นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 240
บทที่ 240 ข้าจะไปช่วยชีวิตผู้คน1
ซินเหยาเห็นว่าสายตาของเขามองตกบนนิ้วมือของนาง ก็รู้ในทันใดว่าตัวตนของตนเองได้ถูกเขาค้นพบเข้าให้เสียแล้ว
“พี่หยาว ที่แท้ก็คือท่าน ดูท่าแล้วพวกเรายังมีวาสนาต่อกันจริงๆ”
จู่ๆ โอหยางซิงเฉินก็ระเบิดหัวเราะชอบใจออกมา
ซินเหยากล่าว “ท่านยังหัวเราะออกอีกหรือ ท่านไม่กังวลใจเลยสักนิดเดียว? ท่านยังมีลูกน้องนักบอดี้การ์ดสี่คนที่มีวรยุทธ์ชั้นสูงก่อกบฏขึ้นนะ”
โอหยางซิงเฉินกล่าว “นักบอดี้การ์ดทั้งสี่ถึงแม้จะมีวรยุทธ์สูง แต่ว่าทั้งสี่คนล้วนมิใช่คนจิตใจหยาบช้า อีกอย่างพวกเขาก็อาศัยอยู่ร้านจี้โม่มาตั้งหลายปีแล้ว ต่อให้ก่อกบฏก็มิอาจทำเรื่องชั่วร้ายใดๆ ต่อร้านจี้โม่ได้”
“แย่แล้ว! ท่านลุงสามและโจว๋หยูนเฟิงยังอยู่ข้างบน!”
โจว๋หยุนถิงตกตะลึงทันควัน
ซินเหยาเอ่ย “พวกเรารีบไปช่วยชีวิตผู้คนกันเร็วเข้า!”
โอหยางซิงเฉินกล่าว “ข้าจะไปด้วยกันกับพวกท่าน”
ทั้งสามคนออกมาจากห้องใต้ดิน ยืนอยู่บนสะพานโค้งก็สามารถมองเห็นควันขโมงคลุ้งจากบริเวณไกลๆ และเสียงอาวุธโจมตีกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ซินเหยาร้องคำราม “ควันนี้มีพิษ!”
โอหยางซิงเฉินเอี้ยวกายปิดจุดฝังเข็มของตนเอง
โอหยางซิงเฉินทอดสายตามองออกไป ก่อนกล่าว “ร้านจี้โม่ถูกคนปิดล้อมเอาไว้แล้ว ดูท่าพลธนูหลายร้อยนายนั้นรับมือด้วยไม่ง่ายเลย ส่วนคนที่อยู่ในอาคารหลัก เกรงว่าคงตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน”
ซินเหยาเอ่ย “สถานการณ์คับขัน พวกเราแยกย้ายกันไปเถิด ท่านไปจัดการพลธนูกวนใจที่อยู่ด้านนอกพวกนั้น ข้าจะไปช่วยผู้คนในห้องโถงหลัก”
“ดี! ข้าจัดการพลธนูเสร็จแล้วจะตามไปสมทบท่านที่ห้องโถงหลัก แต่ว่า วรยุทธ์ของท่านท่าทางไม่เลวเลย น่าจะปกป้องตัวเองได้ดีอยู่แล้ว”
โอหยางซิงเฉินเขย่งเท้าเล็กน้อย ร่างกายก็พุ่งทะยานออกไปราวกับเกาทัณฑ์บินก็ไม่ปาน วินาทีนั้นก็หายตัวไปในท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง…
ซินเหยาได้ยินเสียงของการต่อสู้กันด้วยอาวุธดังอ่อนแรงขึ้นทุกที รู้โดยปริยายว่าสถานการณ์รบในโถงหลักจะต้องดุเดือดเป็นอย่างมาก
“คุณชายโจว๋ ท่านรีบออกไปจากร้านจี้โม่เร็วเข้า ข้าจะไปช่วยชีวิตผู้คน”
“ไม่! ข้าไม่ไป ท่านลุงสามและพี่ใหญ่ของข้ายังอยู่ข้างในนะ!”
