ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 323 ต้องมนตร์
เหลียงชิวฉานอยู่คัดลอกพระธรรมเป็นเพื่อนหัวชิงนานแล้ว
หัวชิงขีดๆ เขียนๆ มาได้สิบกว่าแผ่น ทว่านางกลับเขียนได้ไม่เต็มสามแผ่นดีนัก
แสงจากตะเกียงน้ำมันเคลื่อนไหวอยู่บนโต๊ะหนังสือ นางรู้สึกราวกับวิญญาณของนางก็สั่นไหวไปด้วยเช่นกัน
สิบกว่าวันมานี้ มือที่เคยเต็มสมบูรณ์ของนางเวลานี้ผอมบางจนเห็นกระดูกแล้ว ทุกคนล้วนบอกว่านางผอมยิ่งนัก นอกจากยิ้มรับแล้ว นางก็ไม่อาจเอ่ยอะไรออกไปได้อีก
คำพูดของหลินเจี้ยนหรูเหมือนกับใบมีดที่ปักลงไปบนใจนาง ความจริงแล้วนางก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงหลงรักเขาได้ ชัดเจนว่าแต่ไหนแต่ไรนางไม่เคยอยู่ในสายตาเขาเลย ชัดเจนว่าเขาเหยียบย่ำทำร้ายนาง…นางคิดว่าตนเองเสียสติไปแล้ว ดันมาหลงรักคนที่ไม่สมควรจะรักที่สุด
“เจ้าเป็นอะไร?” หัวชิงขมวดคิ้วมองนาง ดวงหน้าดุดันอย่างเห็นได้ชัด
ความเอ็นดูของเขายามที่นางกลับมากับความขัดใจที่มีต่อนางตอนนี้ ความต่างที่ว่าเกิดขึ้นภายในสิบวันเท่านั้น
บางทีสำหรับคนที่อบอุ่นเช่นเขา การปันใจของนางอาจหมายถึงการหักหลังก็ได้เช่นกัน เพราะเขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง
เหลียงชิวฉานไม่โกรธ
นางเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนวางพู่กันลงแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าสามารถขอร้องท่านเรื่องหนึ่งได้หรือไม่เจ้าคะ”
“เรื่องอะไร?” หัวชิงยกพู่กันขึ้นจุ่มหมึก ถามอย่างเย็นชา
นางลุกขึ้น คุกเข่าลงบนพื้น “ข้าอยากให้ท่านปล่อยหลินเจี้ยนหรูไป”
อากาศในห้องพลันเย็นยะเยือก
นางก้มหน้ามองพื้น มือทั้งสองกำแน่นเป็นหมัด
ฟ้ารู้ว่านางต้องใช้ความกล้าไปเท่าไหร่ในการเอ่ยคำนี้ แต่นางกลับไม่เสียใจภายหลัง
คิดเสียว่านางติดค้างเขา
ในเมื่อเขากัดฟันยืนกรานปฏิเสธไม่อยู่เคียงคู่นาง นางจะทำเช่นไรได้?
มองเขาตายไปในถ้ำนั้นแล้วอย่างไร?
นางคงไม่ได้มีความสุขเพราะสิ่งนี้
“ไม่ได้!” หัวชิงเอ่ยเสียงดัง พู่กันในมือกระทบลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง น้ำหมึกบนปลายพู่กันสาดกระเซ็นเปื้อนมือและเสื้อของเขาเป็นจุดๆ “พลังบำเพ็ญของคนผู้นี้เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดอย่างไร้สาเหตุ จะปล่อยไปได้อย่างไร?”
“แต่ท่านอาจารย์ก็เคยบอกมาก่อนว่าพลังวิญญาณในร่างเขาบริสุทธิ์ และไม่ใช่พลังมาร อีกทั้งบนสวรรค์ยังแวดล้อมไปด้วยเหล่าทวยเทพ เขาปฏิบัติงานอยู่บนนั้นถึงสองปี ผลงานดี ไม่เคยประพฤติตัวไม่เหมาะสม หากจะมีพลังบำเพ็ญเพิ่มขึ้นมากก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้!” พลังบำเพ็ญของเขามีมากขนาดไหนนางไม่สนใจ ทุกวันเขาคลุกคลีอยู่กับเหล่าเทพเซียน จะเปลี่ยนไปเป็นคนเลวได้อย่างไรกัน?
