นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 377
บทที่ 377 ความลับ2
โหลเสี่ยวพูดสมทบขึ้นมาอีกว่า “เขาพูดไม่ได้สักหน่อย!ครึ่งเดือนมานี้ พวกเราถามเขาอย่างน้อยแทบพันครั้งได้ เขาไม่เคยตอบอะไรพวกเราเลยแม้แต่น้อย!ถึงเจ้าจะถามไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”ส้งชิงเห็นด้วย ตอนนี้เขาผอมแห้งจนหนังติดกระดูก ขืนเขาเป็นอย่างนี้ต่อไป ต้องหิวตายเป็นแน่!
หลัวเสี่ยงหู่พูด “พวกเราสองคนต้องตายก่อนเขาน่ะสิ!”
“เห้อ!”
ส้งชิงก็ได้แต่ถอนหายใจ!ช่างจนปัญญานัก!
หลัวเสี่ยงหู่ถามขึ้นมากะทันหัน “หัวหน้า! ท่านว่า ในโลกนี้มีคนกลุ้มใจตายไหมท่าน?”
ส้งชิงส่ายหน้า “ไม่น่ามีหรอกมั้ง!”
หลัวเสี่ยงหู่พูดขึ้นอย่างน่าสนใจ “ถ้าอย่างนั้นพวกเราน่าจะเป็นคนแรกที่กลุ้มใจตายมั้งท่าน!”
ส้งชิงมองเขาด้วยสายตาตำหนิ “เวลาอย่างนี้ เจ้ายังมีอารมณ์มาหัวเราะอีกนะ?”
หลัวเสี่ยงหู่พูด “ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ! ขืนเสี่ยวไป๋ยังเป็นอย่างนี้ต่อไป หากเขาไม่อดอาหารตาย ก็ต้องเป็นพวกเราสองคนที่กลุ้มใจตาย!”
ส้งชิงพูดบ้างว่า “เหตุใด……เสี่ยวไป๋ถึงไม่กินไม่ดื่มกันนะ?”
หลัวเสี่ยงหู่พูดขึ้น “หรือเขากำลังคิดถึงอาจารย์รูปงามกันนะ ?”
ส้งชิงพูด “หากเขาคิดถึงอาจารย์จริงๆ ก็ต้องกินอะไรสักนิดหน่อยก็ยังดี กินให้ตัวเองอุดมสมบูรณ์เพื่อรออาจารย์กลับมา! ถ้าไม่อย่างนั้น เขาจะออกไปตามหาอาจารย์เองก็ได้! ดีกว่าต้องมาหลบอยู่มุมห้องแล้วไม่ดื่มไม่กินอย่างนี้?ข้าจะอกแตกตายอยู่แล้ว!”
ทันให้นั้นหลัวเสี่ยงหู่ก็มองไปที่ศีรษะของเสี่ยวป๋านตบบ่าส้งชิงเบาๆ “หัวหน้า!หัวหน้า! ข้าน่าจะรู้สาเหตุที่ไม่กินไม่ดื่มแล้ว! ท่านดูบนหัวของเสี่ยวป๋านบนหัวของเขามีของประหลาดนี่โผล่ออกมาจากหัวเมื่อไหร่กัน?”
บนหัวของเสี่ยวป๋านเขาสีดำที่งอกขึ้นมา เหมือน “ยอดดอกบัวตูมที่กำลังแตกหน่อพ้นผิวน้ำขึ้นมา”ก็ไม่ปาน โผล่ออกเป็นแนวตั้งตรง
“เขางอกขึ้นมาจริงๆด้วย?”
ส้งชิงรีบกรูเข้าไปดูใกล้ๆ พูดขึ้นอย่างตกใจ
เขาเล็กแหลมสองอัน จากขนสีขาวนุ่มกลายมาเป็นแบบนี้ รู้ได้เลยว่า
หลัวเสี่ยงหู่เบิกตาโพลง พูด “มัน……มันงอกขึ้นมาเร็วมาก! พึ่งครึ่งเดือนเอง งอกขึ้นมายาวขนาดนี้เชียวหรือ!”