“ข้าไปช่วยก็ได้แล้ว”
“ไม่ได้! ข้าจะไม่ทอดทิ้งพวกเขาไปโดยเด็ดขาด ถ้าหากทอดทิ้งพวกเขาในยามวิกฤติ…”
“โง่เง่า! นี่ไม่เรียกว่าทอดทิ้งพวกเรา! ท่านไม่เป็นวรยุทธ์เลยสักนิด ถ้าไปแล้วจะยิ่งเป็นตัวถ่วงพวกเขาเปล่าๆ ไม่แน่ว่ายังต้องให้พวกเขามาดูแลท่านอีกเชียวนะ!”
“อย่างไรก็ไม่ได้ ข้าจะไม่ยอมทอดทิ้งท่านลุงสามและพี่ใหญ่แน่นอน พี่หยาว ถ้าหากเจ้ายังตักเตือนข้า ก็อย่าโทษข้าโจว๋หยุนถิงว่าตีหน้าใส่ไม่รู้จักใครเลยก็แล้วกัน”
“พี่สี่! ท่านนี่มันโง่เง่าเสียจริงๆ!”
ซินเหยาโกรธเสียจนสบถด่ายกใหญ่
ใต้หล้านี้ยังมีผู้อุทิศตนอย่างดื้อรั้นและซื่อสัตย์เช่นนี้อีกที่ไหน
โจว๋หยุนถิงตกใจอยู่ครู่ ก่อนกล่าว “เจ้า…เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ”
ซินเหยากลับไปใช้น้ำเสียงเดิมของตนเอง ก่อนกล่าว “พี่สี่! ข้าก็คือซินเหยาอย่างไรเล่า”
โจว๋หยุนถิงขวัญกระเจิง “น้องเล็ก! เหตุใดเจ้าถึงกลายเป็นผู้ชาย ซ้ำยังน่าเกลียดขนาดนี้?”
ซินเหยาเอ่ย “ข้าก็แค่ปลอมตัวง่ายๆ เท่านั้นเอง พี่สี่ ท่านรีบไปเร็วเข้า ข้าจะไปช่วยลุงสามและพี่ใหญ่เอง”
“น้องเล็ก เป็นเจ้าพี่สี่ก็วางใจแล้ว เจ้ารีบไปเถิด พี่สี่ไม่เป็นตัวถ่วงของเจ้าแน่”
“พี่สี่ ท่านอย่าได้ถือสา เมื่อครู่…”
“ไม่เป็นไร เวลากระชั้นชิดแล้ว เจ้ารีบไป เดิมทีพี่สี่ก็ไม่เป็นวรยุทธ์อยู่แล้ว ที่เจ้าพูดมาก็ไม่ผิด ข้าไม่เก็บเอาไปใส่ใจหรอก”
“เช่นนั้นข้าไปก่อนแล้ว พี่สี่ท่านเองก็ต้องระวัง ตอนนี้ยามด่านไม่มีแล้ว ท่านรีบหนีออกไปจากร้านจี้โม่เร็วเข้า”
หลังจากเอ่ยประโยคถัดไป ซินเหยาก็ค่อยๆ โผบินขึ้นไปยังทิศทางของห้องโถงหลัก
“ฮ่องเต้ ตอนนี้จะทำเช่นไร พวกเราจะต้องกรูมาทางฝ่าบาทเป็นแน่” หลี่เหลียนคางกล่าวด้วยความร้อนรนเป็นอย่างมาก
ดวงตาเงียบขรึมของฮ่องเต้อำมหิต ลุ่มลึกไร้แววทอประกาย…
หลี่เหลียนคางเห็นว่าทหารมรณะชุดดำโขยงใหญ่กรูกันขึ้นมายังชั้นสาม พบพานกับอุปสรรคกีดขวางหลายประการระหว่างทาง ไม่นานก็ถูกกวาดล้างอย่างรวดเร็ว
รวดเร็วมาก…
ทหารมรณะชุดดำเหล่านี้กำลังจะกรูกันเข้ามา
