นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 28
ตอนที่ 28 ตัวผู้หรือตัวเมีย
ซินเหยารู้สึกประหลาดใจ
ทำไมกำลังภายในถึงเพิ่มขึ้นมาขนาดนี้กัน
สงสัยว่า…
ซินเหยามองเสี่ยวป๋านที่ดูมีความสุขอยู่ข้างกาย นึกถึงเรื่องเมื่อคืนวานที่มันนำไข่มุกสีฟ้าประหลาดๆมาให้…
และเมื่อนางกลืนไข่มุกสีฟ้าลงไป ร่างของนางก็เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงอย่างน่าประหลาด..
เมื่อฟื้นขึ้นมา จุดดันเถียนในตัวของนางก็ถูกเปิดออก กำลังภายในถูกบรรจุจนเต็มเปี่ยม…
“ไข่มุกสีฟ้านั้นคือยาครอบจักรวาลเป็นแน่ เสี่ยวป๋าน เจ้าช่างแสนรู้นัก ถึงได้หาของขวัญที่ดีขนาดนี้มาให้แก่ข้า กำลังภายในถูกเติมเต็มเช่นนี้ เมื่อรวมกับกระบี่หลีฮัวที่ประณีตเล่มนี้ ภายหลังเจ้าและข้าย่อมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หลังจากนั้นค่อยตามหาชายรับใช้มาสองคน ข้าหนึ่งคน เจ้าหนึ่งคนนะ”
ซินเหยาลูบหัวของเสี่ยวป๋านไปมา
เพียงแค่ได้ยินคำว่าหนุ่มๆ…
ทันใดนั้นเสี่ยวป๋านก็แสยะยิ้ม และดีดดิ้นอย่างโมโห
ซินเหยาชะงักก่อนจะเอ่ยขึ้น “หือ ข้าลืมเรื่องเพศของเจ้าไปเสียสนิท เจ้าเป็นตัวผู้อย่างนั้นหรือ มานี่ มาให้นายเจ้าตรวจเสีย จะได้รู้เสียทีว่าเจ้าเป็นตัวผู้หรือตัวเมียกันแน่”
“จีจี”
เสี่ยวป๋านตกใจจนร้องลั่น แล้วรีบหนีไปอย่างไว
“ฮะฮะ ดูท่าจะเป็นตัวผู้ แถมขี้อายเสียด้วย ไว้ข้าจะหาสาวๆมาให้เจ้าแล้วกัน” ซินเหยาหัวเราะน้อยๆ
กำลังภายในพลุ่งพล่าน ทั่วร่างเต็มไปด้วยพลังที่ล้นปรี่ ราวกับสามารถจะบินขึ้นฟ้าได้
เช่นนั้น ลองทดสอบความแข็งแกร่งพลังภายในดูดีหรือไม่
ซินเหยาดึงดาบอ้านฉาวมาจากช่วงเอว นางถ่ายเทพลังเข้าไปในตัวดาบ ดาบบางแข็งขึ้นมาในทันใด เสียงดาบดังขึ้นในอากาศ แล้วระเบิดพลังออกมาอย่างร้ายกาจ
“จิตสังหารรุนแรงมาก” ซินเหยาเองยังสะดุ้งตกใจ
“คุณหนูเก้าเจ้าคะ คุณหนูเก้า นายท่านรองเรียกไปพบเจ้าค่ะ” ทันใดนั้นก็มีสาวใช้นางหนึ่งวิ่งมา ซินเหยาจึงรีบซ่อนพลังภายในทันที
สาวใช้ที่วิ่งมา นางชื่อป๋านหนิง ยามที่ซินเหยายังหลับใหล โจว๋หยุนถิงมักจะเรียกนางมาคอยรับใช้ ซินเหยาเองก็จำนางได้
“คุณหนูเก้า ในที่สุดก็ตามหาท่านพบ” ป๋านหนิงกล่าว
“หาข้าหรือ”
ซินเหยารู้สึกตกใจ นางอยู่ที่เรือนนี้เพียงลำพังอย่างเงียบๆ ไม่เคยมีใครผ่านมาไถ่ถามตลอดสามเดือนที่ผ่านมา นางยังคิดเลยว่าตัวเองคงถูกหลงลืมไปเสียแล้ว
“เจ้าค่ะ นายท่านรอง นายท่านรองเรียกคุณหนูไปพบเจ้าค่ะ”
