นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 429
บทที่ 429 แปลกมาก2
สีหน้าหงจู๋ดูลำบากใจ แล้วพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวถึงแล้วก็จะรู้เอง”
“ถึงแล้ว”
“ถึงที่ไหน”
“ที่ที่พวกเราแอบนัดพบกันไม่เคยมีที่แบบนี้”
“ข้ามั่นใจว่าข้าไม่เคยมาที่นี่”
เจี้ยนหารยีเหมือนจะไม่ค่อยพอใจนัก
หงจู๋เดินนำหน้าไม่ได้ตอบอะไรเขาเลย
เจี้ยนหารยีเองก็ไม่ได้ถามอะไรต่ออีก
เขาไม่ชอบพูดมาก ในเมื่อถามแล้วไม่ตอบงั้นก็ไม่ถามแล้ว
เขารู้หงจู่จะไม่ทำร้ายเขาแน่นอน
แค่นี้ก็พอแล้ว
“ถึงแล้ว”
ในที่สุดหงจู๋ก็หยุดเดิน
ในทุ่งแห่งหนึ่งมีห้องไม้เล็กๆอยู่ตรงหน้าพวกเขา
เจี้ยนหารยีมองดูแล้วพูดขึ้นว่า “นี่คือที่ไหน”
หงจู๋พูด “เจี้ยนหารยี ฮัวโหล่หยูนรอเจ้าอยู่ข้างในแล้วก็ยังมี…”
นางพูดไปครึ่งประโยคแล้วหยุดไป
สีหน้าดูระมัดระวังมาก
เจี้ยนหารยีถาม “ยังมีอะไร”
หงจู๋พูด “เจ้าเข้าไปก็รู้เอง”
เจี้ยนหารยีพูด “แล้วเจ้าล่ะ”
หงจู๋ตอบ “ข้าจะอยู่ข้างนอกคอยดูทาง”
เจี้ยนหารยีพูด “ดูทาง เมื่อกี้เจ้าพาข้าเดินวนมาแล้วรอบหนึ่ง แน่ใจแล้วว่าไม่มีคนตามมาถึงจะมีคนตามมาก็ไม่มีทางหลบสายตาข้าไปได้แน่นอน”
“แค่ เผื่อไว้เท่านั้น”
หงจู๋ตั้งใจพูดแบบนั้นออกไปเพื่อไม่ให้เขาคิดมาก
“วันนี้เจ้าดูแปลกๆ”
เจี้ยนหารยีรู้จักหงจู๋มาหลายปี แน่นอนว่าวันที่ที่นางทำเช่นนี้ไม่ใช่ตัวนางแน่
นิสัยของหงจู๋เป็นคนตรงไปตรงมา
ไม่ใช่คนที่จะคอยระมัดระวังอย่างนี้
นี่มันเหมือนกับฮัวโหล่หยูนเลย
“ฮัวโหล่หยูนอยู่ข้างใน” เจี้ยนหารยีชี้ไปที่บ้านไม้
“ใช่” หงจู๋พยักหน้า
“เจ้าไม่เข้าไปจริงหรือ”
“ข้าอยู่ข้างนอกดูทางดีกว่า”
“ได้”
เจี้ยนหารยีก็เหาะบินเข้าไปในบ้านไม้อย่างไม่เกรงใจ
เขามาหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านไม้ ประตูก็ถูกเปิดออก
ร่างหนึ่งก็ปรากฏออกมา
“เจ้ามาแล้ว”
ฮัวโหล่หยูน
เจี้ยนหารยีเห้นฮัวโหล่หยูน เขาก็พยักหน้า มองไปรอบๆห้องที่ดูมืดสนิท
ข้างในมีไม่ไฟ
เหมือนในห้องจะดูมืดยิ่งกว่าข้างนอกนั่นอีก
ถึงเขาจะเป็นคนที่อยู่ในความมืด และสายตาของเขาที่มองดูสิ่งของในความมืดนั้นดีกว่าคนธรรมดา
