ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 343 ข้าจะฆ่าเจ้า!
ถึงแม้การฆ่าหลินเซี่ยเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การใส่ร้ายจีหย่งฟางก็ทำไปเพื่อปกป้องตนเอง กฎสวรรค์ไม่อาจละเว้นใคร นางที่เฝ้ามองเขามาตลอดเข้าใจได้
แต่เรื่องฆ่าคนไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะตะโกนโห่ร้องอะไร นางไม่โทษเขา ไม่ดูแคลนเขา แต่เขาก็ไม่อาจคิดว่าเรื่องที่เขาทำนั้นเป็นเรื่องน่ายกย่อง ไม่อาจใช้เหตุผลว่าเขาผ่านเรื่องอยุติธรรมมามากเป็นข้ออ้างคิดว่าเรื่องที่ตนเองทำเหมาะสมแล้ว
เขาฆ่าหลินเซี่ยเพราะความโลภผลักดัน เพราะเขาอยากได้มหาโอสถทองจึงได้ฆ่าบิดา ไม่ใช่เพราะหลินเซี่ยชักกระบี่ขึ้นวางบนลำคอเขาแล้วจนตรอกจนต้องฆ่าอีกฝ่าย แต่เขาฆ่าหลินเซี่ยที่กำลังไร้ทางสู้ ใช้กลอุบายและความโหดเหี้ยมเอาชนะ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง
“มู่จิ่ว!” หลินเจี้ยนหรูลุกขึ้นยืน “เจ้าช่วยข้าอีกครั้งไมได้หรือ ช่วยข้าปกปิดอีกสักครั้งเถิด?”
มู่จิ่วก็ยืนขึ้นมา “ข้าได้ยินมาว่าตำแหน่งของเจ้าในแรกพยับสูงขึ้นยิ่งนัก เจ้าทำได้อย่างไร?”
หลินเจี้ยนหรูชะงัก
นางมากะทันหันเกินไป ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขายังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจจะรับมือ เขาไม่รู้ว่าจีหมิ่นจวินไปสวรรค์ ยิ่งไม่รู้ว่าคนที่รับทำคดีคือนาง ช่วงนี้หัวชิงยุ่งอยู่กับการต้อนรับเขา จึงไม่ได้สนใจยอดเขาบัวหยกนัก คำถามนี้ของนางเขาจึงไม่รู้จะเริ่มตอบจากตรงไหน และควรจะตอบอย่างไรดี
“เรื่องนี้ยากจะอธิบายด้วยคำสั้นๆ” เขาบอกปัด หวังว่านางจะไม่ซักไซ้ไล่ถามเหมือนยามปกติ “วันหลังข้าค่อยเล่าให้เจ้าฟัง”
“ไม่มีวันหลังแล้ว หลินเจี้ยนหรู ตอนนี้ข้ากำลังสืบคดี คำถามทุกคำถามของข้า เจ้าต้องตอบ”
เสียงของมู่จิ่วเย็นชาดุจน้ำแข็ง นางหันหน้าไปด้านนอกก่อนเรียกซ่างกวนสุ่น จากนั้นหันกลับมา “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทุกคำพูดของเจ้าจะมีเจ้าหน้าที่คอยบันทึกไว้ ไม่ว่าโกหกหรือปฏิเสธ เจ้าล้วนต้องเผชิญหน้ากับผลลัพธ์ที่ตามมา เจ้าสามารถเลือกเองได้”
สีหน้าหลินเจี้ยนหรูพลันเปลี่ยน ยังไม่ทันได้พูดอะไร อาฝูกับซ่างกวนสุ่นก็เดินเข้ามาแล้ว
ทั้งสองมายืนอยู่ข้างมู่จิ่ว นางชี้ไปยังชุดหมึกพู่กันที่ด้านข้างก่อนเอ่ย “ตอบเรื่องที่ข้าถามไปเมื่อครู่มาเถิด ทำไมหัวชิงถึงได้ปฏิบัติต่อเจ้าเปลี่ยนไปมากนัก?”