“ไปที่ไหนอย่างนั้นหรือ”
“ศาลเจ้าตระกูลโจว๋เจ้าค่ะ”
“อือ”
ซินเหยาพยักหน้ารับ แล้วกล่าว “เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าชำระร่างแล้วจะรีบตามไป”
นางนิ่งเงียบเพื่อรอให้สาวใช้ป๋านหนิงจากไปเสียก่อน ในใจของนางเริ่มนึกถึงเรื่องราวที่ร้ายแรง
ศาลเจ้าตระกูลโจว๋อย่างนั้นหรือ
นั่นคือสถานที่คำนับบรรพบุรุษของตระกูลโจว๋ เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงการกราบไหว้บรรพบุรุษตระกูลโจว๋เท่านั้น ที่จะเชิญชวนทุกคนมารวมตัวกันที่ศาลเจ้าตระกูลโจว๋ และในช่วงเวลาปกติ หญิงสาวในตระกูลไม่สามารถเข้าไปศาลเจ้าได้ตามใจชอบ
หรือว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในตระกูลโจว๋กัน
น่าสงสัยว่าเรื่องนั้นจะเกี่ยวข้องกับตัวนาง
ซินเหยามั่นใจว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ๆ และในใจของนางสัมผัสได้ว่าเรื่องนั้นย่อมเกี่ยวข้องกับนางเป็นแน่…
นางวางถั่วไว้ให้เสี่ยวป๋านเล็กน้อย แล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า และซ่อนดาบอ้านฉาวไว้ในที่ลับตา แล้วจึงเดินออกมาจากบ้านรินน้ำเสี่ยวจู้ เพื่อไปยังศาลเจ้าตระกูลโจว๋
หน้าประตูศาลเจ้ามีกิเลนที่ทรงพลังสองตนคอยปกปักอยู่ บรรดาลูกหลานของตระกูลโจว๋ต่างทยอยกันเข้าไป
ซินเหยาเมื่อเห็นว่านายหญิงเซียวก็มาด้วยเช่นกัน จึงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “นายหญิง วันนี้มันวันอะไรหรือเจ้าคะ”
นายหญิงเซียวส่ายหน้า “ข้าเองก็ไม่รู้ วันนี้มิใช่วันคล้ายวันเกิดของนายท่าน และก็ไม่ใช่วันครบรอบไหว้บรรพบุรุษของตระกูลโจว๋ด้วยเช่นกัน ได้ยินว่านายท่านเป็นคนออกหน้ามาเชิญชวนลูกหลานให้มาที่ศาลเจ้าด้วยตัวเองเสียด้วย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน”
ซินเหยากล่าว “แม้แต่ท่านก็ไม่รู้หรือเจ้าคะ ว่าเรื่องอะไร”
นายหญิงเซียวกล่าว “ครั้งนี้ลูกหลานของตระกูลโจว๋ต่างก็มากันทั้งหมด แม้แต่เครือญาติและอนุภรรยาของตระกูลโจว๋ต่างก็ถูกเรียกให้มารวมตัวกัน ต้องเป็นเรื่องที่ใหญ่มากเป็นแน่”
ซินเหยากล่าว “นายหญิงไม่ได้รับข่าวใดใดเลยหรือเจ้าคะ”
นายหญิงเซียวส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าก็แค่อนุภรรยาเท่านั้น หรือเรียกให้ดีเสียหน่อยก็นางสนม เรียกน่าเกลียดหน่อยก็คนรับใช้ ข้าจะไปรับรู้เรื่องภายในได้เช่นไรกัน แต่ข้าเองก็อยู่ในจวนอ๋องโจว๋มานานหลายปี เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นความวุ่นวายเช่นนี้”
