ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 377 กลิ่นอายความสงสัย
แต่ยังไม่ทันหนีไปได้ไกลเท่าไหร่ ด้านหน้ากลับพลันมีแสงแรงกล้าหลายสายพุ่งเข้ามาโจมตี!
“จะหนีไปไหน!”
ทหารสวรรค์หลายสิบนายถือทวนยาวเข้ามาขวางทางเขาไว้! เวลานี้เขาไม่มีทางครุ่นคิดมากขนาดนั้น พอชักกระบี่ออกมาก็ล้มไปหลายคน ก่อนรีบหนีไปอีก!
แต่การเคลื่อนไหวทางนี้ก็ชักนำนายทหารมาพร้อมกันอย่างรวดเร็ว เฉินอิงนำคนเข้ามาทันที!
หลิวจวิ้นที่อยู่ตรงตีนเขาเห็นสถานการณ์ก็เด้งตัวลุกขึ้น มู่จิ่วรับรู้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นเช่นกัร มือนั้นเปียกชุ่ม ทำท่าทางจะรีบเข้าไป หลิวจวิ้นกลับตะโกน “หยุด!” นางจึงทำได้เพียงยืนนิ่ง กัดฟันมองเขา ใจเต้นจนแทบจะกระดอนออกมาแล้ว
เสียงห้ำหั่นจากในป่าดังออกมาไม่ขาดสาย หลินเจี้ยนหรูบ้าคลั่งไปแล้ว!
เขาอยากออกไป เขาต้องมีชีวิตอยู่!
ความบ้าคลั่งของเขาทำให้เหล่าพลทหารสวรรค์หวาดกลัว ทุกคนล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเซียนพลังไม่สูง ไม่ต่างจากตอนที่หลินเจี้ยนหรูเข้ามาใหม่ๆ นัก ฝีมือต่างกับเขามากนัก เมื่อเป็นเช่นนี้เลยเห็นความต่างทันที เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดสะท้อนก้องฟ้า คนที่เข้าไปถูกผลักกระเด็นออกมาทีละคน
มู่จิ่วทนไม่ไหวแล้ว “หากใต้เท้าต้องการชีวิตของหลินเจี้ยนหรู ทำไมไม่จัดการเสียเลย? มองเขาทำร้ายผู้ใต้บังคับบัญชามากมายขนาดนี้ มีประโยชน์อะไร!”
หลิวจวิ้นขมวดคิ้ว ชะงักไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยืนขึ้น “ไปกันเถอะ!”
ทั้งสองบินเข้าไปในป่า เห็นเพียงพวกเฉินอิงกำลังล้อมหลินเจี้ยนหรูเป็นวงกลม เขาเหมือนกับสัตว์ป่าดุร้ายตัวหนึ่ง อีกทั้งต้นไม้ทั้งสองด้านล้วนถูกพลังของเขาตัดไปกว่าครึ่ง บนพื้นเต็มไปด้วยไม้ระเกะระกะ เหล่าทหารที่บาดเจ็บถูกพยุงออกไปแล้ว พวกสัตว์ป่าตัวเล็กๆ ที่วิ่งช้าหน่อยถูกลมปราณเข้าก็นอนงอตัวอยู่บนพื้น
เมื่อมู่จิ่วเห็นหลินเจี้ยนหรูที่กำลังต่อสู้อยู่ เลือดลมก็เริ่มกระเพื่อมไหว
นี่เพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน? เขาที่แต่ก่อนดูประณีตเป็นธรรมชาติตลอดเวลา ตอนนี้เสื้อผ้ากลับยุ่งเหยิง เละเทะไปหมด!
“หลินเจี้ยนหรู! เจ้ารีบหยุดเสีย!”
นางอดไม่ได้ ตะโกนออกไปเสียงดัง
“ที่แท้ก็เป็นเขา!” เวลานี้เองเหล่าผู้อาวุโสของสำนักแรกพยับก็นำคนมาถึงแล้ว หลิวเติงเจินเหรินเห็นหลินเจี้ยนหรูที่กำลังต่อสู้อยู่ แววตาก็สว่างวาบ เงื้อมือขึ้นคิดจะออกกระบวนท่า
มู่จิ่วร้องพลางพุ่งเข้ามา “ทัพทหารสวรรค์ทำคดีอยู่ มีที่ให้พวกเจ้าสอดมือเข้ายุ่งหรือ!”