หมัดทั้งสองของหลินเจี้ยนหรูกำแน่น ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยวเล็กน้อย
แต่มู่จิ่วกลับไม่ขยับ เพียงมองเขานิ่งๆ อย่างนั้น
“เจ้าอย่าชักช้า รีบพูดมา!” ซ่างกวนสุ่นเอ่ยเร่ง
หลินเจี้ยนหรูมองเขาก่อนมองมู่จิ่ว กัดฟันตอบว่า “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะทำเช่นนี้กับข้า!”
มู่จิ่วกอดอก “ข้าก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าเจ้าจะกลายเป็นคนหลอกลวงเช่นนี้ ข้ายังคงยืนยันคำเดิมว่าข้าไม่ได้ติดค้างเจ้า”
ซ่างกวนสุ่นกระแอมไอ
หลินเจี้ยนหรูจับจ้องมู่จิ่ว ใบหน้าที่บิดเบี้ยวค่อยๆ หม่นหมองขึ้น ยามนี้เขาเห็นความแน่วแน่บนสีหน้านาง
เขาสูดลมหายใจเบาๆ แล้วสะบัดชุดคลุมนั่งลง ใบหน้ามองตรงนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แววตาพลันเผยความเย็นชา “ที่หัวชิงดีต่อข้ามากขึ้น แท้จริงแล้วไม่มีอะไรเลย เป็นเพราะเขามองข้าเป็นศิษย์ของลู่ยา”
ลู่ยา?
มู่จิ่วที่เย็นชามาตลอด เมื่อได้ยินชื่อนี้ก็อดมองเขาไม่ได้
หลินเจี้ยนหรูยกยิ้ม เอ่ยเสียดสี “เรื่องนี้ต้องเริ่มเล่าจากที่ข้ากลับจากแรกพยับไปยังสวรรค์ครั้งนั้น”
“ครั้งก่อนเหลียงชิวฉานกลับแรกพยับไปฟ้องเรื่องข้า หัวชิงมาสวรรค์เพื่อพาข้ากลับไปรับโทษที่แรกพยับ ข้ารู้ว่ามีความเสี่ยงจึงได้ขัดขืนไป ทำให้หัวชิงเห็นว่าพลังบำเพ็ญของข้าก้าวหน้าไปมาก เขาพาข้ากลับไปแรกพยับเพื่อสอบสวน ข้าตอบไปว่าได้รับวาสนาเซียน เขาไม่เชื่อ จึงทำโทษขังข้าไว้ที่ถ้ำลมหนาว”
“สุดท้ายแม้เขาปล่อยข้าออกมา แต่ไม่ถึงสองวันก็ส่งหูเจียงเต๋อมาจับตาดูข้า เจ้านั่นไม่เพียงมาจับตาดู แต่ยังคิดจะใช้ข้าเป็นสุนัขรับใช้ด้วย ดังนั้นข้าจึงให้เขาลิ้มรสชาติการเป็นสุนัขรับใช้แทน คิดไม่ถึงว่าเขากลับติดใจ นอบน้อมต่อข้ายิ่งนัก พอหัวชิงเรียกกลับไปถามเรื่องข้า เขากลับไปยกยอข้าแทน”
“ข้าเพิ่งรู้ว่ารสชาติของการเป็นเจ้าของสุนัขนั้นหอมหวานยิ่งนัก”
“หัวชิงไม่เชื่อเลยขึ้นสวรรค์มาถามความจริงกับข้า และยังพิจารณาพลังบนร่างข้าอย่างละเอียด ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เข้าใจไปว่าข้าเป็นผู้สืบทอดของลู่ยา! จากนั้นเขาถามข้าว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร แล้วข้าจะเล่าเรื่องจริงได้อย่างไร? บังเอิญข้ารู้มาว่าลู่หยาคู่หมั้นเจ้าก็คือลู่ยา ข้าจึงตามน้ำไปว่าข้ากราบลู่ยาเป็นอาจารย์”
มู่จิ่วหน้าพลันถอดสี! ไม่ต้องไปถามเขาว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าลู่หยาคือลู่ยา เพียงเอ่ยถึงว่าเขากลับกล้าโกหกคำโตว่าตนเองเป็นลูกศิษย์ของลู่ยา? ไม่กลัวลู่ยาทุบเขาตายด้วยฝ่ามือเดียวหรือ!
