ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 340 แสดงอำนาจ
มู่จิ่วขมวดคิ้วแน่น “เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”
“ยังต้องมีหลักฐานอะไรอีก? หากไม่มีคนหนุนหลัง หลินเจี้ยนหรูจะก้าวหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร? ต้องเป็นหัวชิงแน่ๆ ที่เอามหาโอสถทองให้เขากิน เขาจึงได้เป็นเช่นนี้!” ใบหน้าจีหมิ่นจวินใกล้จะบิดเบี้ยวแล้ว
มู่จิ่วกวาดตามองนาง ไม่ได้เอ่ยคำใด หญิงผู้นี้ถูกความริษยาครอบงำ ทั้งยังถูกความโลภและความระแวงเข้าควบคุม หากหัวชิงถูกอาคม เช่นนั้นนางก็ไม่ได้ต่างกันเสียเท่าไหร่ มู่จิ่วพูด “แม้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดจะถูก แต่หัวชิงจะทำเช่นนี้ทำไม? เขาวางแผนอะไรอยู่?”
ไม่ใช่ว่านางออกตัวแทนหัวชิง แต่เพราะหนึ่งนางรู้สาเหตุที่หลินเจี้ยนหรูเลื่อนขั้นพลัง สองคือต้องการจะขจัดอคติต่างๆ ที่จีหมิ่นจวินใส่เข้ามาในหัวนาง และอีกอย่างนางยังสงสัยถึงสาเหตุที่หัวชิงทำเช่นนี้ อยู่ๆ หัวชิงก็ให้ความสำคัญกับหลินเจี้ยนหรู ทั้งยังบอกห้ามจีหมิ่นจวินไม่ให้รังแกเขา ให้นางต้องเคารพเขา หลินเจี้ยนหรูสร้างคุณงามความดีแก่แรกพยับมากมายหรือ?
ถึงแม้มู่จิ่วจะดูออกว่าหัวชิงไม่ถูกกับนางตั้งแต่ที่ชิงชิว แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนที่ทำอะไรเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะปล่อยใหห้นางเหิมเกริมจนถึงตอนนี้หรือ? รู้ทั้งรู้ว่านางเป็นคนในราชวงศ์จื่อจิว ทั้งยังมีความแค้นกับหลินเจี้ยนหรู ยังจงใจบังคับให้นางนอบน้อมต่อหลินเจี้ยนหรู เรื่องนี้ทำให้ไม่เข้าใจจริงๆ
“เขาวางแผนอะไรไว้ข้าจะรู้ได้อย่างไร?” จีหมิ่นจวินกล่าวอย่างโมโห “ไม่แน่ว่าเจ้าสารเลวนั่นอาจจะเป็นลูกนอกสมรสของนางชิวกับหัวชิงก็ได้!”
“สามหาว!” มู่จิ่วฟาดที่ทับกระดาษลงบนโต๊ะ “หัวชิงไม่เพียงเป็นเจ้าสำนักแรกพยับของเจ้า ทั้งยังเป็นเซียนที่ขึ้นทะเบียนของสวรรค์ด้วย เจ้าจะมาลามปามได้เช่นนี้หรือ! หรือเจ้ากำลังดูถูกอำนาจของสวรรค์ ดูแคลนบารมีฝ่าบาทและเหนียงเหนียง?!”
ที่ทับกระดาษทุบลงไปโดนพู่กันบนโต๊ะ พู่กันลอยไปโดนเข่าของจีหมิ่นจวินพอดี เข่าของนางอ่อนยวบทรุดลงไปทันที แม้แววตาจะแสดงถึงความโกรธแค้นจนแทบจะพ่นไฟออกมา แต่เมื่อมู่จิ่ววางอำนาจเช่นนี้นางก็ไม่มีคำใดจะตอบโต้!
มู่จิ่วเดินออกจากหลังโต๊ะทำงานมาตรงหน้านาง “การเลื่อนขั้นได้นั้นมีตั้งหลายวิถีทาง เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าหลินเจี้ยนหรูใช้มหาโอสถทอง? ในเมื่อเจ้าบอกว่าเขากินยาที่หัวชิงให้ไป เช่นนั้นการตายของหลินเซี่ยเกี่ยวพันกันอย่างไร? ข้าจำได้ ก่อนหน้านี้พวกเจ้ามิใช่สืบหาความจริงได้ว่าจีหย่งฟางเป็นฆาตกรฆ่าหลินเซี่ยแล้วหรือ?”
“ไม่มีทางเป็นลูกสาวของข้าแน่!” แววตาของจีหมิ่นจวินเต็มไปด้วยความคั่งแค้น “เด็กสาวผู้หนึ่งจะฆ่าพ่อของตนได้อย่างไร? ไม่มีทางเป็นนางแน่นอน!”