ครั้นสะบัดมือหนึ่งเข้าไป เหล่าผู้อาวุโสไม่อาจลงมือกับนางได้ จึงถอยหลังไปสิบก้าว
หลินเจี้ยนหรูเห็นคนมา ท่วงท่าจึงยิ่งรุนแรงขึ้น เขากัดฟันมองมู่จิ่วคราหนึ่ง ตวัดกระบี่ฟันแขนทหารที่อยู่ด้านหน้าไปเพื่อเปิดทางหนี
“หลินเจี้ยนหรู! เจ้ากลับสวรรค์ไปกับข้า ข้าจะร้องขอความปรานีแทนเจ้า!”
มู่จิ่วอดไม่ได้ตะโกนออกไป ไม่ว่าการหนีครั้งนี้ของเขาจะสำเร็จหรือไม่ แต่เขาก็ไม่เหลือทางถอยอีกแล้ว ไม่ว่าตายด้วยเงื้อมมือทัพทหารสวรรค์ หรือตายเพราะเลือกเอง นางล้วนไม่รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ดีนัก! อวี้ตี้หวังหมู่ต่างก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล พวกเขาให้อภัยอู่เต๋อ ให้อภัยอ๋าวเชิน ย่อมไม่อาจไม่เข้าใจความเจ็บปวดของเขา!
“ร้องขอความปรานี?” หลินเจี้ยนหรูหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ หันกลับมาฝืนยิ้ม “เจ้าคิดว่าข้ายังเชื่อเจ้าได้อีกหรือ? ข้าเคยคิดว่าบนโลกใบนี้ คนที่ไม่อาจออกอุบายกับข้าได้คือเจ้า แต่เจ้ากลับแจ้งทัพทหารสวรรค์ให้มาล้อมจับข้า? จับข้าได้แล้ว คลี่คลายคดีใหญ่สำเร็จ เจ้าย่อมต้องได้รับการชื่นชมอย่างมาก เจ้าจะมีความจำเป็นอะไรต้องร้องขอความปรานีให้ข้า?”
มู่จิ่วอึ้ง นางไปแจ้งทัพทหารสวรรค์ให้มาล้อมจับเขาเมื่อไหร่? เขามองว่านางทำเพื่อผลประโยชน์หรือ?
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว!” นางยังไม่ทันพูด หลิวจวิ้นก็เอ่ยแทน “ข้าไม่ได้มาเพราะกัวมู่จิ่วเรียกมา เป็นข้าได้ยินข่าวเอง ตอนที่ข้ามานางยังร้องขอแทนเจ้า หากไม่เช่นนั้นแล้ว เจ้าคิดว่าทำไมนางถึงเฝ้าอยู่บนเขาอยู่หลายวันโดยไม่ลงมือทำอะไร?”
“ข้าไม่เชื่อ!” หลินเจี้ยนหรูกัดฟันกรอด “ตอนนี้ข้าเป็นมาร พวกเจ้าคือเจ้าหน้าที่สวรรค์อันสูงส่ง จะคิดหาวิธีปกป้องข้าได้อย่างไร? พวกเจ้าที่ถูกเรียกว่าเป็นฝ่ายธรรม นอกจากโอ้อวดทำตัวสูงส่ง ชอบเล่นหมาหมู่ นอกจากนั้นแล้วยังสามารถทำอะไรอีกบ้าง? สิ่งที่ข้าได้รับจากสำนักแรกพยับ ต่อให้ทำลายทิ้งไปทั้งสำนักก็ไม่นับว่าเกินไป!”
หลิวจวิ่นหน้าเคร่ง มือที่กุมกระบี่ก็เกร็งขึ้นมา
มู่จิ่วรีบเอ่ย “เจ้าอย่าได้วู่วาม เพื่อให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดี เหลียงชิวฉานถึงได้สละชีวิตตนเอง ถึงแม้เจ้าจะไม่รักนาง ดีร้ายอย่างไรก็อย่าได้ทำร้ายความหวังดีของนาง! หากเจ้าไม่ไยดีในชีวิตของตนเอง เจ้าจะให้นางที่อยู่ในปรโลกคิดอย่างไร?!”
