ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ - ตอนที่ 901 แตกพ่าย
หลี่ว์ซู่ยืนอยู่บนเนินเขา ทั่วทั้งเนินเขาที่เดิมคือผืนหญ้าเขียวขจีได้กลายมาเป็นนาขั้นบันไดและบ้านจำนวนนับไม่ถ้วน การจัดวางที่ตั้งของบ้านมีสุทรียภาพ สวยงามอย่างน่าดึงดูดใจ
ความงามเช่นนี้เป็นความงามที่มีระเบียบ
ที่จริงหลี่เฮยทั่นและจางเว่ยอวี่ยังไม่เคยเห็นค่ายของเครือข่ายฟ้าดินไม่เช่นนั้นจะต้องตกตะลึงกับการจัดวางที่เป็นระเบียบทั้งภาพรวมและของส่วนบุคคล
ในตอนนี้ หลี่เฮยทั่นและหลิวเชียนจือและคนอื่นๆ ยืนอยู่ด้านหลังหลี่ว์ซู่ ขายกับล้อมปกป้องตรงกลางเอาไว้ จางเว่ยอวี่กลับมีสีหน้างุนงง “ฉันชี้แนะนายเพราะอยากให้นายได้จดหมายแนะนำ”
“ฉันเขียนให้ตัวเองได้นะ” หลี่ว์ซู่พูดนิ่งๆ “ถึงขั้นตอนไม่เหมือนกันแต่ผลลัพธ์อย่างเดียวกัน…”
จางเว่ยอวี่อ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ที่จริงชีวิตเขายังไม่เคยเห็นผู้บัญชาการกองทหารไหนเข้าร่วมการคัดเลือกของสำนักกระท่อมกระบี่…
พอเขาคิดถึงเรื่องนี้ก็ปวดตับ “ฉันให้นายเข้าร่วมทัพอู่เว่ย ไม่ได้ให้นายมาจัดระเบียบพวกมัน… นายร้ายกาจขนาดนี้ทำไมไม่ไปวังหลวง! “
หลี่ว์ซู่อึ้งไปชั่วครู่ “มันเป็นแค่เรื่องเวลา ยังไงสำนักกระท่อมกระบี่ก็อยู่ในวังหลวง”
จางเว่ยอวี่หมดคำจะพูด “เมื่อเป็นผู้บัญชาการแล้วยังคิดจะไปสำนักกระท่อมกระบี่อีกหรือ”
“ไป” หลี่ว์ซู่ตอบอย่างจริงจัง “ฉันจะต้องไปชนะกระท่อมกระบี่! “
ไม่รู้ว่าทำไม จางเว่ยอวี่เริ่มคาดหวังถึงเรื่องที่เกิดขึ้นจากที่หลี่ว์ซู่ไปสำนักกระท่อมกระบี่ เขารู้สึกว่าอาจจะมีเรื่องที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นได้…
ตอนนี้หลี่ว์ซู่ถามด้วยความสงสัย “พวกเราไม่มีทางเอาเปรียบพวกนายหรอก แม้แต่น้ำลาย? “
พูดถึงเรื่องนี้ จางเว่ยอวี่ก็เลือดขึ้นหน้า “นั่นมันน้ำต้มไอ้…! “
[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +199!]
