้าไปที่หน่วย เพิ่งเดินออกจากประตูใหญ่ได้พลันมีลมสายหนึ่งปะทะเข้ามาด้านหลัง เขารีบหลบพร้อมเคลื่อนพลังมาที่ฝ่ามือทั้งสอง…ลมนี้มาอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่
รอจนเขายืนมั่น ด้านหน้าก็มีคนปรากฏตัว
เมื่อมองไปกลับเป็นหัวชิงขมวดคิ้วยืนประจันหน้าอยู่!
ใจของเขาเต้นเร็ว ไม่รู้ว่าทำไมหัวชิงมาอยู่ที่นี่!
“ทำไม เจ้าคิดจะลงมือกับข้าหรือ?” หัวชิงมองหลินเจี้ยนหรูอย่างเย็นชา ใบหน้ากราดเกรี้ยว
“ศิษย์ไม่กล้า!” เขารีบค้อมตัว “ศิษย์เพียงไม่รู้ว่าอาจารย์จะมาที่นี่” พูดจบก็ยืดตัวขึ้น มองหัวชิงเล็กน้อย ก่อนถาม “อาจารย์มาพบสหายเซียนที่สวรรค์หรือขอรับ?” เขานึกออกแต่เพียงเหตุผลนี้ จะยังมีสาเหตุอะไรให้มาพบเขาอีก? กว่าครึ่งต้องมาพบสหายเซียน ระหว่างทางกลับเจอเขาเข้าพอดี
หัวชิงไม่ได้ตอบเขา แน่นอนว่าเหตุผลที่เขามาไม่เหมาะจะพูดกลางแจ้ง เขาเอ่ยช้าๆ “ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้าสักหน่อย เจ้าตามข้ากลับไป”
หลินเจี้ยนหรูอยู่ที่แรกพยับมานานหลายปีขนาดนั้น อีกทั้งตอนนี้ยังมีความผิดติดตัว ทำไมต้องตามเขากลับไปเวลานี้ด้วย?
จึงกล่าว “ศิษย์ยังคงมีภาระหน้าที่ หากอาจารย์มีเรื่องอะไร สามารถพูดที่นี่ได้เลยขอรับ”
“ข้าไปบอกที่หน่วยแทนเจ้าแล้ว ไปเถอะ!” น้ำเสียงของหัวชิงแข็งกร้าวขึ้น
หลินเจี้ยนหรูยิ่งรู้สึกต่อต้าน เหลียงชิวฉานมีความสำคัญต่อหัวชิงมากขนาดไหนเขาย่อมรู้ดีแก่ใจ แม้แต่จีหมิ่นจวินยังต้องไว้หน้านางถึงสามส่วน ครั้งนี้หัวชิงขึ้นสวรรค์มาจับเขาด้วยตนเอง เหลียงชิวฉานต้องอยู่เบื้องหลังแน่นอน! เขายังไม่โง่ขนาดจะเดินไปรับโทษเอง!
แต่หัวชิงกลับไม่เคยให้โอกาสเขา เห็นเขากำลังถอยก็ปลดปล่อยพลังวิญญาณกักแขนขาของเขาทันที
มีหรือที่หลินเจี้ยนหรูจะยินยอมให้จับ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ปล่อยฝ่ามือออกไป มือที่เคลื่อนไหวเป็นอิสระนี้พุ่งเข้าไปปะทะครอบมวยผมของหัวชิง!
“เจ้า…”
ถึงแม้หัวชิงจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ตกใจจนหน้าถอดสี “เจ้ามีพลังบำเพ็ญกับพลังวิญญาณสูงแบบนี้ได้อย่างไร!”
ตั้งแต่เขาขึ้นเป็นเจ้าสำนัก ก็ไม่มีใครแตะที่ครอบมวยผมของเขาอีก แต่ยามนี้หลินเจี้ยนหรูที่ชัดเจนว่ายังเป็นเพียงขั้นจู้จีเท่านั้น กลับสะบัดมือเบาๆ มาตีมันแตกได้ จะไม่ทำให้เขาตกใจได้อย่างไร!
ถึงแม้หลินเจี้ยนหรูรู้ว่าต้องมีวันที่จะถูกเปิดโปง แต่กลับไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้!
เวลานี้สีหน้าจึงเปลี่ยน ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ
ดวงตาหัวชิงสว่างวาบ ไม่กล้าลังเลอีก ปล่อยเชือกมัดเซียนออกมารัดเขาไว้แล้วพากลับสำนักแรกพยับ!
ทางด้านมู่จิ่วกำลังรอข่าวจากชิงเสีย หลายวันนี้ออกไปข้างนอกน้อยมาก กินข้าวเสร็จก็ไม่ขยับตัว ใบหน้าอิ่มเอิบขึ้น จึงไปปลูกผักกับพวกเสี่ยวซิงเพื่อออกกำลังกาย
เวลานี้ซ่างกวนสุ่นเป็นมือหนึ่งในการปลูกผัก ทุกวันอยู่ในแปลงผัก โรครักความสะอาดของเขาจึงดีขึ้นไม่น้อยแล้ว
ช่วงนี้เป็นเวลาที่เหมาะแก่การปลูกแตง พวกรุ่ยเจี๋ยกับจื่อจิ้งจึงถูกลากมาทำงานด้วย เสี่ยวซิงให้พวกเขาลงต้นอ่อนในหลุม จื่อจิ้งนั่งยองๆ ข้างหลุมพลางบ่น “ข้าอยู่ที่วังจิตกระจ่างไม่เคยทำงานเช่นนี้ มาถึงที่นี่ไม่เพียงแต่อยู่อย่างลำบากมากขึ้น ยังต้องทำงานอีก ข้าคิดผิดจริงๆ!”