“ข้าไม่สนเรื่องพรรค์นั้น!” เขาส่ายหน้า น้ำตาไหลลงมา เขาเดินโงนเงนไปข้างหน้าหลายก้าว ชักกระบี่ชี้เหล่าทหารที่ขวางทางอยู่ “ข้ารู้ว่าในสายตาพวกเจ้า ข้าควรถูกเผาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน ข้าก็รู้ ทำเรื่องนี้ลงไปข้าจะต้องเผชิญหน้ากับผลลัพธ์อะไร แต่ข้ายังไม่เข้าใจ ยังน้อยใจ ตอนแรกข้าไม่ใช่คนผิด ทำไมสุดท้ายข้าต้องรับผลกรรมด้วย?”
“หากฟ้ามีตา ทำไมถึงไม่ช่วยเอาคืนคนที่ทำร้ายข้า? ทำไมพอข้าอดทนก็กลับกลายเป็นว่าพวกเขายิ่งกลั่นแกล้งข้าอีก? ข้าไม่เข้าใจว่าข้าติดค้างอะไรพวกเขา? ข้าไม่ได้ติดค้างอะไร บุญคุณที่เลี้ยงดูมายิ่งไม่มี! ไม่ใช่ว่าข้าอยากเกิดมาเป็นลูกนอกสมรส เป็นพวกเขาที่ให้กำเนิดข้าเอง การให้ข้ามีชีวิตอยู่เป็นเรื่องไม่สมควรหรือ?”
“หรือการให้กำเนิดบุตรเลี้ยงดูบุตรนับเป็นการให้ทาน?”
“เดิมทียังรู้สึกไม่สบายใจเรื่องที่ฆ่าหลินเซี่ย ข้าเคยกลัวว่าสำนักแรกพยับจะกลับมาคิดบัญชีข้า ข้ายังเคยรู้สึกผิด แต่ตอนนี้ไม่อีกต่อไปแล้ว เขาสมควรตาย คนทั้งสำนักแรกพยับก็สมควรตาย! ข้าไม่ได้ทำผิด ข้าเพียงถูกบีบให้ใช้วิธีนี้ในการเรียกเกียรติของข้ากลับมา!”
เขายกมือทั้งสองขึ้น ร้องตะโกนพลางซัดฝ่ามือไปทั้งสี่ด้าน พลังเสวียนหมิงอันแข็งแกร่งพุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่งจากฝ่ามือเขา เหมือนกับคลื่นยักษ์ซัดเข้าใส่กะทันหัน!
“จุดชีพจรของเขาเปิดออก ทะลวงจุดทั้งหมดแล้ว!”
มู่จิ่วหลุดปากตะโกน
เสียงของนางเพิ่งเงียบหายไป เสียงคร่ำครวญก็ดังขึ้นมาจากทุกทิศ ความเกรี้ยวกราดของหลินเจี้ยนหรู ความร้อนใจของเฉินอิง การปะทะของเหล่าพลทหาร พื้นที่นี่ได้กลายเป็นทุ่งสังหารไปแล้ว
หลิวจวิ้นขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่ากำลังลังเลอะไร
มู่จิ่วไม่อาจกังวลอะไรมากมายได้อีก รีบชักกระบี่พุ่งเข้าไป!
แต่ตอนนี้เอง ด้านนอกป่าพลันปรากฏร่างของคนคนหนึ่งขึ้น ร่างนั้นพุ่งเข้ามายังสนามรบ เพียงสะบัดแขนเสื้อเหล่าพลทหารก็ถอยร่นไป
คนผู้นี้รวดเร็วจนเมื่อมองไปเหมือนกับไม่ได้ขยับร่าง แต่กลิ่นไม้กฤษณาที่คุ้นเคยซึ่งลอยมาตามอากาศทำให้ใจของนางเต้นรัว “ลู่ยา!”
เสียงนี้ไม่ดังนัก มีเพียงพวกหลิวจวิ้นซึ่งอยู่ใกล้ๆ เท่านั้นที่ได้ยิน แต่ตอนนี้คนที่กำลังช่วยหลินเจี้ยนหรูฝ่าวงล้อมออกไปกลับชะงัก หันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว…
ชายชุดเขียว!
มู่จิ่วรู้สึกราวกับลำคอมีกลิ่นคาว ถึงแม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ สั้นจนกระทั่งไม่พอให้กะพริบตา แต่นางยังมองออก ทั้งยังมั่นใจว่าคนผู้นั้นคือชายชุดเขียว!
ทำไมบนร่างเขาถึงมีกลิ่นกฤษณา?
ทำไมถึงหันมาตอนที่นางเรียกชื่อลู่ยา?
………………………………………………