ท่านเทพมาแล้ว - ท่านเทพมาแล้ว - บทที่ 394 พลังของหกวิญญาณ
ใจของนางหนักอึ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นรูปการณ์ อสุนีบาตนี้รุนแรงนัก ไม่รู้ว่าหลินเจี้ยนหรูจะรับไหวหรือไม่?
หากรู้ว่าอสุนีบาตรุนแรงขนาดนี้ ก็อาจจะสามารถตัดรากฐานเซียนเขาได้!
“นี่เป็นอสุนีบาตที่จิ้งจอกเฒ่าไท่ซ่างเหล่าจวินเตรียมไว้ พวกเรามีหนทางหยุดยั้งหรือขัดขวางหรือไม่?” นางหันมาถามลู่ยา
ลู่ยาขมวดคิ้ว “ข้าไปไม่ได้ สวรรค์อันสูงส่งมีกฎของมันอยู่ ไม่อาจสอดมือเข้ายุ่งเรื่องของหกภพได้ หลินเจี้ยนหรูก่อเรื่องฆ่าคนจึงนับเป็นความแค้นของลัทธิฉ่าน หากข้ายื่นมือเข้ายุ่ง วันนี้เขาคงหลบเลี่ยงอสุนีบาตได้ แค่ภายหลังคงไม่ได้เจอแค่อสุนีบาตแน่”
พูดถึงตรงนี้เขาก็ชะงัก ก่อนเอ่ยอีก “แต่เจ้าไปลองดูได้ ชะตาชีวิตของเขามีประโยชน์ต่อเจ้า อย่างน้อยก็ไม่ทำร้ายเจ้า”
สิ่งที่มู่จิ่วรออยู่ก็คือคำนี้ นางพยักหน้า หมุนตัวไปหยิบยันต์กันน้ำก่อนขึ้นเมฆจากไป
ลู่ยาก็ถอดจิตตามไปเช่นเดียวกัน
หลินเจี้ยนหรูยังอยู่ในคุกหลวง เวลานี้มีเจ้าหน้าที่หน่วยลาดตระเวนเฝ้าอยู่รอบนอกหลายคน คนเหล่านี้ล้วนได้รับคำสั่งให้มาดูแลการลงทัณฑ์ และไม่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของมู่จิ่ว ทางด้านข้างยังมีศิษย์ของวังโตวลวี่อยู่สองคนด้วย ตอนเห็นมู่จิ่วทุกคนต่างจ้องมา จากนั้นค่อยพยักหน้าส่งสัญญาณให้นาง
ฝั่งนางเพิ่งจะยืนได้มั่นคง หลิวจวิ้นก็เข้ามา
เป็นเพียงผู้บำเพ็ญเซียนตัวเล็กๆ เท่านั้น เดิมทีไม่จำเป็นต้องใช้คนเยอะขนาดนี้ ถึงแม้ทางด้านลัทธิฉ่านจะรับปากไม่ตัดรากฐานเซียนของหลินเจี้ยนหรูแล้ว แต่กลับไม่คิดจะปล่อยเขาไปโดยง่าย และจงใจส่งศิษย์มาลงโทษประหาร ส่วนทางด้านหน่วยลาดตระเวนย่อมต้องมีเจ้าหน้าที่อยู่ในพื้นที่ เหตุที่หลิวจวิ้นมาส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะมู่จิ่วมาด้วย
มู่จิ่วถามเขา “หลินเจี้ยนหรูล่ะเจ้าคะ?”
หลิวจวิ้นเหลือบมองศิษย์ของวังโตวลวี่คราหนึ่ง ก่อนกดเสียงต่ำตอบ “ยังอยู่ในคุก แต่ข้าได้แปะยันต์ป้องกันไว้แล้วสองแผ่น แม้ไม่อาจหลบอสุนีบาตได้ แต่มากน้อยก็สามารถต้านได้บ้าง”
มู่จิ่วได้ยินเขาพูดเช่นนี้กลับยิ่งไม่สบายใจ กระทั่งเขายังลอบไปแปะยันต์ไว้ก่อน แสดงว่าอสุนีบาตเก้าสายนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ ไท่ซ่างเหล่าจวินไม่ควรเป็นคนเลอะเลือนเช่นนี้ หากเขารู้สึกจริงว่าโทษของหลินเจี้ยนหรูไม่ควรให้อภัย ย่อมต้องไม่ยินยอมให้อวี้ตี้และหวังหมู่ปล่อยเขาไป นี่ต้องเป็นพวกแรกพยับที่คอยยุแหย่อยู่ข้างหลังอีกแน่
เมื่อคิดถึงตรงนี้นางก็ถาม “ฝ่าบาทลงโทษเพียงหลินเจี้ยนหรู แล้วพวกแรกพยับนั่นไม่ต้องรับโทษใดเลยหรือ?”