ซินเหยากล่าว “เคร่งเครียดมากเลยหรือเจ้าคะ”
นายหญิงเซียวนึกคิด ก่อนจะส่ายหน้า “คงไม่ร้ายแรงขนาดนั้นหรอก หากเกิดเรื่องร้ายแรงกับจวนอ๋องโจว๋จริงๆ ย่อมเป็นศูนย์รวมจิตใจของลูกหลานอย่างนายท่านที่จะเรียกรวมตัวคนในตระกูลโจว๋ได้ การที่เชิญหญิงสาว ชายหนุ่ม คนแก่ เด็กน้อยมารวมกันอย่างในคราวนี้ คงไม่ใช่เรื่องถึงร้ายแรงนาดนั้นหรอก แต่อาจจะเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อตระกูลโจว๋อย่างมากเป็นแน่”
ถึงแม้นายหญิงเซียวจะเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา แต่การคาดเดานั้นถือว่าสมเหตุสมผลทีเดียว
สัญชาตญาณของซินเหยาเริ่มชัดยิ่งขึ้น
นางและนายหญิงเซียวสองคนเดินเข้าไปในศาลเจ้า ก็เห็นว่าคนในศาลเจ้าได้มากันครบแล้ว ร่างใหญ่ร่างเล็ก ชายหนุ่ม หญิงสาว คนชรา เด็กน้อย ห้องที่หนึ่ง ห้องที่สอง ห้องที่สามและห้องที่สี่ตามเต็มไปด้วยผู้คน จนล้นทะลักเต็มทางเดิน
ท่ามกลางกลุ่มคน ใจกลางถูกละเว้นเป็นวงกลมไว้
ร่างกำยำของโจว๋เส้าฉียืนหยัดอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นซินเหยาและนายหญิงเซียวเดินเข้ามาพร้อมกัน สายตาก็พลันสั่นไหวขึ้นมา
โจว๋ปี้หลัวก็ยืนอยู่ตรงนั้นเช่นกัน ใบหน้าแสยะยิ้มเยาะเย้ย เมื่อเห็นซินเหยาเดินเข้ามา ความหยิ่งยโสและความละโมบทวีเพิ่มขึ้น
“คนน่าจะมากันครบแล้วกระมัง พี่รอง ท่านต้องการจะทำอะไรกันแน่” โจว๋เส้าหัวที่เป็นคนใจร้อนที่สุด เริ่มเปิดปากกระตุ้นก่อน
โจว๋เส้าฉีมองไปรอบๆ และกระแอมไอ “ผู้อาวุโส ท่านพ่อที่เคารพ พี่น้อง และหลายชายทุกคน บุคคลที่มารวมตัวกันในวันนี้ต่างก็คือลูกหลานของตระกูลโจว๋ แม้พวกเจ้าอาจจะไม่ได้ใช้นามกุลโจว๋ แต่พวกเราทุกคนต่างก็สามารถอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่ได้ ทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ ในวันนี้ มีเรื่องเกี่ยวกับตระกูลโจว๋จะมาแจ้ง เกี่ยวกับคนคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับพวกเราที่อยู่ ณ ที่นี้…”
สายตาของเขา เหลือบมองมาที่ซินเหยา
แย่แล้ว
ซินเหยาเดาได้ถูก ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนาง สัญชาตญาณของนางช่างเฉียบคมเหลือเกิน
โจว๋เส้าหัวกล่าว “พี่รอง นี่มันเรื่องอะไรกัน อย่ายืดเยื้ออีกเลย ทุกคนต่างก็มากันครบแล้ว รีบพูดเร็วๆเข้า”
