นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 252
บทที่ 252 ผู้หญิงที่บ้าบิ่น1
โอยางซิงเฉินกล่าว “ทุกสรรพสิ่งบนโลกล้วนเท่าเทียมทางชีวิต เหตุใดต้องฆ่าพวกเขาด้วยเล่า ต่อให้พวกเขาจะเป็นคนชั่วช้าเลวทราม ราชสำนักและกฎหมายย่อมจะกวดล้างพวกเขาเองตามธรรมชาติ ราชสำนักและกฎหมายชะล้างไม่ได้ ข้าก็เชื่อว่าสวรรค์จะล้างบางเอง แต่ว่าคนๆ นั้นจะต้องไม่ใช่ข้า และไม่ใช่ท่าน ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ใช่ทุกๆ คน”
ซินเหยาเอ่ย “ความคิดเยี่ยงนี้ของท่านมันช่างพิเศษแท้ ถ้าหากทุกคนบนโลกใบนี้มีความคิดอ่านเหมือนท่านกันหมดก็คงดี”
โอหยางซิงเฉินกล่าว “เอาล่ะ พอแล้ว กบของท่าน…ย่างเกรียมแล้ว”
ซินเหยาปราดมอง ก่อนกล่าวกลั้วหัวเราะ “กบของท่านไม่ใช่ว่าก็ย่างเกรียมแล้วเหมือนกันหรือ”
“ฮ่าๆ…”
ทั้งสองสบสายตาและระเบิดหัวเราะลั่น
ท่ามกลางความมืดมิด…
ดวงตาคู่หนึ่งแอบซ่อนอยู่ในความมืดมิดจากที่ไกลๆ เยือกเย็นและทะมึน ส่องประกายลำแสงแห่งริษยาและยะเยือกเอาแต่ใจ
“ผู้หญิงบ้าบิ่นผู้นี้”
“เฮอะ”
“ถึงกับย่างกบอยู่ในป่ารกกับผู้ชายคนอื่นยามดึกดื่นเยี่ยงนี้เชียว?”
“นี่มันช่างโรแมนติกและคลุมเครือเกินไปแล้วกระมัง”
“ทั้งยังพูดไปหัวเราะไป?”
“เฮอะ”
“ร้านจี้โม่?”
“วันพรุ่งข้าจะสั่งให้คนไปผนึกโรงเตี๊ยมนี้ของเจ้าเอง!”
ค่ำคืนอันเหน็บหนาวหฤโหด…ในที่สุดก็ผ่านพ้นไป
เมื่อทิศบูรพาผุดเผยแสงอรุณ ซินเหยารีบหนีไปก่อนเป็นอันดับแรก อาศัยวิชาตัวเบา มุ่งตรงไปยังเมืองหลวง
โอหยางซิงเฉินเหยียบกองเพลิงรำไรให้มอดลง รอจนกระทั่งหลังจากซินเหยาไปไกลลิบแล้ว ความแข็งกระด้างผุดพรายบนใบหน้าไร้พิษสง “เจ้ามองดูในความมืดมานานพอสมควรแล้วกระมัง ออกมาพบปะกันเสียหน่อยเถิด!”
ถูกค้นพบเข้าให้แล้ว?
ฮ่องเต้อำมหิตค่อนข้างประหลาดใจ เขารู้ว่าหญิงสาววรยุทธ์แกร่งกล้า ดังนั้นตอนที่สอดแนมในความมืดจึงซ่อนตัวอยู่ในที่ๆ ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
คิดไม่ถึงว่าจะถูกจับได้เสียแล้ว!
เขาเดินออกมาอย่างองอาจ…
เมื่อโอหยางซิงเฉินเห็นว่าเขาเป็นคนหนุ่มที่งดงามเคลือบแฝงรังสีอำมหิตคนหนึ่ง ก็ค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจ
“ท่านก็คือปรมาจารย์ลึกลับที่ขับไล่แม่ทัพทั้งสองบนชั้นสามของคืนนี้?”