หลิวจวิ้นเหลือบมองนาง “นี่นับว่าไม่เลวแล้ว หากแรกพยับได้รับโทษอีก หลินเจี้ยนหรูจะไม่ได้รับโทษหนักกว่านี้หรือ?”
มู่จิ่วยิ้มเยาะในใจ กลับไม่ได้ว่าอะไรเขา
เดิมทีเข้าใจว่าคดีนี้จบลงได้อย่างสวยงาม แต่ดูแล้วกลับไม่ใช่อย่างที่คิด หลินเจี้ยนหรูย่อมต้องได้รับโทษ แต่พวกแรกพยับที่ทำความเลวนั้นเป็นคนดีหรือ? หลินเจี้ยนหรูต้องรับอสุนีบาตเก้าสายไม่ใช่เพราะเป็นแพะรับบาป แต่แรกพยับอาศัยอะไรถึงไม่ต้องรับโทษใดเลย?
แต่ช่างมันเถิด แก้ไขเรื่องตอนนี้สำคัญกว่า
ท้องฟ้าเริ่มมีแสงสว่างวาบของอสุนีบาต สายแรกฟาดลงบนยอดของคุกหลวง วันนี้ป๋ายเจ๋อและเถิงเส๋อสงบศึกกันหนึ่งวัน ยืนมองท้องฟ้าอยู่เคียงข้างกันตรงหน้าประตูหิน
อสุนีบาตฟาดต่อเนื่องกันลงมาสามสาย เพราะอสุนีบาตนั้นมุ่งลงฟาดที่เป้าหมายอย่างเดียว ดังนั้นคนและสิ่งของที่ไม่เกี่ยวข้องย่อมไม่ได้รับผลกระทบ และเมื่อเป็นแบบนี้ต่อให้หลบอยู่ใต้ดินก็ไม่มีประโยชน์ นอกจากจะใช้วิชาอาคมเหนี่ยวนำอสุนีบาตออกไป แต่นี่คือโทษทัณฑ์อสุนีบาต จะเหนี่ยวนำไปก็ทำไม่ได้ ถึงแม้จะกังวลก็ทำได้เพียงมองดูอย่างร้อนใจเท่านั้น
ในคุกนั้นไม่มีเสียงอะไรเลย
อสุนีบาตรอบที่สองมาต่อทันที
รอบนี้ก็มีสามสาย และค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นทุกที
มู่จิ่วยังคงกังวลว่าหลินเจี้ยนหรูจะรับไหวหรือไม่ มือทั้งสองหลั่งเหงื่อออกมา
บนใบหน้าหลิวจวิ้นมีความกังวล พวกเขาทุ่มเทมากมายเพื่อปกป้องชีวิตเขา ทั้งยังถามหาความยุติธรรมแทนเขา หากสุดท้ายเขาตายด้วยอสุนีบาต มากน้อยก็ทำให้รู้สึกว่าไม่ค่อยคุ้มค่า
ดังนั้นด้านหนึ่งพวกเขาจึงหวังว่าอสุนีบาตนั้นจะฟาดลงมาเร็วหน่อย อีกด้านหนึ่งก็หวังว่าจะช้าลงหน่อยเพื่อหลีกเลี่ยงการรับมือไม่ทัน
อสุนีบาตฟาดลงมาเจ็ดสายแล้ว เมฆดำบนฟ้าค่อยๆ สลายไป รอจนสายที่แปดฟาดผ่าลงมา ฝนก็หยุดลงเรียบร้อย บนฟ้าปรากฏแสงดาวหลายดวง บางทีอาจเป็นเพราะฝนหยุดตกแล้ว เสียงของอสุนีบาตสายที่เก้าถึงได้บาดหูยิ่งนัก แสงสว่างจ้ากลางอากาศกำลังฟาดเปรี้ยงลงมา แสบตาจนไม่อาจลืมตาขึ้นมองได้!
มู่จิ่วยกแขนขึ้นกำบังสายตาทันที และตอนนี้บนอากาศพลันมีอสุนีบาตสามสายฟาดลงมาต่อเนื่องกัน เสียงอสุนีบาตสั่นสะเทือนแก้วหูนัก เกือบจะยกร่างของนางลอยขึ้นกลางอากาศอยู่รอมร่อ…
แต่ริมหูนางกลับพลันได้ยินเสียงพิณแว่วมาเบาๆ จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องประหลาดใจดังขึ้นมามากมาย นางเข้าใจว่าหลินเจี้ยนหรูออกมาแล้วจึงรีบลดมือลง กลับพบว่าแท้จริงตนเองอยู่บนเมฆกลางอากาศ รอบตัวปกคลุมไปด้วยไอมงคลห้าสี ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ลอยอยู่เหนือหัว เรือนร่างอ้อนแอ้น อีกทั้งบริเวณจุดตันเถียนยังมีพลังวิญญาณหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เคลื่อนไปตามชีพจรของร่างกาย!