“เขามีความประพฤติไม่เหมาะสมหรือไม่ เจ้าจะรู้ได้อย่างไร?” หัวชิงจ้องนางเขม็ง “มิใช่ว่าเขาทำเรื่องผิดธรรมนองคลองธรรมกับเจ้าหรอกหรือ? ที่ข้าไปจับเขาถึงสวรรค์ก็เป็นเพราะโกรธแค้นแทนเจ้า”
“ท่านเข้าใจผิดแล้ว!” นางส่ายหน้า “อาจารย์ปกป้องศิษย์ ตัวศิษย์ซาบซึ้งในบุญคุณยิ่ง แต่เขาไม่ใช่คนแบบนั้น…เขามีความสัมพันธ์อันดียิ่งกับคนรอบข้างบนสวรรค์ ได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าเซียนก็เป็นเรื่องปกติ! อาจารย์โปรดช่วยละเว้นสักเรื่อง ไม่ทรมานเขาเพราะความเข้าใจผิด!”
หัวชิงยืนขึ้นมา “เจ้าถูกเขาล่อลวงแล้วหรือ?!”
เหลียงชิวฉานไม่ตอบ
บางทีอาจเพราะนางติดค้างเขากระมัง หลินเซี่ยและจีหย่งฟางก็ติดค้างเขา พวกเขาตายแล้ว ส่วนนางยังคงติดค้างเขาอยู่ กรรมนั้นจึงตกมาที่นาง
สวรรค์ยังมีตาอยู่บ้าง ใครต่างก็หนีไม่พ้น
“ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมข้าถึงเป็นเช่นนี้ แต่ข้ารู้ว่าหากอาจารย์ไม่ปล่อยเขาไป เช่นนั้นข้าก็ยินยอมไปอยู่เป็นเพื่อนเขา อาจารย์กักขังเขาไว้นานเท่าไหร่ ข้าก็จะอยู่เป็นเพื่อนเขานานเท่านั้น ฉานเอ๋อร์สำนึกในบุญคุณที่อาจารย์สั่งสอนเลี้ยงดูมาหลายปี แต่ฉานเอ๋อร์อกตัญญูนัก ฉานเอ๋อร์ขอโขกศีรษะให้ท่าน” นางโขกศีรษะลงพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า โขกเสียจนพื้นสั่นไหว
“เจ้าเสียสติไปแล้ว!”
หัวชิงตะคอกนาง “เขาเป็นเพียงลูกนอกสมรสเท่านั้น ไม่มีอนาคต เรื่องที่เจ้าทำเมื่อก่อนนั้น เขาก็คงไม่อาจเก็บมาใส่ใจกระมัง? เจ้าอยู่กับเขาจะลงเอยดีได้อย่างไร!”
“ข้าเพียงขอให้ท่านปล่อยตัวเขา!” นางร้องขอ เรื่องนี้เป็นคนละเรื่องกับการได้ครองคู่กับเขา ต่อให้เขาต้องการนางหรือไม่ นางก็ยังคงร้องขออยู่ดี
หัวชิงกัดฟันจ้องนาง พูดไม่ออกอยู่เนิ่นนาน
วันนี้เป็นวันที่สามหลังจากเหลียงชิวฉานจากไป นอกจากนางแล้วยังคงไม่มีใครมาที่ถ้ำลมหนาว
แต่ยามที่หลินเจี้ยนหรูคิดว่าเขาจะต้องตายอยู่ที่นี่จริงๆ แล้ว ที่ประตูพลันมีคนปรากฏตัว คนที่นำมาคือหัวชิง ตามด้วยผู้อาวุโสของสำนักแรกพยับสองคน
พวกเขาไม่เอ่ยสิ่งใดเลย หลังจากจ้องมองเขาอยู่นานก็คลายมนตร์ที่พันธนาการกายเขาอยู่ รวมทั้งเขตพลังด้วย
หลินเจี้ยนหรูปีนขึ้นมาจากน้ำ มองพวกเขาเดินหายไปจากประตูถ้ำอย่างเงียบๆ
เขาออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วโดยไร้ซึ่งอุปสรรค เมื่อมาถึงริมผา พอขึ้นขี่เมฆก็ยังคงไร้อุปสรรค
จนถึงบัดนี้เขาจึงค่อยเชื่อว่าเขาได้รับอิสระอย่างแท้จริงแล้ว!
หัวชิงปล่อยเขาแล้ว?