“ใช่แล้วจะอย่างไร?”
“ท่าน…ท่านรู้จักซินเหยา?”
“ซินเหยา? ช่างเรียกได้อย่างสนิทชิดเชื้อเสียจริง!” ในน้ำคำของฮ่องเต้อำมหิตเปี่ยมด้วยความเสียดสี
โอหยางซิงเฉินหัวเราะเบาๆ “ดูท่าท่านกับซินเหยาคงจะไม่ได้รู้จักกันเฉยๆ ง่ายดายขนาดนี้กระมัง”
ในดวงเนตรของฮ่องเต้อำมหิตมีประกายยะเยือกพุ่งทะลุออกมา “ไอ้หนุ่ม! ถ้าหากเจ้ากล้าโกหกนางละก็ จะต้องตายอย่างน่าอเนจอนาถเป็นแน่!”
บนใบหน้าของโอหยางซิงเฉินผุดเผยแววแห่งความผ่อนปรนและปราดเปรื่อง ก่อนกล่าว “ท่านพูดมาขนาดนี้หมายความว่า ถ้าหากข้าน้อยไม่ได้เข้าใจผิดพลาดละก็ จงใจให้ข้าน้อยตามซินเหยาไป?”
ฮ่องเต้อำมหิตกล่าว “ถ้าเจ้าชอบนาง ก็ต้องดีกับนางตลอดกาลและตลอดไป ถ้าหากเจ้าไม่ชอบนาง ก็ออกห่างจากนางหน่อย อย่าได้เข้าใกล้นางเป็นอันขาด!”
โอหยางซิงเฉินกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “เป็นสหายธรรมดาๆ คนหนึ่งก็ไม่ได้เชียวหรือ”
ฮ่องเต้อำมหิตแค่นเสียงเย็น
โอหยางซิงเฉินกล่าว “ความแกร่งกล้าแห่งวรยุทธ์เจ้า ข้าน้อยคารวะในก้นบึ้งหัวใจจริงๆ ตอนที่อยู่ร้านจี้โม่ ข้าน้อยครุ่นคิดอยู่เรื่อยมา ใต้หล้านี้มีผู้ใดที่จะมีพลังอันน่ายำเกรงในระดับปรมาจารย์เยี่ยงนี้ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นคนหนุ่มเยี่ยงนี้ ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับซินเหยาคืออะไร ข้สามารถรับรู้ได้ถึงความกังวลและความรักบางประการที่มีต่อนางอย่างชัดเจน ไฉนท่านจึงไม่ไปปกป้องนาง ปฏิบัติกับนางให้ดีๆ ด้วยตัวเองกันเล่า?”
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า! อย่างไรก็ตามเจ้าจงจำไว้ ถ้าหากวันใดเจ้าทำร้ายนาง เจ้าจะต้องตายอย่างน่าสังเวช…”
ฮ่องเต้อำมหิตพูดพ่นประโยคอันไร้ความปรานี ทันใดนั้นก็ผละเรือนกายและออกไปราวกับสายฟ้าฟาด!
“เฮ้! พี่น้อง ข้ากับนางไม่ได้เป็นอะไรกันนะ! เมื่อครู่ก็เป็นเพียงแค่หิวและย่างกบด้วยกันเท่านั้นเอง ท่านอย่าได้เข้าใจผิดเชียว!”
โอหยางซิงเฉินร้องอธิบายเสียงดังลั่น ทว่าอีกฝ่ายกลับไปไกลลิบลับตั้งนานแล้ว
เสี่ยวป๋าน?