มู่จิ่วตอบ “แต่นางเกือบจะฆ่าน้องชายแท้ๆ ของตนแล้ว ตอนนั้นที่ประตูสวรรค์แดนใต้ หากไม่ใช่เพราะข้าเข้าไปทันเวลา หลินเจี้ยนหรูคงตายด้วยน้ำมือของจีหย่งฟางไปแล้ว กระทั่งน้องชายแท้ๆ ของตนนางยังลงมือได้ ทำไมจะฆ่าพ่อตัวเองไม่ได้?”
ใบหน้าของจีหมิ่นจวินยิ่งแดงคล้ำ พูดด้วยโทสะว่า “หลินเจี้ยนหรูจะนับเป็นน้องชายนางได้อย่างไร! เขาไม่ใช่น้องชายของนาง!”
“ในเมื่อไม่ใช่น้องชาย เช่นนั้นความหมายของเจ้าคือหลินเซี่ยก็ไม่ใช่พ่อของเขา?” มู่จิ่วหยิบที่ทับกระดาษมาไว้ในมือ “ในเมื่อเจ้าไม่รับว่าเขาคือลูกของหลินเซี่ย เช่นนั้นแม้เขาจะเป็นผู้ฆ่าหลินเซี่ยจริง ก็เท่ากับว่าไม่สามารถใช้โทษปิตุฆาตกับเขาได้? ในเมื่อไม่ใช่การฆ่าพ่อ เช่นนั้นเมื่อมองจากสิ่งที่พวกเจ้าทำกับเขาตลอดสองร้อยปีที่ผ่านมาแล้ว ถึงแม้เขาฆ่าหลินเซี่ยไปก็ไม่นับว่าติดค้างต่อกันใช่หรือไม่?”
จีหมิ่นจวินถูกขัดจนพูดไม่ออก!
นางดูไม่ออกเลยว่าเด็กเหลือขอเช่นนางจะร้ายกาจเช่นนี้!
หากเขากับหลินเซี่ยไม่ใช่พ่อลูกกัน เช่นนั้นผู้บำเพ็ญเซียนสังหารคนผู้หนึ่งจะมีอะไรน่าสนใจกัน? หากต้องการร้องทุกข์ก็ต้องสืบสาวเรื่องราวของหลินเซี่ยกับหลินเจี้ยนหรูตั้งแต่ต้นจนจบอย่างชัดเจน ถึงตอนนั้นหลินเจี้ยนหรูก็เป็นต่อแน่! อีกทั้งคนเป็นแม่เลี้ยงอย่างนางก็ต้องโดนร่างแหไปด้วย!
แต่หากเป็นการฆ่าพ่อนั้นก็ไม่เหมือนกัน สำหรับสวรรค์แล้ว ไม่ว่าระหว่างหลินเซี่ยกับหลินเจี้ยนหรูจะเกิดอะไรขึ้น กฎจารีตทำเนียบสามัญยังคงอยู่ อย่างไรพวกเขาก็เป็นพ่อลูก ยังมีบุญคุณที่ให้กำเนิด หลินเจี้ยนหรูผิดเต็มๆ เขาหนีไม่พ้นจารีตฟ้าแน่!
นางมาเพื่อร้องทุกข์เรื่องที่หลินเจี้ยนหรูฆ่าพ่อ! มีเพียงโทษนี้เท่านั้นที่จะเอาชีวิตเขาและตัดรากฐานเซียนของเขาได้!
แต่พอเป็นแบบนี้กลับทำให้มู่จิ่วต้อนจนนางไม่รู้จะพูดอย่างไร!
“เป็นพ่อลูก! เป็นพ่อลูกแน่นอน!” ตอนนี้ชายผู้ฝึกบำเพ็ญที่มากับจีหมิ่นจวินรีบพูดขึ้นมา “ที่ศิษย์น้องพูดเมื่อครู่เป็นเพราะอารมณ์เท่านั้น หวังว่าใต้เท้าจะไม่ใส่ใจ”
มู่จิ่วถือที่ทับกระดาษพลางเหลือบมองเขา ยกริมฝีปากเอ่ย “ในเมื่อยืนยันว่าเป็นพ่อลูกกัน เช่นนั้นคำพูดดูแคลนแม่หลินเจี้ยนหรูกับหัวชิงเมื่อครู่ก็ยิ่งไม่อาจปล่อยผ่านได้ แต่เห็นแก่ที่พวกเจ้าค่อนข้างมีมารยาท ข้าจะไม่รายงานขึ้นไป ส่วนเจ้าก็คุกเข่าอยู่ที่นี่สักหลายชั่วยามเถิด!” พูดจบก็เอาเชือกรัดเซียนมารัดตัวจีหมิ่นจวิน ก่อนเดินจากไป
มู่จิ่วสั่งกับรองผู้บัญชาการหลายคำ จากนั้นออกจากหน่วยมุ่งตรงกลับบ้าน
นางเข้าประตูไปขวางซ่างกวนสุ่นที่หยิบตะกร้าเตรียมจะไปจ่ายตลาดกับเสี่ยวซิง แล้วลากเขาเข้าห้องไป
“เจ้าช่วยข้าสืบทีว่าช่วงนี้เรื่องของหลินเจี้ยนหรูนี้เป็นอย่างไร? หากเป็นไปได้ก็ไปดูที่สำนักแรกพยับจะดีที่สุด”
ซ่างกวนสุ่นไม่สบอารมณ์ “เจ้าเลิกคบหากับเขาแล้วมิใช่หรือ? ไปยุ่งกับเขาอีกทำไม?”