แต่ไม่มีใครสนใจคำพูดของเขา รุ่ยเจี๋ยที่อยู่ตรงข้ามก็ไม่ตอบคำ เขาอดไม่ได้ โยนต้นอ่อนในมือทั้งหมดไปที่รุ่ยเจี๋ย อาฝูที่คาบตะกร้าผักมาจากด้านหลังยกอุ้งเท้าขึ้นเตะก้นเขาไป จื่อจิ้งกลิ้งลงไปในหลุมแล้วกินดินเข้าไปเต็มๆ!
“ใครทำ?!” เขากุมก้นกระโดดขึ้นมา
อาฝูสะบัดก้นเดินไปตรงหน้ามู่จิ่วที่กำลังทำที่สำหรับปลูกแตง วางตะกร้าไว้บนพื้น จากนั้นเบือนหน้ากลับไปมองเขาเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไป
จื่อจิ้งเกือบระเบิดออกมา!
มู่จิ่วไม่สนใจพวกเด็กๆ เหล่านี้
แน่นอนว่านอกจากปลูกผักแล้ว นางยังสามารถทำอย่างอื่นได้ เช่นคิดสูตรอาหารใหม่เป็นต้น
ลู่ยาค่อนข้างเลือกกิน สิ่งที่ชอบกินก็ชอบมาก หากไม่ชอบก็จะไม่แตะเลยแม้แต่น้อย แม้นางจะลงมือทำเอง หากเขาไม่กินก็คือไม่กิน…เรื่องนี้ไม่ได้คิดมากอะไร กลืนของที่ไม่อยากกินลงท้องไปนั่นก็เป็นการลงโทษกันเกินไปแล้ว! ทุกคนต่างคุ้นชินกัน ไม่กดดันกันจะดีกว่า
มู่จิ่วจนปัญญา ทำได้เพียงเลือกวัตถุดิบที่เขาชอบมาทำอาหาร
เช่นนี้จึงเลี่ยงไม่ได้ ต้องไปประตูสวรรค์แดนใต้มากหน่อย
เหล่าลิงขนทองตั้งแผงขายของในตลาดอีกแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ พวกเขาเอาของป่ามามากมาย แน่นอนว่าต้องมีเรื่องนินทา
มู่จิ่วไม่ไปก็แล้วไป แต่เมื่อไปทีก็สามารถนั่งอยู่ได้ครึ่งค่อนวัน
เหล่าลิงเล่าเรื่องได้ออกรสชาติกว่าคนธรรมดานัก ประเด็นคือพวกเขารู้เรื่องเบื้องหลังที่เหล่าคนธรรมดาไม่รู้ เช่นเร็วๆนี้ข่าวที่ใหญ่ที่สุดคือป๋ายซู่เจิน (นางพญางูขาว) กลายเป็นแม่คนอีกแล้ว ไม่นานมานี้นางเพิ่งให้กำเนิดบุตรสาว ได้ยินว่าปิดประตูทะเลาะกับสวี่เซียน แต่เมื่อออกมากลับรักใคร่กลมเกลียวจนน่าอิจฉา
อีกเรื่อง ลูกสาวของมังกรทะเลทิศประจิมตกหลุมรักหลานของมหาเทพตงหัว ชายหนุ่มที่แค่ถูกสาวมองก็หน้าแดง สองคนคนหนึ่งตามคนหนึ่งวิ่งหนีไม่รู้เป็นอย่างไร แต่ล่าสุดมีปีศาจไก่เห็นว่าฝ่ายชายไปปีนเขาหัวแอบมองมังกรสาว ดวงตานั้นเป็นประกายระยิบระยับ เหล่าปีศาจที่ผ่านมาต่างก็สนใจ
ยามที่เหล่าลิงนินทาเรื่องคนอื่น อาการกังวลเรื่องการแต่งงานของน้องสาวเมื่อก่อนหน้านั้นไม่มีให้เห็นเลย มู่จิ่วสงสัยจริงๆ ว่าพวกเขาขี้นินทาขนาดนี้แล้วบำเพ็ญสำเร็จเป็นปีศาจได้อย่างไร
แต่นางยังคงให้ยาที่เหมาะกับพวกเขาไปเสริมกำลัง ยามอยู่บนสวรรค์นางไม่มีหนทางหลอมยา แต่ก่อนหน้านี้พวกมู่หัวให้นางมาไม่น้อย เพื่อให้นางไว้ผูกมิตรกับคนนอกไว้
ดังนั้นทุกวันเหล่าปีศาจมักจะเลือกเห็ด หน่อไม้ ต้นเซียงชุน (ฟลามิงโก้) และปลาที่สดที่สุดให้นาง
สิ่งของเหล่านี้สามัญนัก ของที่ลู่ยาเคยกินบนสวรรค์อันสูงส่งย่อมต้องหายากกว่านี้ แต่เขากลับไม่เคยรังเกียจ อย่างไรก็ล้วนเป็นของกินที่เขาชอบ เขาจึงรับได้
………………………………………….