หลี่ว์ซู่ “…”
เขาไม่ได้ดื่มน้ำเลย…
ตอนนี้หลี่เฮยทั่นและหลิวเชียนจือเริ่มรู้ตัวว่าผู้บัญชาการของพวกเขารู้จักกับคนกลุ่มนี้ แล้วยังสนิทกันเสียด้วย แต่หลิวเชียนจือกำลังตกอยู่ในความคิด ก่อนที่ทหารเสื้อคนดำจะมา… ผู้บัญชาการของเขาท่านนี้ไม่ได้มีท่าทีอยากเข้าร่วมทัพอู่เซ่นเลย เขาไม่ได้อยากขายสบู่หรือ…
พอมาคิดดูดีๆ หลิวเชียนจือรู้สึกว่าหัวหน้าของเขาเริ่มวางแผนตั้งแต่ขายสบู่ ไม่เช่นนั้นคนขายสบู่คนไหนจะกล้าให้ทหารมาช่วยทำนา แล้วยังสนับสนุนเงินทุนอีก
พอคิดถึงเรื่องนี้แล้วเขาก็รู้สึกเสียวสันหลัง หรือว่าที่ตัวเขาหนีรอดมาได้ก็อยู่ในการคำนวณของหัวหน้าเขา
และในตอนนี้ ภาพลักษณ์ของหลี่ว์ซู่ในสายตาของหลิวเชียนจือก็ดูลึกลับขึ้นในทันที…
หลี่ว์ซู่มองสำรวจพวกจางเว่ยอวี่ หน้าตาของพวกเขาดูซีดเซียวอ่อนล้าอย่างมาก เสื้อผ้าที่ดูเก่าอยู่แล้วมีรูขาดมากขึ้น ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดูท่าพวกเขาคงเจอความลำบากไม่น้อยระหว่างการหลบหนี หลี่ว์ซู่นับทุกคนรวมจางเว่ยอวี่ทั้งหมด 56 คน มีเพียงจางเว่ยอวี่ที่รู้จักกับหลี่ว์ซู่ คนอื่นไม่เคยเห็นหลี่ว์ซู่ดังนั้นจึงมีท่าทีระแวดระวัง
หลี่ว์ซู่สังเกตเห็นว่าถึงคนกลุ่มนี้จะดูธรรมดาแต่ในบางทีก็มีราศีที่ไม่เหมือนคนธรรมดา ถึงจะเป็นคนธรรมดา 56 คนแต่เหมือนเจอกลุ่มยอดฝีมือมากกว่า
เขาให้หลี่ว์ซู่เฮยทั่นจัดแจงอาหารให้คนกลุ่มนี้ จางเว่ยอวี่กระซิบกับคนข้างหลังว่า “เขากืคือวัยรุ่นที่มีวิชากระบี่ขั้นสูงที่ฉันเคยเล่าฟัง” คนข้างๆ จางเว่ยอวี่ตกใจและพูดว่า “เขาไม่ได้เป็นผู้บำเพ็ญระดับต่ำ แล้วยังบอกว่าเขาไม่มีหัวนอนปลายเท้า ทำไมถึงมาเป็นผู้บัญชาการอู่เว่ย…”
จางเว่ยอวี่ฟังแล้วก็ตกใจ “คำตอบข้อนี้ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน…”
ที่จริงพวกจางเว่ยอวี่ก็เคยเห็นคนใหญ่คนโตมาแล้ว แต่คนที่ทำอะไรไม่คาดฝันอย่างหลี่ว์ซู่เขาก็เพิ่งเคยเจอคนแรก
ระหว่างกินข้าว หลี่ว์ซู่ยิ้มและเดินมาข้างหน้าจางเว่ยอวี่ “พวกคุณคิดจะไปไหนกัน”
จางเว่ยอวี่เงียบไปชั่วครู่แล้วพูดว่า “พวกเราวางแผนเดินทางขึ้นเหนือไปเพื่อหลบภัยจากเมืองหลวงทางใต้”
หลี่ว์ซู่ยิ้ม เขารู้ว่าจางเว่ยอวี่พูดโกหก ที่นี่ห่างจากเมืองหลวงประมาณ หนึ่งหมื่อนสองพันกว่าลี้ ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับหนึ่งยังต้องใช้เวลาบินสามวัน จางเว่ยอวี่ยังทำเหมือนเขาเป็นคนที่ไม่ประสีประสาอยู่อีก แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้ว่าอะไร “ตอนนี้สถานการณ์รบเป็นอย่างไรบ้าง พวกคุณมาจากข้างนอกรู้อะไรบ้างมั้ย”