เขาที่เคยสดใสและจิตใจดีงาม วันนี้กลับกลายเป็นคนต่ำทรามไร้ยางอายเสียแล้ว เขาอาศัยการหลอกลวงเพื่อให้ได้ตำแหน่งและ ‘ความเคารพ’ มา อีกทั้งเขายังแอบอ้างชื่อลู่ยาอีก!
นางเดินไปข้างหน้าทั้งแววตาเย็นเยียบ มองเขาอยู่นาน ก่อนพลันยื่นมือออกไปตบลงบนใบหน้า!
“ลู่ยาไม่มีลูกศิษย์จอมหลอกลวงเช่นเจ้า! การเอ่ยชื่อของเจ้าขึ้นมาพร้อมกับลู่ยา ข้ารู้สึกว่าเป็นการลบหลู่เขา! หลินเจี้ยนหรู เจ้าสามารถเลือกทางเดินของเจ้า แต่อย่าได้คิดยืมชื่อลู่ยามาใช้เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ อย่าแม้แต่จะคิด!”
“…ซ่างกวนสุ่น! เจ้าไปแจ้งหัวชิงที่เขาขลุ่ยหยก เขาไม่ใช่ศิษย์ของลู่ยา ลู่ยาไม่เคยถ่ายทอดอะไรให้เขามาก่อน! เจ้าต้องบอกพวกเขาให้ชัดเจน อย่าได้เพลี่ยงพล้ำกลับมาให้ลู่ยาต้องแบกรับปัญหาเรื่องนี้!”
ซ่างกวนสุ่นถลึงตาใส่หลินเจี้ยนหรูอย่างโกรธแค้น กระทืบเท้าวางพู่กันแล้วเดินออกไป
อาฝูก็โกรธจนร้องคำรามอยู่บนพื้นไม่หยุด
“ช้าก่อน!”
หลินเจี้ยนหรูพลันตะโกนขึ้นมา ปล่อยมือที่กุมหน้าลง มองมู่จิ่วอย่างโกรธแค้น “เหตุใดเจ้าถึงรู้ว่าข้าต้องหลอกลวงผู้อื่น? เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าพลังของข้าไม่ใช่พลังที่ลู่ยาหรือศิษย์ของเขาให้มาแน่? เจ้าเคยลองตรวจพลังในกายข้าหรือไม่?! เจ้าไม่เคย! แม้แต่เรื่องที่ข้าเคยพบใครมาก่อนเจ้าก็ไม่รู้ เจ้าอาศัยอะไรมากล่าวหาว่าข้ากำลังหลอกลวงผู้คน?!”
“เพราะลู่ยาไม่ได้บ้า! เจ้ากินมหาโอสถทองเข้าไปจนธาตุไฟเข้าแทรกเกือบกลายเป็นมาร ตอนเขาตรวจชีพจรเจ้า เขาคิดจะฆ่าเจ้าทันที! แต่ข้าขอร้องเขาไว้! เขาบอกว่าเจ้ามีรากฐานมาร ต่อไปจะเป็นภัยใหญ่ เป็นข้าเองที่ยืนยันว่าจะไม่เข้าใกล้เจ้าอีก เขาถึงได้ล้มเลิก! ในเมื่อเขารู้ชัดเจนว่าเจ้ามีรากฐานมารแล้ว ย่อมไม่มีทางส่งเสริมเจ้าแน่!”
มู่จิ่วเดินบีบเข้าไปใกล้เขา ไม่ได้ตะโกนและไม่ได้ร้องคำราม ในแววตานางมีเพียงความเย็นชาอย่างที่สุด
นางไม่ยอมให้ใครมาทำให้ลู่ยาแปดเปื้อน อย่างไรก็ไม่ได้!
นางไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบเขา ทั้งยังกล้าจองหองเกรี้ยวกราดเช่นนี้!
หลินเจี้ยนหรูไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงพร้อมกับลู่ยา ถึงแม้ก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วยามนางยังกังวลแทนเขาอยู่
แต่ความกังวลของนางที่มีต่อหลินเจี้ยนหรูเทียบไม่ได้กับความรักที่นางมีต่อลู่ยา เขาอย่าได้คิดจะแตะต้องลู่ยาแม้แต่ปลายก้อย!
“หากเจ้ายังกล้ายืนกรานต่ออีกคำ ข้าจะฆ่าเจ้าทันที” นางพูด
………………………………………