นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 31
ตอนที่ 31คุณหนูเก้าที่แท้จริง(2)
นางไม่เข้าใจ ซินเหยาใช้กลโกงวิธีใดกัน
“เจ้าหก”
ทันใดนั้น เสียงแหบแห้งที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นที่ข้างหลัง
โจว๋ปี้หลัวหันหลังกลับไปมอง คนในศาลเจ้าต่างจากไปจนหมดแล้ว เหลือเพียงนางและนายท่านโจว๋สองคนเท่านั้น
“ท่านปู่ ท่านต้องเชื่อข้านะเจ้าคะ นางเป็นตัวปลอม นางต้องเป็นตัวปลอมแน่ๆ”
“เจ้าหก เจ้าช่างจิตใจคับแคบนัก แต่ปู่รู้ดีว่าเจ้าคงไม่กล้าพูดปด”
“ท่านปู่ ท่านเชื่อข้าหรือไม่เจ้าคะ”
โจว๋ปี้หลัวตื่นตระหนกอย่างแปลกประหลาด หากท่านปู่เชื่อนาง นั่นย่อมดีที่สุด
บุคคลที่มีอำนาจที่สุดในตระกูลโจว๋ ก็คือนายท่านโจว๋ แค่เขากระทืบเท้า คนทั้งจวนอ๋องโจว๋ต่างก็พร้อมจะเคลื่อนกำลังทันที
“ข้าไม่เชื่อเจ้า ข้าเชื่อในหลักฐานเท่านั้น และมันก็ได้รับการพิสูจน์แล้ว การทดสอบสายโลหิตย่อมไม่มีทางผิดพลาด”
“ไม่มีทาง ท่านปู่ นางโกง นางต้องโกงเป็นแน่”
“โกงด้วยวิธีใดกันล่ะ”
“ข้าเองก็ไม่รู้ ข้าไม่รู้ว่านางโกงอย่างไร แต่ข้ามั่นใจว่านางจะต้องใช้กลโกงเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นเลือดของนางกับท่านพ่อจะหลอมรวมกันได้เช่นไรกัน เพียงแค่ข้ายังไม่เข้าใจเท่านั้นว่านางโกงได้อย่างไร หากเป็นตอนที่นางไปโรงครัว ตอนนั้นข้าเองก็ตามติดนางไม่หากเลยด้วยซ้ำ”
“โรงครัวหรือ นางไปโรงครัวเพื่อกระทำอันใดกันล่ะ”
“ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ทำอะไรเลยเจ้าค่ะ ทำเพียงโจ๊กถ้วยหนึ่งเท่านั้น และดื่มน้ำเพียงสองอึก”
โจว๋ปี้หลัวนึกคิดโดยถี่ถ้วน แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ไม่รู้ว่าซินเหยาแท้จริงแล้วใช้กลโกงวิธีใดกันแน่
ตั้งแต่ซินเหยามาอยู่ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ นางก็ไม่เคยออกไปข้างนอกแม้แต่ก้าว แล้วนางก็ไปหาโอกาสในการสร้างกลโกงได้อย่างไรกัน
“เจ้าหก ปล่อยวางแล้วยอมรับเสีย บางทีนางอาจจะเป็นน้องของเจ้าอย่างแท้จริง” นายท่านโจว๋กล่าว
“ไม่มีทาง นางเป็นของปลอม นางต้องเป็นของปลอมแน่ๆ ท่านปู่ ท่านต้องเชื่อข้า ข้าจะไปหาหลักฐานมายืนยันให้ได้ ว่าแท้จริงแล้วนางคือของปลอม” โจว๋ปี้หลัวกล่าวอย่างตื่นตระหนก
ยามที่ทรราชมาถึงจวนอ๋องโจว๋ การทดสอบสายโลหิตก็ได้จบไปเสียแล้ว
ช้าไปเพียงก้าว…
ทรราชเกือบจะได้พบกับนางสวรรค์ในฝันแล้ว
ห้าเดือนก่อนหน้านี้ นางปรากฏตัวที่วังหลวง และได้หายตัวไปอย่างลึกลับ…
ห้าเดือนต่อมา ทรราชหมดความสนใจต่อนางสนมในวังหลวง ราวกับจิตวิญญาณของเขาได้ถูกนางสวรรค์ผู้นั้นขโมยไปเสียแล้ว…
หากเขาเข้ามาจวนอ๋องโจว๋เร็วกว่านี้สักครึ่งชั่วยาม ก็จะได้พบกับซินเหยาแล้ว…
“พวกเจ้าเป็นใครกัน ใช่คนของตระกูลโจว๋หรือไม่”
คุณชายที่สามโจว๋เส้าหัวที่เพิ่งเดินออกมาจากศาลเจ้า เมื่อเห็นคนน่าสงสัยหน้าจวนอ๋องโจว๋ จึงปรี่เข้าไปขวางทันที
“คุณชายโจว๋ที่สาม โปรดหยุดเท้าด้วย”
หัวหน้าเฉิงเสี้ยงถางเปิ่นรู้จักกับคุณชายสาม จึงก้าวออกไปเพื่อหยุดเขา
โจว๋เส้าหัวเมื่อเห็นหัวหน้าเฉิงเสี้ยงถางเปิ่นแห่งราชวงศ์ส้งอย่างถางเปิ่นขุย,จึงเอ่ยด้วยความระแวง “หรือ เจ้าไม่อยู่ที่บ้านของตัวเองหรือกระไร มาที่จวนอ๋องโจว๋ของพวกข้ามีเหตุอันใดกัน แล้วยังสวมชุดเช่นนี้ มาสอดแนมจวนอ๋องโจว๋หรือ”