ชั้นสองและชั้นสามอยู่บริเวณตรงกลาง อีกทั้งห้องปีกจำนวนมากกว่าครึ่งถูกปิดตาย ด้วยเหตุนี้แขกด้านในห้องปีกจึงถูกพิษในจำนวนเล็กน้อย
ชั้นสอง ชั้นสาม มีคนกรูออกมาต่อต้านและต่อสู้จากห้องปีกไม่หยุดหย่อน…
แต่ว่าจางเล๋ยถิงและหลี่พีลี่สองผู้นำทัพทหารมรณะชุดดำหลายสิบนาย อยู่ในสภาพการประดุจไผ่แตกหัก การต่อต้านที่พวกเขาพานพบไม่ถือเป็นภัยคุกคามใดๆ เป็นเพียงแค่การหน่วงเวลาก็ท่านั้นเอง…
หลี่เหลียนคางกล่าวอย่างร้อนรน “ฮ่องเต้! ไม่มีเวลาแล้ว พวกเขากำลังจะกรูเข้ามากันแล้ว ฮ่องเต้ ท่านรีบหนีก่อน ออกไปหลังคาโถง ใช้วรยุทธ์ของฮ่องเต้ในการกระโดดลงจากยอดหลังคา ก็จะสามารถหลบหนีอย่างผ่อนปรนได้แล้ว ข้าทาสจะขัดขวางพวกเขาอยู่ที่นี่เอง ซื้อเวลาสักเล็กน้อยเพื่อฮ่องเต้!”
ฮ่องเต้อำมหิตกล่าว “อีกฝ่ายมาด้วยความเตรียมพร้อม ในเมื่อมีพลธนูยิงศรพิษควันเข้ามา ด้านนอกจะต้องยังมีพลธนูจำนวนมหาศาลซุ่มโจมตีอยู่เป็นแน่ ขอเพียงออกไปจากโถงห้องนี้ ก็จะถูกยิงจนกลายเป็นรังแตนแน่!”
หลี่เหลียนคางเอ่ย “เช่นนั้นจะทำอย่างไร จะทำอย่างไร ฮ่องเต้ทรงมีวรกายอันล้ำค่า เป็นถึงความมั่งคั่งของประเทศ เทพธรณีแห่งราชสำนัก”
ฮ่องเต้อำมหิตกล่าว “เจ้าใจเย็นๆ หน่อย พวกเราอยู่ชั้นสาม อีกทั้งยังอยู่ปลายสุดของห้องปีก ได้เปรียบทางโครงสร้าง! ไม่ต้องเป็นห่วง ให้พวกเขามาก็รู้เอง”
หลี่เหลียนคางรู้ว่าฮ่องเต้อำมหิตเตรียมพร้อมรับศึก จึงกล่าวด้วยความร้อนรน “ฮ่องเต้ไม่อาจเอาพระวรกายไปเสี่ยงอันตรายได้โดยเด็ดขาดนะขอรับ ถ้าหากฮ่องเต้ทรงเป็นอะไรไป เกรงว่า…”
ทันใดนั้นชั้นล่างก็เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น
“ดูท่าข้าคงพลาดฉากละครดีๆ ไปตั้งหลายตอนแหนะ!”
ชายน่าเกลียดผู้ผอมโซคนหนึ่งเดินออกมาจากความมืดในฉับพลัน…
เดิมทีโจว๋ก้องหรุงนึกอยากฆ่าตัวตาย แต่ว่าดาบในมือกลับถูกหินก้อนเล็กก้อนหนึ่งบินมากระแทกจนร่วงไป
เหล่าทหารมรณะชุดดำชูดาบขึ้นสับลง
วิถีกายของซินเหยาว่องไวนัก เพียงพริบตาเดียวก็ถลาเข้าไปถึงเบื้องหน้าของโจว๋ก้องหรุง ซัดฝ่ามือสองข้างออกไปอย่างมโหฬาร
กำลังภายในอันดุเดือดซัดคลื่นทหารมรณะชุดดำทั้งหมดกระเด็นไป
“ย้า!”
“อ้า!”
“เอื๊อก!”