ส้งชิงพยักหน้าเร็ว“ก่อนที่อาจารย์จะไป ยังไม่มีโผล่ออกมาให้เห็นเลย มีงอกออกมาเพียงเล็กน้อย เหมือนจะเป็นแค่รอยตุ่มยุงกัด คิดไม่ถึงว่าผ่านไปแค่แป๊บเดียว เขาของเสี่ยวไป๋ก็งอกขึ้นมายาวขนาดนี้แล้ว!”
หลัวเสี่ยงหู่พูด“หัวหน้า ท่านว่าเป็นเพราะเขาที่งอกขึ้นมาไหม ทำให้เสี่ยวไป๋ไม่กินอะไร?”
ส้งชิงจึงถามต่อ “เขาที่งอกขึ้นมาเรื่องที่เขาไม่กินไม่ดื่มมันเกี่ยวอะไรกัน?”
โหลเซี่ยวหูจึงพูดต่อว่า “ข้าก็ไม่รู้! แต่ว่า……พวกเราก็หาเหตุผลอื่นไม่ได้แล้วนินา! หรือว่าเสี่ยวไป๋จะเป็นปีศาจ! ปีศาจมักมีสิ่งที่แปลกประหลาดจากคนทั่วๆไปอยู่แล้ว ไม่แน่อาจจะเป็นเพราะขาวที่งอกมาทำให้เขาไม่ยอมกินอะไรก็เป็นได้!”
ส้งชิงค้อนไปที่เขาหนึ่งที “เจ้าอย่าพูดอะไรส่งเดช! ปีศาจ? นั่นมันเป็นแค่นิทานหลอกเด็ก! ดูยังไงเสี่ยวไป๋ก็ไม่เหมือนปีศาจ แล้วอีกอย่าง มีปีศาจที่ตัวเล็กขนาดนี้หรอ?”
หลัวเสี่ยงหู่พูด “เจ้าไม่ได้ยินคนที่อยู่ในเหตุการณ์พูดหรอเหรอ?ในคืนวันนั้น ร่างกายของเสี่ยวไป๋เปลี่ยนเป็นแข็งแรงขึ้นกะทันหัน เหมือนสิงโตตัวหนึ่งไม่มีผิด บนร่างยังมีเพลิงไฟโหมกระหน่ำทั่วร่าง!”
ส้งชิงพูด “ไม่รู้ว่าใช่เรื่องจริงรึเปล่า ไม่แน่คนที่อยู่ในเหตุการณ์อาจจะล้อพวกเราเล่นก็ได้! เสี่ยวไป๋ตัวเล็กนิดเดียว จะตัวโตเหมือนราชสีห์ได้อย่างไร?”
หลัวเสี่ยงหู่พูด “หัวหน้า ท่านค่อยๆนั่งคิดคนเดียวเถอะ! วันนี้ข้าจะพาพวกสมุนไปร่ายดาบสักหน่อย!”
“เจ้าจะไปคนเดียวหรือ?”
“ขอเพียงแค่กำจัดพวกมีดบินให้สิ้นซาก ทั้งเฉิงเป่ยก็จะเป็นของพวกเรา!”
ส้งชิงพูด “ต่อกรกับพวกมีดบินไม่ได้ง่ายขนาดนั้น! เจ้าไปคนเดียวข้าไม่ไว้ใจ! ให้ข้าไปกับเจ้าดีกว่า!”
“แล้วเสี่ยวไป๋จะอยู่กับใครล่ะ?”
“กลับมาค่อยว่ากัน! ถ้าไม่ได้จริงๆ พรุ่งนี้เรียกพี่สาวข้ามาช่วยดูแลเสี่ยวไป๋แล้วกัน!”
“ก็ได้แต่ตามนี้แหละ!”