“กัวมู่จิ่ว รีบนั่งสมาธิกำกับลมหายใจ!”
ยามที่นางกำลังรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง หลิวจวิ้นตะโกนขึ้นมาจากข้างล่าง!
เสียงของเขาเจือด้วยความตื่นเต้นและยินดี มือที่กุมกระบี่ทั้งสองสั่นน้อยๆ
มู่จิ่วรีบนั่งลงบนเมฆ มือทั้งสองประสานอยู่ด้านหน้า กลิ่นไม้กฤษณาที่คุ้นเคยลอยเข้ามาแตะจมูก ลู่ยามาถึงข้างกายนางแล้ว เขานั่งลงฝั่งตรงข้าม ยกมือนางขึ้นมาวางไว้บนหน้าเข่า
นางรู้สึกเพียงในร่างกายมีคลื่นสายหนึ่ง ทั้งร่างเต็มไปด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต โลกตรงหน้านางเต็มไปด้วยความสุขและไอมงคล เมฆมงคลห้าสีครอบคลุมไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน!
“นี่ นี่คือลางเทพเซียนชั้นสูงหวนกลับ! ทำไมนางถึง…”
เหล่าศิษย์ของวังโตวลวี่ต่างเปิดปากพลางชี้นางที่นั่งอยู่บนเมฆ เมื่อมองจากด้านข้างขึ้นไป ไอมงคลรอบกายนางนั้นยังมากกว่าไท่ซ่างเหล่าจวินเจ้าสำนักของพวกเขาเสียอีก และภาพเช่นนี้พวกเขาก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้? นี่คือร่างกลับชาติมาเกิดของเทพหญิงแห่งหกวิญญาณ!” หลิวจวิ้นหันกลับไปเหลือบมองพวกเขา ลากเสียงยาวเอ่ย “ข้าเดาว่าเหล่าจวินต้องกำลังรีบมา พวกเจ้ายังไม่รีบไปดูที่คุกแล้วกลับไปรายงานอีกหรือ?”
หลายคนลุกขึ้นค้อมตัว จากนั้นรีบมุ่งไปยังคุกหลวง
แต่หลิวจวิ้นเพิ่งพูดจบ รอบด้านก็พลันมีเสียงดนตรีลอยเข้ามาต่อ ราวกับไอมงคลถูกคุกดึงดูดให้ค่อยๆ ลอยเข้ามาที่นี่
เถิงเส๋อกับป๋ายเจ๋อต่างก็เห็นลู่ยาที่อยู่กลางอากาศอย่างชัดเจน ทั้งสองตกใจจนวิ่งเข้าหากัน ก่อนจะกระโดดถอยออกมาสองก้าว “นั่นมันเซิ่งจุนที่สี่!”
ลู่ยาเหลือบมองเขาทั้งสองคราหนึ่ง ดึงมือตนเองกลับมาจากข้อมือของมู่จิ่ว ก่อนชี้นิ้วเสกดอกกล้วยไม้ขึ้นมา แต้มลงระหว่างคิ้วนาง ทันใดนั้น ใบหน้าดุจหยกของนางก็พลันมีดอกกล้วยไม้ขนาดเท่าตัวหมากล้อมผุดขึ้นมา พลังวิญญาณรอบด้านรวมอยู่ที่ดอกไม้นั้นในพริบตา เอ่ยว่า “ลองดู พลังของหกวิญญาณเป็นอย่างไรบ้าง?”
มู่จิ่วพยักหน้าก่อนลุกขึ้นยืน ค่อยๆ กางแขนออก เห็นเพียงม่านฟ้ากว้างใหญ่ บัดนี้เต็มไปด้วยกลุ่มแสงจำนวนมากร่วงหล่นลงมา พลังที่รวมอยู่ตรงมือทั้งสองของนางหมุนวนช้าๆ กลุ่มแสงจำนวนมากนั้นก็รวมกันกลายเป็นน้ำวนขนาดใหญ่ สักพักหนึ่ง ดวงดาวบนฟ้าก็มารวมตัวกัน แม่น้ำลำธารต่างเกิดคลื่นกระเพื่อม ทางช้างเผือกพลิกกลับด้าน วิหคทองโผบินขึ้นไปกลางอากาศ พลังควบคุมฟ้าดินของหกวิญญาณประจักษ์ให้เห็นในเหตุการณ์นี้!
…………………………………………