ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 391 ทำให้ดีที่สุด
ยามบ่ายตอนพระอาทิตย์คล้อยต่ำ หัวชิงถูกพาตัวออกไป หลิวจวิ้นถอนหายใจยาวก่อนยืนขึ้นมา “เอาบันทึกคำให้การทั้งหมดมา พวกเราไปวังหลิงเซียว!”
พูดจบก็ก้าวเท้าออกไปก่อน
มู่จิ่วรีบกอดบันทึกคำให้การแล้วตามออกไป ใจที่ราวกับมีหินถ่วง ตอนนี้ร่วงลงอย่างมั่นคงไปแล้ว หัวชิงได้เล่าเรื่องความอยุติธรรมทั้งหมดที่หลินเจี้ยนหรูเคยได้รับมาตลอดสองร้อยปีที่แรกพยับจนหมด ทั้งยังเล่าเรื่องราวเบื้องหลังที่จีหมิ่นจวินและหลินเซี่ยฆ่านางชิวอย่างไรออกมาด้วย ไม่ว่าสุดท้ายหลินเจี้ยนหรูจะได้รับโทษอะไร แต่มีคำให้การของหัวชิงเจ้าสำนักอยู่ อย่างน้อยก็ช่วยยืนยันได้ว่าการฆ่าคนของเขาเป็นเรื่องอับจนหนทาง
วังหลิงเซียวยังคงสงบเหมือนที่ผ่านมา อวี้ตี้และหวังหมู่กำลังฟังเพลงพิณอยู่ในสวนดอกไม้
หลังจากขุนนางผู้ดูแลเดินเข้าไปแจ้ง หวังหมู่ก็โบกมือไล่เหล่าหญิงรับใช้ให้ออกไป แล้วเชิญพวกเขาทั้งสองเข้ามา
หลิวจวิ้นแจ้งเหตุที่มาก่อน “คดีที่ศิษย์ในสำนักหลินเจี้ยนหรูสังหารคนจำนวนมากที่สำนักแรกพยับ บัดนี้สืบได้กระจ่างชัดแล้ว เจ้าสำนักหัวชิงให้การมา หลินเจี้ยนหรูเป็นลูกลับนอกสมรสของศิษย์น้องเขาหลินเซี่ย นางชิวมารดาของคนแซ่หลินเป็นผู้บริสุทธิ์ อดทนให้กำเนิดหลินเจี้ยนหรูออกมา และบากหน้าพาไปหาบิดาของเขาที่แรกพยับ ถึงได้รู้ว่าหลินเซี่ยนั้นมีครอบครัวอยู่แล้ว”
“ด้วยแรงกดดันของภรรยา หลินเซี่ยจึงได้วางยาฆ่านางชิว ทั้งยังทำลายจิตต้นกำเนิดของนางก่อนที่จะถูกพาไปปรโลกโดยไม่รู้จักถูกผิด ทำให้นางชิวต้องไปเวียนว่ายตายเกิดอย่างยากลำบากหลายหน หลินเจี้ยนหรูอาศัยอยู่ที่แรกพยับ ได้รับการกลั่นแกล้งจากเหล่าคนตระกูลจี และหลินเซี่ยบิดาแท้ๆ ของเขากลับวางเฉย ภายใต้การปล่อยปละละเลยของหลินเซี่ย คนทั้งสำนักแรกพยับต่างกลั่นแกล้งหลินเจี้ยนหรู”
“หลินเจี้ยนหรูเก็บความเกลียดไว้ในใจ ทำให้ฆ่าพ่อและน้องสาว จากนั้นยังทำการฆ่าคนหมู่มาก นี่คือคำให้การทั้งหมด ขอให้ฝ่าบาทและเหนียงเหนียงพิจารณา”
มู่จิ่วได้ยินแล้วจึงรีบส่งบันทึกคดีขึ้นไป
เมื่ออวี้ตี้หวังหมู่ได้ยินก็ทำหน้าเคร่ง “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”
คดีของแรกพยับไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่นัก วันนั้นแม้อวี้ตี้หวังหมู่จะตกใจ แต่เมื่อผ่านไปหลายวันก็ลืมไปมากแล้ว เพียงแค่ยังมีความทรงจำหลงเหลืออยู่บ้างเท่านั้น จำได้เพียงว่าหลินเจี้ยนหรูคือคนชั่วที่ลืมบุญคุณหักหลังสำนักเท่านั้น และยังเป็นลูกนอกสมรสด้วย
แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวจวิ้น หวังหมู่ก็ขมวดคิ้วก่อน “หลินเซี่ยผู้นี้ไม่รามือกระทั่งลูกแท้ๆ ของตนเอง”
“ไม่เพียงแค่ไม่รามือเท่านั้นหรือ?” มู่จิ่วรีบก้าวขึ้นมาพูด “เหนียงเหนียง หลินเซี่ยไม่ได้มองหลินเจี้ยนหรูเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตน ทุกครั้งที่แม่ลูกตระกูลจีทำร้ายเขา หลินเซี่ยไม่เคยยื่นมือเข้าช่วย ศิษย์ทั้งหมดบนเขาไม่เคยมองเขาเป็นมนุษย์ คำให้การเหล่านี้ล้วนมาจากพวกเขาทั้งหมด ขอฝ่าบาทและเหนียงเหนียงพิจารณาด้วย!”