นายท่านโจว๋จ้องเขา “หุบปาก”
เขาคือผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในตระกูลโจว๋ และยังเป็นบิดาเช่นกัน เขาย่อมเข้าใจลูกชายคนรองของเขา ปกติเป็นคนที่รอบคอบยิ่งนัก หากไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่มากๆ เขาย่อมไม่ตัดสินใจทำอะไรเช่นนี้แน่
เพียงนายท่านโจว๋เอ่ยปาก คนใจร้อนอย่างโจว๋เส้าหัวยังต้องรีบสงบคำ ผู้คนที่แอบกระซิบกระซาบอยู่ ก็เงียบลงทันตา เงียบจนน่าประหลาดใจ
ซินเหยารับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่อยู่ในอากาศ มือซ้ายของนาง ลอบลูบอ้านฉาวที่ซ่อนอยู่ตรงเอวอย่างแผ่วเบา…
“ซินเหยา เจ้าเข้ามา”
โจว๋เส้าฉีพูดน้ำเสียงที่โอนอ่อน พร้อมกวักมือเรียก
“เจ้าค่ะ”
ซินเหยาก้าวเท้าไปยังใจกลางนั้นอย่างระมัดระวัง
โจว๋เส้าฉีลูบผมของนางไปมา และตะโกนออกไปเสียงดัง “ณ ที่นี้ ทุกคนคือลูกหลานตระกูลโจว๋ จึงอยากให้พวกเจ้าได้รู้จักกับซินเหยา ลูกสาวของข้า เมื่อยี่สิบปีก่อน หรือพูดให้ชัดคือ ค่ำหนึ่งเมื่อสิบเก้าปีก่อน ลูกสาวคนเล็กของข้าโจว๋ปี้หรุง ตอนที่อายุได้เพียงหกเดือน เป็นเพียงแค่ทารกเท่านั้น แต่นางกลับถูกลักพาตัวไป และไม่มีคราวข่าวใดใดเลย…”
เขาบอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านมา ทุกคนต่างกำลังตั้งใจฟัง ผู้อาวุโสต่างรู้ถึงประวัติศาสตร์อันน่าโมโหและน่าอัปยศของตระกูลโจว๋เป็นอย่างดี แต่คนหนุ่มสาวกลับมีท่าทีให้สนใจกับเรื่องราวในอดีตนี้
โจว๋เส้าฉียังกล่าวต่อไป “ซินเหยาคือโจว๋ปี้หรุง ห้าเดือนก่อนหน้านี้ ลูกชายของข้าโจว๋หยุนถิงได้พบเด็กสาวผู้นี้ที่ข้างทางโดยบังเอิญ นั่นคือซินเหยา โจว๋หยุนถิงได้เป็นคนพาซินเหยากลับมายังจวนอ๋องโจว๋ ใช้เวลาพักผ่อนและรักษาตัวอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ตอนนี้ซินเหยาได้กลับมาแข็งแรงเช่นเดิมแล้ว และนางได้เข้ามาอยู่ที่จวนอ๋องโจว๋แห่งนี้ ในฐานะคุณหนูเก้าแห่งตระกูลโจว๋ ในฐานะโจว๋ปี้หรุงลูกสาวคนเล็กของข้า”
“พวกเจ้าย่อมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อนกันดีอยู่แล้ว และเป็นเพราะลูกชายของข้าโจว๋หยุนถิงได้ถูกขับไล่ออกจากจวนอ๋องโจว๋ไป จากเรื่องนั้นซินเหยาจึงได้เข้าไปอยู่ที่บ้านรินน้ำเสี่ยวจู้ พักอยู่ที่นั่นมาสามเดือนแล้ว และในวันนี้…”
โจว๋เส้าฉีหยุดลงทันควัน