ส้งชิงกับหลัวเสี่ยงหู่่หมุนตัวออกจากห้องไป……
แววตาเศร้าโศกของเสี่ยวป๋าน ทันใดนั้นก็มีแสงอันเย็นยะเยือกเป็นประกายฉายออกมาจากดวงตา……
“อะไรนะ?”
“หาคนไม่เจอ?”
“อะไรคือคนไม่เจอ?”
“หาคนเป็นไม่เจอ แล้วศพล่ะ?”
“ถึงจะเผาจนไหม้เกรียมแล้ว?”
“ก็น่าจะมีซาศพสิ?”
“ถ้าคนยังไม่ตายก็น่าจะหาเจอคน! ถ้าคนตายก็ต้องหาศพเจอสิ!”
“เร็วเข้า! สั่งหาทหารทุกนาย รีมปูพรมหาเดี๋ยวนี้! ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ข้าต้องได้พบโจว๋กุ้ยเฟย!”
หลังจากที่พระตำหนักซูหนิงถูกเผาจนเป็นเถ้าทุลี กำแพงถูกจนผุพัง รอบบริเวณมีแต่กลิ่นถูกไฟเผาไหม้
แต่ว่า……
ทหารและขันที ค้นหาร่างคนท่ามกลางซากที่เผาไหม้อยู่นาน แต่กลับไม่พบร่างของไทเฮากับโจว๋กุ้ยเฟยเลย!
นี่มันน่าสงสัยเป็นที่สุด?
ถึงจะถูกเผาจนไหม้เกรียม คนตายก็ต้องพบศพสิ!
ฮ่องเต้สั่งการให้ทุกคนช่วยกันตามหา……
โจว๋ชิงหยีและนายหญิงเซียวที่อยู่ข้างกาย ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนฟังไม่ได้ศัพท์!
ตามคำบอกเล่าของนางกำนัลที่รอดชีวิตออกมาได้ โจว๋กุ้ยเฟยเคยมาพระตำหนักซูหนิงจริงๆ
ยังถูกไทเฮาจับตัวไปลงโทษ
หลังจากนั้น ……
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พระตำหนักซูหนิงก็ไฟโหมโรงจนมอดไหม้
ไทเฮากับโจว๋กุ้ยเฟย ก็หายตัวไป!
“หลีเหลียนคัง! ไปตามคนมาให้ข้า นำศพที่หาเจอยกออกมาให้หมด ยกเอามาไว้ข้างหน้าข้า! ข้า จะตรวจสอบแต่ละศพด้วยตัวเองอย่างละเอียด!”
หลีเหลียนคังพูดขึ้นอย่างลังเล “ฮ่องเต้! นี่มัน……นี่……”
ฮ่องเต้พูด “เจ้ายังนิ่งอยู่ทำไม?ทำไมยังไม่รีบไปอีก!”
หลีเหลียนคังพูดขึ้น “ฮ่องเต้! ศพที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมพวกนี้ น่าเวทนาจนเกินจะมองได้ เกรงว่าจะทำให้ท่านมัวมอง”
ฮ่องเต้จึงตะโกนพร้อมพูด “นี่มันแค่ร่างไร้วิญญาณ! กลัวอะไร?หลังจากที่ดับไฟได้ แม้แต่ส่วนสำคัญของก็ยังไม่ถูกเผาจนหมด ข้าไม่เชื่อ คนๆหนึ่งจะสามารถถูกเผาจนมอดไหม้ เผาไม่เหลือแม้แต่เถ้ากระดูก”
“ขอรับ!ฮ่องเต้!”
หลีเหลียนคังรู้ดีว่าห้องเต้ตัดสินใจแน่วแน่ ไม่สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจเขาได้
ขครั้นแล้วก็ เขาเดินไปข้างหน้าไปสั่งทหารและขันทีคนหาร่างที่เหลือท่ามกลางความมืดและเศษซากที่ถูกเผาไหม้……
เพราะฉะนั้นร่างที่ถูกไหม้ ถูกนำมาวางไว้เบื้องหน้าของฮ่องเต้ทีละศพ……