หวังหมู่จ้องนางอยู่พักหนึ่ง จากนั้นมองอวี้ตี้ ก่อนจะก้มหน้าลงอ่าน
สายตาของมู่จิ่วจับจ้องอยู่บนหน้าของพวกเขาตลอด เห็นเพียงสีหน้าหวังหมู่ที่อ่านอยู่เผยความโกรธ มู่จิ่วยังไม่ทันได้พูด นางก็ปิดบันทึกคำให้การลง ก่อนเอ่ย “เจ้าพวกสำนักแรกพยับนี่ เน่าเฟะไปหมดแล้วหรือ? เจ้าบอกว่าสองคนนั้นรังแกหลินเจี้ยนหรูก็แล้วไปเถอะ เจ้าบอกว่าหลินเซี่ยไม่มองเขาเป็นลูกในไส้ก็แล้วไปเถอะ แต่ทำไมคนทั้งสำนักถึงกระทำแบบเดียวกันได้ลง?”
“เหนียงเหนียง” มู่จิ่วค้อมตัวลง “นิสัยของหัวชิงเจ้าสำนักผู้นี้ไม่เด็ดขาด และจีหมิ่นจวินยังเป็นถึงองค์หญิงแห่งอาณาจักรจื่อจิว วางอำนาจบาตรใหญ่ในแรกพยับ ไม่เพียงหลินเซี่ยไม่กล้าหือกับนาง กระทั่งหัวชิงยังต้องไว้หน้านางสามส่วน”
“จีหมิ่นจวินไม่ยอมรามือจากหลินเจี้ยนหรู เพราะความเกลียดที่มีต่อหลินเซี่ย จึงจงใจเก็บหลินเจี้ยนหรูไว้รองรับอารมณ์ของนางโดยไม่ยอมปล่อยเขาไป มีนางค่อยปั่นความเกลียดชัง หัวชิงก็ไม่สนใจ เหล่าศิษย์บนสำนักส่วนใหญ่ก็เป็นผู้บำเพ็ญตนขั้นแรกเท่านั้น ย่อมต้องทำไปตามคนหมู่มาก ทำร้ายหลินเจี้ยนหรูโดยไม่ยำเกรงสิ่งใด”
“ช่างไม่มีขื่อมีแปยิ่งนัก!”
อวี้ตี้ยืนขึ้น พูดด้วยความโกรธกริ้ว “สำนักแรกพยับช่างเละเทะนัก พวกเขากดดันคนจนถึงขั้นนี้ ทั้งยังคิดกำจัดเขาอีก? คนที่เป็นผู้บำเพ็ญเซียน ความเห็นอกเห็นใจขั้นพื้นฐานยังไม่มี ถึงแม้หลินเจี้ยนหรูจะเป็นลูกนอกสมรส แต่นั่นมิใช่บาปของหลินเซี่ยหรอกหรือ? เขาไม่เพียงไม่เลี้ยงดูบุตรให้ดี กลับยังปล่อยให้คนอื่นรังแก เขาตายในเงื้อมมือบุตรตนเองก็โทษใครไม่ได้!”
หวังหมู่พยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็ยืนขึ้น “การตายของหลินเซี่ยและจีหมิ่นจวินสามารถละเว้นโทษให้หลินเจี้ยนหรูได้ แต่เขาฆ่าคนอื่น เรื่องนี้ก็ออกจะเกินไปเสียหน่อย”
“เหนียงเหนียง! นี่ก็เป็นเรื่องที่สามารถให้อภัยได้ คนที่รังแกเขาในแรกพยับมีจำนวนไม่น้อย ถึงแม้เขาจะขาดสติไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับขาดมโนธรรมสำนึก กระทั่งที่เหลียงชิวฉานฆ่าหัวชิงก็เป็นเพราะเขาลอบทำร้ายจากข้างหลัง ตั้งใจจะฆ่าหลินเจี้ยนหรู นางถึงได้ฆ่าเขา! พูดตามจริง หากไม่มีการดูแคลนในตอนแรก ก็ย่อมไม่มีการทำร้ายในภายหลัง ไม่อาจให้หลินเจี้ยนหรูแบกรับเพียงคนเดียวได้!”