ครั้นซินเหยากลับถึงร้านพักป่ายเหอ ท้องฟ้าก็สว่างโร่แล้ว จู่ๆ นางก็ฉุกคิดขึ้นได้ เสี่ยวป๋านน่าจะตื่นแล้ว…
เสี่ยวป๋าน น่าจะไม่หายสาบสูญอีกครั้งกระมัง
ซินเหยากลับไปยังห้องของตนเอง เมื่อเปิดประตูก็เหลือบเห็นเสี่ยวป๋าน
มันนอนอย่างสงบอยู่บนเก้าอี้หวาย…
ขนได้เปลี่ยนกลับมาเป็นสีขาวตามเดิมแล้ว
มันน่าจะตื่นในอีกไม่ช้านี้
ซินเหยารู้ว่าขนของเสี่ยวป๋านเปลี่ยนจากสีแดงเพลิงระอุกลับมาเป็นสีขาวนวลตามเดิม นั่นก็คือหมุดหมายว่ามันกำลังจะฟื้นขึ้นมานั่นเอง
ครั้งนี้เสี่ยวป๋านจะมีความสามารถในการกลายพันธุ์อะไรอีก?
ซินเหยาหักโหมมาตลอดทั้งคืน ความแข็งแกร่งของกำลังภายในก็ค่อนข้างเมื่อยล้าแล้ว แต่ว่าในหัวใจก็กระหายใคร่รู้ในความสามารถพิสดารของเสี่ยวป๋านอย่างแท้จริง ดังนั้นจึงตัดสินใจอดกลั้นสักหน่อย ทำใจยังไม่ไปนอนในยามนี้
นางเรียกเด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อจัดเครื่องติ่มซำชุดใหญ่ เนื้อวัวเนื้อไก่ปรุงสุก แล้วก็ถั่วชนิดต่างๆ อาทิ อัลมอนด์ วอลนัทจำนวนมากอีกด้วย…
เจ้าเสี่ยวป๋านตัวนี้ ถ้าหากฟื้นขึ้นมาแล้วคงจะเบิกบานใจไม่น้อยเลยเชียว
ซินเหยารู้ว่าเสี่ยวป๋านไม่ได้สติมาสามสี่วัน และยังมีการกลายพันธุ์อันแปลดประหลาดเกิดขึ้นในร่างกายของมัน ดูเหมือนว่าไอ้หนุ่มจ้ำม้ำตัวนี้ไม่ได้กินดื่มมาหลายวันหลายคืนแล้ว พอตื่นขึ้นมาจะต้องทั้งเหนื่อยทั้งหิวเป็นแน่…
หลังจากที่ตระเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซินเหยาก็นั่งลงบนหัวเตียง ทอดมองเสี่ยวป๋าน…
เสี่ยวป๋านที่ดูเหมือนลูกหิมะกลมๆ ฟุบอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเขยื้อน ไม่ได้มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาเลยสักนิดเดียว
ซินเหยามองดู จู่ๆ ก็รู้สึกว่าดวงตาอ่อนล้ายิ่งนัก
เปลือกตาลืมไม่ขึ้นโดยไม่รู้ตัว
จากนั้น…ตัวนางเองก็ผล็อยหลับสู่ห้วงนิทราลึก
ไม่ช้า นางก็เข้าสู่ความฝันอันแปลกประหลาด
ในความฝันนั้น เสี่ยวป๋านกลายเป็นมนุษย์คนหนึ่ง…
ฟันคม หูยาว ปลายนิ้วทั้งแหลมและคม รูปร่างหล่อเหลาไม่ธรรมดา…
ดูค่อนข้างเหมือนกับลักษณะของอินุยาฉะ…
“เสี่ยวป๋าน เจ้าอย่าได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดเยี่ยงเด็ดขาดเชียว”
ในความฝันนั้นซินเหยาสะดุ้งโหยง พอตื่นขึ้นมาหน้าผากก็ระด้วยเหงื่อเย็นเต็มไปหมด
“เสี่ยวป๋าน…”
ครั้นซินเหยาเปิดเปลือกตา ก็มองเห็นเสี่ยวป๋านโลดเต้นร่างจ้ำม่ำนั่นไปมา ลอยอยู่เบื้องหน้าเตียงของนาง…
โชคดี!
โชคดี!
ยังคงเป็นเสี่ยวป๋าน…ที่น่ารักตุ้ยนุ้ยดังเดิม