หลินเจี้ยนหรูมุ่งตรงกลับสวรรค์
ไม่ได้กลับไปขอบคุณหัวชิงอีก
หลังจากหลินเจี้ยนหรูกลับมาได้วันหนึ่ง มู่จิ่วก็รู้ข่าวแล้ว คนในทัพสวรรค์มากมายเช่นนี้ ปกติเพียงเจ้าใส่ใจ จะหาคนที่คุ้นเคยสักคนสองคนก็ไม่ใช่เรื่องยาก
แต่นางก็ไม่ได้ไปหาหลินเจี้ยนหรู เป็นห่วงกับเป็นเพื่อนคือคนละเรื่องกัน ทั้งสองไม่ได้ติดต่อกันอีก นางยังคงห่วงใยเขาและไม่ได้โกรธเคือง เหตุที่ไม่เป็นเพื่อนกับเขาเพราะวิถีของเขา นางไม่อาจเห็นด้วยได้ แต่ที่นางห่วงใยเขาเป็นเพราะเห็นแก่ความลำบากที่เขาประสบมา
ยังไม่มีข่าวใหม่จากพวกชิงเสีย ไม่รู้ว่าแอบออกมาคราวก่อนถูกจับได้หรือไม่ หากหลิวหยางรู้เข้าคงถูกตำหนิเป็นแน่ จึงอดกังวลแทนนางไม่ได้ มู่จิ่วเตรียมขนมที่พวกนางชอบกินไว้ก่อนเนิ่นๆ เมื่อชิงเสียออกมาได้อีกเมื่อไหร่ค่อยเอาไปให้
วันนี้เพิ่งซื้อผลไม้เซียนกลับมา กำลังกินไปพลางดูคดีไปพลางอยู่ที่หน่วย หลินเจี้ยนหรูก็พลันเข้ามา
มู่จิ่วกัดลูกท้อทองไปครึ่งคำ นิ่งอึ้งอยู่นานถึงได้ลุกขึ้น
“เจ้ากลับมาแล้ว?” นางโบกมือให้ลูกน้องรินชา
หลินเจี้ยนหรูยกมุมปาก “เจ้ารู้หรือว่าข้าไปที่ไหน?”
มู่จิ่วไม่รู้จะตอบอย่างไรดี รู้สึกอึดอัดใจอยู่บ้าง จึงดันถาดผลไม้ไปข้างหน้า
ไม่เจอกันหลายสิบวัน เขาผอมลงบ้างอย่างชัดเจน บาดแผลบนไหล่ก็คงยังไม่หายดี ยามขยับดูลำบากอยู่บ้าง แต่พลังวิญญาณบนร่างกลับเต็มสมบูรณ์ ไม่อาจเปรียบกับเขาเมื่อก่อนได้…
“เจ้าเลื่อนขั้นอีกแล้วหรือ?”
ตอนที่หลินเจี้ยนหรูกลับออกมาจากนรก ความสนใจทั้งหมดของมู่จิ่วอยู่ที่อู่หลานเอ๋อร์ และไม่ได้สนใจเขานัก วันนั้นเขากับเหลียงชิวฉานทะเลาะกัน นางก็สนใจเพียงเรื่องที่พวกเขาบาดหมาง จนถึงตอนนี้เห็นเขาชัดๆ จึงสังเกตได้
“ก่อนหน้านี้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น เลยได้รับประโยชน์มาไม่น้อย” หลินเจี้ยนหรูเตรียมรับมือเรื่องนี้ไว้นานแล้ว เพราะเดิมทีก็ตั้งใจปกปิดเรื่องติดต่อกับชายชุดเขียว ดังนั้นจึงตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ “เจ้าก็รู้ว่าบนสวรรค์มีแต่ทวยเทพ เพียงชี้แนะอย่างส่งเดชก็ส่งผลดีต่อข้าอย่างมากแล้ว”
มู่จิ่วไม่ได้เอ่ยอะไร
ตอนนี้เขาพูดอะไรนางก็ไม่ใคร่เชื่อนัก นอกเหนือจากเหตุผลนี้ นางก็ยังคิดไม่ออกถึงความเป็นไปได้อื่น เขาไม่เหมือนกับนาง ปกติออกไปข้างนอกบ่อยมาก จึงพบเจอเรื่องประหลาดมากมาย
บรรยากาศก็เงียบลงไปเช่นนี้
ในเมื่อเขาไม่ได้เล่าออกมา นางก็ไม่กล้าซักถามต่อ
…………………………………………………