นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 348
บทที่ 348 ต้องทำให้ได้1
“ขอรับดังนั้นจึงมิได้มาหากุ้ยเฟยเลยในครึ่งเดือนนี้ วันนี้หลังจากที่ฮ่องเต้เลิกงานตอนเช้าก็สั่งให้ข้าน้อยมาเชิญโจว๋กุ้ยเฟยให้ไปเสวยอาหารเที่ยงด้วยกัน”
เขาใช้คำได้อย่างดี
ไม่ใช้คำว่า “ราชโองการ”
แต่ใช้คำว่า “เชิญ”
คิดว่าฮ่องเต้อำมหิตคงสั่งเอาไว้ ว่าไม่ให้บังคับซินเหยา
แค่มาทดสอบนาง หากนางคัดค้านก็ช่างมัน
นี่ก็คงเป็นเหตุผลที่ฮ่องเต้ไม่มาด้วยตนเอง
อยู่ในวังถ้าหากถูกสนมเล็กๆปฏิเสธ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ซินเหยายิ้ม “กงกง เจ้ากลับไปบอกฮ่องเต้ว่าข้ากำลังยุ่งอยู่ไม่มีเวลาไปกินข้าวเป็นเพื่อนเขาหรอก”
ที่จริงซินเหยาเบื่อ
ฮ่องเต้อำมหิตเป็นคนยังไงนางรู้ดีที่สุด
ของที่เขาอยากได้เขาต้องได้
ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนเขาต้องเอามาให้ได้
และเขาเองก็ไม่เคยยอมให้ใครมาคัดค้านเขา
ทำไมตอนนี้ ถึงได้เปลี่ยนไปเยอะขนาดนี้
นี่มันก็แปลกๆอยู่นะ
หรือว่าเพราะว่าเด็กในท้อง
หลี่เหลียงคางพูดขึ้นด้วยความอึดอัดว่า “พระสนมได้โปรดฟังกระหม่อมหน่อยได้ไหมขอรับ”
ซินเหยาพูด “เจ้าพูดมาสิ แต่เร็วหน่อยนะข้ากำลังยุ่งอยู่”
เมื่อครั้งก่อนหลี่เหลียงคางเกือบโดนซินเหยาทำโทษ ตอนนี้จึงได้มีความรู้สึกกลัวซินเหยา
และฮ่องเต้เองก็ยังยอมและกลัวซฺนเหยา
หลี่เหลียงคางจงรักภักดีต่อฮ่องเต้อำมหิต
ถึงแม้เขาจะสงสัยในตัวซินเหยา
แต่เขารู้ว่าฮ่องเต้รักซินเหยา
เพราะแบบนี้เขาจึงอยากให้ซินเหยาดีกับฮ่องเต้หน่อย
ที่ไหนเลยจะมีเวลาไปคิดเรื่องเล็กน้อยพวกนั้น
“พระสนมที่จริงแล้วหลายวันมานี้ ฮ่องเต้จัดการเรื่องจวนอ๋องโจว๋และตระกูลถางเปิ่นข้าน้อยคิดว่าพระสนมจะต้องสนใจอยากฟังฮ่องเต้พูดว่าเขาจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร”
เจ้าขันทีแก่นี่ ฉลาดจริงๆ
รู้ว่าซอนเหยาจะต้องสนใจเรื่องจวนอ๋องโจว๋แน่ เลยเอาเรื่องนี้มาพูด
ซินเหยาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “ก็ได้ งั้นเจ้าก็พาข้าไปเถอะ”
หลี่เหลียงคางพูดด้วยความยินดีว่า “ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง พระสนมเชิญ”
โจว๋ชิงหยีรีบเข้ามาห้าม “เสี้ยมเม้ย เจ้า…เจ้าจะไปจริงๆหรือ”
ซินเหยาพูด “พี่หญิงสี่ ไม่ต้องเป็นห่วง เจ้ากับนายหญิงเซียวอยู่ที่ตำหนักชิงหย่ารออย่าให้ใครมาก่อความวุ่นวายในขณะที่ข้าไม่อยู่ ข้าจะรีบไปรีบกลับ”
นายหญิงเซียวเป็นคนที่มีประสบการณ์เยอะจึงได้พูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้แค่เรียกให้ไปเข้าเฝ้า ก็ให้นางไปเถอะ ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ลูกของฮ่องเต้อยู่คงไม่มีอันตรายอะไรหรอก”
โจว๋ชิงหยีพอคิดแบบนี้ มันก็มีเหตุผลจึงได้ไม่พูดอะไรต่อ
ตำหนักชิงของฮ่องเต้อำมหิตเหมือนว่าจะมีการซ่อมใหม่
ไม่ได้หรูหราและสวยงามเหมือนแต่ก่อน
แต่ก็ดูแปลกตาไปและมีความคงแบบเก่า
ซินเหยาเห็นฮ่องเต้อำมหิตสั่งให้นางในยกอาหารมากมายจึงได้ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คิดไม่ถึงว่าตอนนี้รสนิยมของท่านจะดีขึ้นเยอะ”
ฮ่องเต้อำมหิตเห็นซินเหยา ก็ยิ้มขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว “ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่มาเสียแล้ว”
“ไม่มา งั้นท่านเตรียมอาหารเยอะขนาดนี้ทำไมกันล่ะ”
“ก็…..”