มู่จิ่วจึงต้องเล่าเรื่องคดีของจีหมิ่นจวินให้ฟัง ก่อนเอ่ยว่า “ตอนนี้ข้าสลัดเรื่องนี้ไม่หลุดแล้ว มีแต่ต้องสืบให้แน่ชัดก่อนค่อยว่ากัน เจ้ารีบไปเร็วหน่อย ส่งข่าวกลับมาให้ข้าภายในสองชั่วยาม!”
ซ่างกวนสุ่นถลึงตาใส่นางอย่างอารมณ์เสีย ตบตะกร้าลงบนโต๊ะ จากนั้นหมุนตัวจากไป
มู่จิ่วก็ไม่ได้พัก อ้างว่าไปเยี่ยมบ้าน เมื่อมาถึงหอวิหคแดงก็เดินไปทางถนนทิศตะวันออก
คำพูดของจีหมิ่นจวินก่อนหน้านี้เผยเบาะแสไม่น้อย อย่างน้อยนางก็พูดถึงหูเจียงเต๋อศิษย์ของฉางหลิวเจินเหรินคนนั้น หูเจียงเต๋อผู้นี้ถูกหัวชิงเรียกกลับไป จากนั้นเมื่อหัวชิงถามเขาเสร็จก็มายังสวรรค์อีก เช่นนี้แสดงว่าหูเจียงเต๋อก็เป็นกุญแจสำคัญเช่นกัน
มีชื่อมีแซ่ ย่อมต้องหาได้ง่าย
ไม่นานนางก็พบว่าหูเจียงเจ๋ออยู่ร่วมลานบ้านเดียวกับหลินเจี้ยนหรู!
นางจำได้ว่าเพื่อนร่วมบ้านของหลินเจี้ยนหรูสามคนก่อนหน้านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสำนักแรกพยับ ทำไมอยู่ๆ ถึงมีหูเจียงเต๋อเข้ามาได้?
เมื่อถามถึงเวลาที่หูเจียงเต๋อย้ายเข้ามา ก็ห่างจากตอนที่หลินเจี้ยนหรูถูกหัวชิงปล่อยตัวกลับมาไม่นาน…คิดเช่นนี้นางก็เข้าใจแล้ว หลินเจี้ยนหรูไม่อาจปิดบังพลังวิญญาณในร่างได้แม้แต่กับนาง แล้วจะปิดบังหัวชิงได้อย่างไร? แม้นางจะรู้ว่าสุดท้ายหัวชิงปล่อยตัวเขาออกมาได้อย่างไร แต่หูเจียงเต๋อก็คงถูกส่งมาเพื่อจับตามองเขา
แต่ในเมื่อส่งมาจับตามอง ตอนหลังทำไมหูเจียงเต๋อถึงได้กลับไปพูดถึงแต่เรื่องดีๆ ของหลินเจี้ยนหรู ที่จริงเขาพูดอะไรกันแน่ ทำเอาหัวชิงทนไม่ได้ต้องขึ้นมาบนสวรรค์ จากนั้นท่าทีที่มีต่อหลินเจี้ยนหรูก็เปลี่ยนไป?
นางยืนนิ่งใต้ต้นสนอยู่นาน ก่อนพลันเดินไปทางทิศตะวันตก
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของหลินเจี้ยนหรูเริ่มจากเหลียงชิวฉาน นางต้องรู้แน่นอน!
มู่จิ่วมุ่งไปยังที่พักของเหลียงชิวฉาน เมื่อเข้าไปดูกลับพบว่าห้องทางทิศตะวันออกที่นางพักอยู่ถูกลงกลอนไว้
เหลียงชิวฉานไม่อยู่?
…………………………………………..