ถางเปิ่นขุยกล่าวอย่างดูหมิ่น “หากต้องการจะสอดแนมย่อมต้องตอนค่ำ หรือว่าจวนอ๋องโจว๋มีอะไรดีให้สอดแนมกัน มีความลับที่ไม่อาจบอกผู้อื่นได้อยู่อย่างนั้นหรือ”
โจว๋เส้าหัวบันดาลโทสะ “ไอ้เฒ่า ระวังปากของเจ้าไว้ด้วย ท่านพ่อและพวกท่านพี่ของข้าอยู่รวมกันที่นี่ เห็นแก่ที่ตระกูลโจว๋และกองกำลังถางเปิ่นต่างมีความคิดต่อราชวงศ์เป็นหนึ่งเดียว จึงยังไม่อยากจะให้แตกหักนัก ตอนนี้ข้ายังขอทนกองกำลังถางเปิ่นของเจ้าไปก่อน แต่ข้าคุณชายโจว๋ที่สามไม่กลัวใครทั้งนั้น ข้าเองก็เป็นคนโฉด ตอนเด็กข้ายังเคยเข้าวังหลวงแข่งฉี่กับลูกฮ่องเต้เหลือขอนั่นเลย เจ้าอย่าทำให้ข้าหมดความอดทน มิฉะนั้น…”
“มิเช่นนั้นจะทำไม”
ทรราชก้าวออกมาจากกลุ่มคน
โจว๋เส้าหัวกล่าว “เจ้าเป็นใครกัน ถึงได้กล้ามาเหยียบถึงจวนอ๋องโจว๋แห่งนี้กัน”
ทรราชกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “จวนอ๋องโจว๋แห่งนี้แม้แต่ข้าผู้นี้ก็มาเหยียบไม่ได้อย่างนั้นหรือ”
“ข้าผู้นี้หรือ”
ถึงแม้โจว๋เส้าหัวจะเป็นคนสมองช้า แต่ไม่ใช่คนโง่ เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยเสียแล้ว…
ทรราชกล่าวขึ้นอย่างถือดี “คุณชายโจว๋ที่สามเบิกตาของเจ้าให้กว้างแล้วมองให้ดีๆ ว่าตัวข้าผู้นี้คือใครกัน”
โจว๋เส้าหัวเมื่อเห็นใบหน้าคมเข้มที่หล่อเหลาในความมืด ดวงตาพลันกระจ่างวูบ ถึงแม้โตขึ้นมาหน้าตาอาจจะแปรเปลี่ยนไปบ้าง แต่เค้าโครงในยามอ่อนเยาว์นั้นก็ยังคงอยู่…
“ฮ่อง… ฮ่องเต้” โจว๋เส้าหัวตัวสั่งงันงก
ทรราชกล่าวเสียงเย็น “ฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ เหตุใดจึงไม่เรียกลูกฮ่องเหลือขอเช่นเมื่อครู่เล่า”
โจว๋เส้าหัวคุกเข่าคำนับทันควัน “หม่อมฉันมิบังอาจ เมื่อครู่หม่อมฉันได้กระทำผิดไป ขอฮ่องเต้ทรงประทานอภัยแก่หม่อมฉันด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
บุคคลไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเยี่ยงเขา ยังตื่นกลัวจนเหงื่อท่วมกาย
ความโหดร้ายของทรราชผู้นี้ต่างเป็นที่เลื่องลือ
แค่ไปขัดหูขัดตาก็โชคร้ายมากแล้ว อย่าได้กล่าวถึงการด่าทอต่อหน้าพระพักตร์เลย แค่ดูหมิ่นพระองค์เพียงเล็กน้อย หัวก็อาจตกไปอยู่ที่พื้นได้
มู่หรุงฉู่ถูกขนานนามว่าเป็นกษัตริย์ที่เหี้ยมโหดที่สุดในประวัติศาสตร์สามร้อยปีที่ผ่านมาของราชวงศ์ส้ง
ที่น่ากลัวยิ่งนักคือ พระองค์ทรงโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี กระบวนการปกครองของพระองค์ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ทุกฝ่ายต่างต้องยอมจำนนให้แก่เขาโดยไม่กล้าแม้แต่จะขัดขืน
“ลุกขึ้น แล้วพาข้าไปหาบิดาเจ้าได้แล้ว”
ในใจของทรราชมีจิตสังหารพาดผ่าน แต่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ที่นี่คือจวนอ๋องโจว๋ หากพลั้งมือสังหารคุณชายสามของตระกูลโจว๋ด้วยเรื่องเล็กน้อย น่ากลัวว่าคนของจวนอ๋องโจว๋คงจะไม่ปล่อยผ่านกันไปง่ายๆ
ครึ่งแผ่นดินนี้เป็นจวนอ๋องโจว๋ที่ยึดครองมา ทรราชจึงไม่อาจดูเบาจวนอ๋องโจว๋ได้
“พ่ะย่ะค่ะ พ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยฮ่องเต้ที่เมตตา”