“ท่านรู้อยู่แล้วว่าข้าจะต้องสนใจเรื่องของจวนอ๋องโจว๋ ดังนั้นจึงได้ให้ข้ามาพบท่าน ก็ไม่ต้องแกล้งแสดงแล้ว”
ซินเหยาพูดแบบไม่อ้อมค้อม
ฮ่องเต้อำมหิตสะดุ้งแล้วโบกมือส่งสายตาที่เย็นชาน่ากลัวไปที่พวกนางในขันทีให้ออกไป
หลี่เหลียงคางคือคนที่ออกไปคนสุดท้ายพร้อมกับปิดประตู
ฮ่องเต้อำมหิตพูด “ครึ่งเดือนมานี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ซินเหยาพูด “อยู่ในวังจะให้เป็นอย่างไรล่ะ”
“ได้ยินว่าช่วงนี้เจ้าทำอะไรแปลกๆ”
“ใช่”
“ทำไมในหัวของเจ้าถึงมีแต่เรื่องที่ไม่เหมือนชาวบ้านเขานะ”
“จะโทษข้าก็ไม่ได้นะ เจ้าส่งคนมาแอบดูสืบข่าววังหลังก็น่าจะรู้ว่าไทเฮาคืนคนที่บังคับให้ข้าทำแบบนี้”
“ไทเฮาชอบบังคับคนอื่นเป็นเรื่องจริง เจ้าตั้งครรภ์อยู่ นางยังกล้ามาหาเรื่องเจ้าอีกหรือ”
สีหน้าของฮ่องเต้อำมหิตดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
ซินเหยาถามขึ้นด้วยความแปลกใจว่า “ท่านกับไทเฮาไม่ได้อยู่ข้างเดียวกันหรือ”
ฮ่องเต้อำมหิตยิ้มมุมปากแล้วพูดขึ้นว่า “นางไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิดข้าจะมายืนอยู่ข้างเดียวกับข้าได้อย่างไร”
ซินเหยาพยักหน้าอย่างสลดใจ แล้วก็คิดว่าฮ่องเต้เองก็น่าสงสารเหมือนกัน
ช่างเป็นคนที่โดดเดี่ยวเสียจริง
ขนาดไทเฮายังไม่อยู่ข้างเดียวกับเขา
คนทุกคนในใต้หล้าล้วนหาวิธีคิดจะแย่งตำแหน่งของเขา
อำนาจของราชวงศ์นั้นอ่อนแอยิ่งนัก
ไม่มีทางสู้สามตระกูลใหญ่ได้แน่
แบบนี้เขาก็ต้องพึ่งแค่ตนเอง ปกป้องตำแหน่งของเขาและกำจัดสามตระกูลใหญ่
ถึงแม้ซินเหยาจะโกรธแค้นเขา
แต่ นางเองก็เข้าใจเขาในบางเรื่องเช่นกัน
ฮ่องเต้อำมหิตพูดขึ้นด้วยความโกรธ “ไทเฮาเข้าวังมาหลายสิบปี แต่นางก็ยังคงนึกถึงแต่ตระกูลป๋าย ข้าแค่ไม่มีหลักฐาน รอให้ข้าหาหลักฐานที่นางคิดวางแผนเอาไว้ได้ หื่ม”
ซินเหยาพูดขึ้นด้วยความตกใจ “ท่านจะจัดการกับตระกูลป๋ายยังไง”
สามตระกูลใหญ่มีสองตระกูลที่ถูกกำจัดไปแล้ว
ฮ่องเต้อำมหิตคิดจะปกป้องตำแหน่งของตน
ตระกูลต่อไปแน่นอนว่าต้องเป็นตระกูลป๋าย
แต่ซินเหยาคิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้อำมหิตจะรีบร้อนขนาดนี้
อำนาจของตระกูลป๋ายเทียบไม่ได้กับตระกูลถางเปิ่นและจวนอ๋องโจว๋
เงินทองก็สู้ตระกูลถางเปิ่นไม่ได้
ทหารก็สู้จวนอ๋องโจว๋ไม่ได้
แต่ตระกูลป๋ายนั้นอยู่ไกลไปทางเจียงหนาน