เขาหลับตาลง นิ่งคิดด้วยท่าทีที่เคร่งคหรือมและจริงจังอยู่นาน แล้วจึงลืมตาและเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “พวกเจ้าทุกคนอาจจะแปลกใจ เหตุใดถึงไม่มีการสงสัยตัวตนของนางเลยทั้งๆที่หายตัวไปถึงสิบเก้าปี ผู้อาวุโสในที่นี้คงจะเข้าใจเป็นแน่ ใบหน้าของซินเหยาและฮูหยินหมิ่นหยีนั้นคล้ายคลึงกันนัก หากเคยพบเจอฮูหยินของข้า เมื่อได้เห็นหน้าซินเหยาย่อมไร้ข้อกังขาอย่างแน่นอน และ… เพื่อความถูกต้อง ซินเหยาคือลูกสาวของข้า และเป็นสายเลือดของตระกูลโจว๋ เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้แก่นาง ข้าจึงได้เชิญพวกเจ้ามาเป็นสักขีพยานที่สำคัญ”
ชะงักไปชั่วครู่ แล้วเขาก็เปิดปากกล่าวออกมาอีกหนึ่งประโยค “วันนี้ข้าจะใช้การทดสอบสายโลหิตเพื่อเป็นพิสูจน์ฐานะของซินเหยา”
“การทดสอบสายโลหิตหรือ”
“ที่เรียกพวกเรามารวมตัวกันเพื่อมาดูการทดสอบสายโลหิตคุณหนูเก้าอย่างนั้นหรือ นี่นับเป็นพิธีเคารพบรรพบุรุษหรือไม่”
“เจ้าโง่ นี่คือการพิสูจน์ข้อสงสัยเกี่ยวกับฐานะของคุณหนูซินเหยาต่างหาก ครั้งแรกที่นางมาเหยียบจวนแห่งนี้ก็สะเพร่ากันเกินไป ถึงแม้นางจะคล้ายคลึงกับนายหญิงหมิ่นอยู่สิบส่วน แต่ด้วยเวลาที่ผ่านไปนานขนาดนั้น เด็กคนนั้นตอนนี้จะเป็นจะตาย หรือเติบโตมาหน้าตาเป็นเช่นไร ใครหน้าไหนมันจะไปรู้กัน เพียงแค่มีเด็กสาวที่หน้าคล้ายคลึงกับนายหญิงหมิ่นโผล่มาแล้วนับว่าเป็นคุณหนูเก้า หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปก็ช่างมันเสียกระไร แต่ที่นี่คือจวนอ๋องโจว๋ จะมาสะเพร่าได้อย่างไรกัน”
“อาจจะไม่ใช่เพราะสงสัยก็ได้ การทดสอบสายโลหิตสามารถพิสูจน์ได้ว่าซินเหยานั้นคือคุณหนูเก้าแห่งตระกูลโจว๋ที่แท้จริง ภายหลังก็จะได้ไม่ต้องมานั่งฟังคำนินทาอยู่ บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็เป็นได้”
“เพิ่งจะมาจัดการทดสอบสายโลหิตกันตอนนี้หรือ มันน่าสงสัยเกินไปหรือไม่”
“ใช่ๆ หากต้องการตรวจสอบจริงๆ ทำไมถึงไม่จัดการทดสอบสายโลหิตกันมาก่อนหน้านี้ล่ะ มาจัดการทดสอบสายโลหิตกันตอนนี้ ต้องมีเหตุผลอื่นซ่อนอยู่เป็นแน่”
“เช่นนั้นนั่นคือคุณหนูเก้าตัวจริงหรือตัวปลอมกันเล่า”
“จริงหรือปลอม ปลอมหรือจริง จบการทดสอบสายโลหิตก็จะได้รู้กันแล้วมิใช่หรือ”
เพียงแค่ได้ยินว่าการทดสอบสายโลหิต กลุ่มคนก็ลุกฮือขึ้นมาทันที
แย่แล้ว
ใบหน้าของซินเหยาแข็งกร้าว
ต้องเป็นนางมารโจว๋ปี้หลัวที่คอยอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นแน่