“เมืองหนานเกิง เมืองอวิ๋นอาน เมืองก่วงเหลียว ต่างเมืองแตกไปแล้ว ทหารชิงไซ่ระดมกำลังฝ่าวงล้อมออกไปแล้วก็ไม่ได้ข่าวคราว ตอนนี้ทัพเฮยอวี่กำลังประชิดด่านหลี่ว์ซู่หยางและกำลังเตรียมบุกเมือง” จางเว่ยอวี่พูดว่า “ด่านหลี่ว์ซู่หยางเป็นจุดคมนาคมสำคัญที่เชื่อมต่อหนานโจว ในตอนที่เมืองหนานเกิงถูกล้อมเอาไว้ ทัพชื่อเยี่ยนเฝ้ารักษาด่านหลี่ว์ซู่หยางไม่คิดจะเข้ามาช่วย ตอนนี้กำลังทหารเพียบพร้อมคงไม่พ่ายแพ้ให้กับทัพเฮยอวี่ง่ายๆ ส่วนเมืองอวิ๋นอาน เมืองก่วงเหลียวเป็นเส้นทางมุ่งสู่ทางเหนือ หากพวกเขาคิดจะมุ่งขึ้นเหนือจะต้องผ่าน ‘ด่านเว่ยเป่ย’ ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าทัพเฮยอวี่จะมุ่งไปยังทางตะวันออก หรือ ทางเหนือ” หลี่ว์ซู่ถาม
“ด่านหลี่ว์ซู่หยาง” และ “ด่านเว่ยเป่ย” สองด่านสำคัญนี้เป็นเหมือนประตูที่สกัดเส้นทางของทัพเฮยอวี่ มันคือด่านสำคัญที่สร้างขึ้นเพื่อสกัดกั้นการบุกรุกของซีโจว จึงมีเสบียงอาหารและทหารเพียบพร้อม
“ฉันรู้สึกว่าทัพเฮยอวี่มีแผนใหญ่” จางเว่ยอวี่ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “สามปีมานี้ ทัพเฮยอวี่ซุ่มตระเตรียมมาอย่างยาวนาน ฉันคิดว่าพวกเขาอาจแบ่งกำลังเป็นสองทาง แล้วโจมตีด่านทั้งสองทาง!”
“กล้าขนาดนั้นเชียว?” หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นที่เราอยู่ตอนนี้ก็จะโดนร่างแหไปด้วยไหม”
“ก่อนที่ฝั่งนั้นจะทะลวงด่านมาได้ คงไม่มาหาเรื่องนาย” จางเว่ยอวี่พูดนิ่งๆ “หรืออาจจะตรงบุกเข้าเมืองไปเลย กำลังอันน้อยนิดของพวกนายตอนนี้และหลบอยู่ในป่าแบบนี้ พวกนั้นคงไม่อยากสนใจ นอกจากพวกนายอยากจะไปตายเองหรือไปหาเรื่องพวกนั้น”
“อ๋อ” หลี่ว์ซู่โล่งอก “ขอแต่ที่นี่สงบสุขก็ดีแล้ว”
จางเว่ยอวี่มองหลี่ว์ซู่และถอนหายใจยาวๆ “ตอนนี้นายก็เป็นผู้บัญชาการแล้ว มีกำลังพลอยู่ในมือแล้วไม่คิดจะทำอะไรหน่อยหรือ”
“มีสิ” หลี่ว์ซู่ตอบ “มีแผนอยู่! “
“หืม? ” จางเว่ยอวี่สนใจ “ลองพูดมาซิ? “
“ฉันคำนวณดูดีๆ แล้ว รอให้ผ่านศึกสงครามนี้ไป ฉันจะให้พวกเขามาผลิตสบู่ให้ฉัน ทีนี้ก็จะมีทหารตั้งกองทัพมาผลิตสบู่ให้ เงินก็จะไหลมาเทมา…” หลี่ว์ซู่เริ่มบรรยายอนาคต
[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +666!]
จางเว่ยอวี่รู้สึกเหมือนพวกเขาไม่ได้พูดเรื่องเดียวกัน ท่านเป็นถึงผู้บัญชาการคิดแต่เรื่องขายสบู่หรือ มันควรที่จะระดมสรรพกำลังออกไปช่วยรบมากกว่านะ
ตอนนี้ทัพเฮยอวี่เข้าโจมตี เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นกลียุค เมื่อสงครามมาถึงหนานโจวจะเปลี่ยนหน้าตาไปใหม่!
เดี๋ยวนะ! จางเว่ยอวี่อึ้งไปครู่หนึ่ง “นายคิดค้นสบู่หรือ”