มู่จิ่วเข้าไปอธิบายกับหวังหมู่
“ความลำบากของหลินเจี้ยนหรู ตัวข้าเข้าใจได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจละเว้นความบ้าคลั่งนี้” หวังหมู่เอ่ย “ถึงแม้เขาจะน่าสงสาร แต่ใช่ว่าจะไม่มีความผิดเลย ถึงแม้ฝ่าบาทกับตัวข้าสามารถทำใจกว้างได้ แต่มันไม่ยุติธรรมต่อผู้อื่น และจะเป็นการให้ท้ายผู้กระทำผิด อีกอย่างคงยากที่จะอธิบายกับไท่ซ่างเหล่าจวินให้เข้าใจ”
มู่จิ่วขมวดคิ้วแลกสายตากับหลิวจวิ้น หลิวจวิ้นพูด “เช่นนั้นฝ่าบาทกับเหนียงเหนียงจะตัดสินคดีนี้อย่างไร?”
อวี้ตี้กลั้นลมหายใจ ประสานมือเอ่ย “พักไว้ก่อน รอข้าไปเชิญไท่ซ่างเหล่าจวินมาหารือก่อนค่อยว่ากัน นี่เป็นเรื่องราวภายในลัทธิฉ่าน ต้องให้เกียรติถามความเห็นวังโตวลวี่ด้วย”
หวังหมู่ได้ยินก็พยักหน้า
มู่จิ่วรู้ว่านี่คือสัญญาณจากเขาทั้งสอง จำต้องก้มหน้ารับและถอยออกไป
ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาควรทำก็ได้ทำหมดแล้ว ต่อไปทำได้เพียงรอข่าวจากวังหลิงเซียวเท่านั้น
แน่นอนว่าต้องไม่เร็วขนาดนั้น เพราะคนของแรกพยับยังคงปล่อยข่าวลืออย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังไม่รู้ว่าไท่ซ่างเหล่าจวินจะรับเรื่องที่สำนักแรกพยับกลายเป็นคนร้ายได้หรือไม่
แต่ภายใต้การเคลื่อนไหวของคนส่วนหนึ่งที่เอือมระอาลัทธิฉ่าน มีจำนวนไม่น้อยมุ่งความโกรธไปยังแรกพยับ…อันที่จริงไม่ว่าหลินเจี้ยนหรูควรจะได้รับโทษหรือไม่ เรื่องที่เขาเป็นผลผลิตจากความเจ้าชู้ของหลินเซี่ยนั้นเป็นเรื่องจริง ทั้งเรื่องที่ทั้งสำนักแรกพยับรวมหัวกันกลั่นแกล้งเด็กไม่มีทางสู้ก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน
รวมถึงยังมีเรื่องที่หลินเจี้ยนหรูเป็นเพียงผู้บำเพ็ญขั้นจู้จีอายุสองร้อยปีเท่านั้น กลับเข้าสังหารคนในสำนักโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เรื่องราวเบื้องหลังก็เชื่อมโยงได้ง่ายดายนัก
ถึงแม้มู่จิ่วจะไม่ได้คำตอบจากวังหลิงเซียว แต่ได้ยินว่ากระแสของเรื่องราวเปลี่ยนไป ในใจก็สงบไปได้บ้าง
หวังหมู่ก็ไม่ได้พูดผิด หลินเจี้ยนหรูทำผิดจริง แต่การกระทำผิดของเขาไม่ถึงขั้นต้องชดใช้ด้วยชีวิต ไม่ใช่ว่าทุกคนที่เป็นแบบเขาจะเดินทางถูกได้ ความดีชั่วบนโลกนี้ล้วนมีเหตุและผล เขาสามารถแบกรับผลลัพธ์เพราะความขาดสติได้ แต่อนาคตที่เขาควรมี ฟ้าก็ไม่ควรติดค้างเขาเหมือนกัน
ถึงแม้ไม่มีโลกทั้งใบเคียงข้าง ขอเพียงมีชีวิตอยู่ เขาก็ยังมีเหลียงชิวฉานอยู่คนหนึ่ง
……………………………