แต่เขากลับมองไม่เห็นอะไรในบ้านไม้นี้เลย
ฮัวโหล่หยูนพูด “ไม่ต้องดูแล้ว เข้ามาเถอะ ไม่ต้องระวังตัวขนาดนั้นก็ได้ ไม่มีอันตรายอะไรหรอก”
เจี้ยนหารยีตอบรับอย่างเย็นชาแล้วเดินเข้าไป
ในนั้น มีอะไร
“เจ้าก็ยังคงระแวงขี้สงสัยบอกแล้วว่าไม่มีอะไรก็ยังไม่วางใจ”
ฮัวโหล่หยูนยิ้มแล้วเดินตามเขาเข้ามา
“มาแล้ว”
ในบ้านที่เล็กมืดมีเสียงออกมาจากความมืดนั่น
“มีคนใคร”
เจี้ยนหารยีรีบชักดาบออกมา
“ไม่ต้องกลัว” ฮัวโหล่หยูนเอามือไปจับดาบของเขาเอาไว้
เจี้ยนหารยีพูด “เจ้าทำอะไร”
ฮัวโหล่งหยูนพูด “เก็บดาบของเจ้าเถอะ”
เจี้ยนหารยีกำลังลังเล
ทันใดนั้นก็มีเสียงพูดดังออกมาอีก
“เสี่ยวเจี้ยน เจ้าจำข้าไม่ได้แล้วหรือ”
เสี่ยวเจี้ยน
ชื่อนี้ เหมือนจะนานมากแล้ว
ในโลกนี้มีเพียงคนคนเดียวที่เรียกเขาด้วยชื่อนี้
เจี้ยนหารยีค่อยๆนึกคิด
“เจ้า”
“เจ้าคือ”
สองของเจี้ยนหารยีเหมือนโดนผ่ายังไงอย่างนั้น เขาสั่นไปทั้งตัว ดาบในมือตกลงสู่พื้นทันที
ฮัวโหล่หยูนพูด “ยังไม่คุกเข่าอีก”
เจี้ยนหารยีรีบคุกเข่าลง แล้วก้มหัวทันที
“ตงตงตง”
เขาก้มหัวไม่ยอมหยุด
เหมือนกับว่าไม่คิดจะหยุด
“พอแล้ว”
เสียงที่เปลี่ยนสลับไปมา
“ลุกขึ้นเถอะ”
ฮัวโหล่หยูนพยุงเจี้ยนหารยีลุกขึ้น
เจี้ยนหารยีมองดูไปที่เงามืดต้นเสียง เขาอยากจะมองดูคนนั้นดีๆ
แต่ มันมืดเกินไป เขาเห็นแค่เงาดำๆ
รูปร่างหน้าตาเขาเห็นไม่ชัด
ขนาดอ้วนผอมยังไม่รู้เลย
แต่เขามั่นใจได้ว่าคนนั้นคือ เขา
เจี้ยนหารยีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคารพรัก “เสี่วยเจี้ยนคำนับ……..”
เสียงของเขาถูกตัดบทขึ้น “ไม่ต้องมากพิธี สามารถพบพวกเจ้าข้าก็ดีใจมากแล้ว”
ฮัวโหล่หยูนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดีใจว่า “หลายปีมานี้คิดไม่ถึงว่าจะยังสามารถได้พบเจอกับอาจารย์อีก ดีจริงๆ อาจารย์พวกเราทั้งสี่คิดว่าท่านไม่อยู่เสียแล้ว ทำไมผ่านมานานขนาดนี้ท่านไม่มาหาพวกเราบ้างเลย”
“อาจารย์?”
เจี้ยนหารยีท่องคำนี้เอาไว้ในใจตลอด
ความจำ ค่อยๆผุดขึ้นมา
เมื่อหลายปีก่อน
พวกเขานักบอดี้การทั้งสี่ยังเป็นเด็ก
ได้มีคนที่มีฝีมือสูงส่งและลึกลับคนหนึ่งมารับเลี้ยงพวกเขาและสอนวรยุทธให้กับพวกเขา
ก่อนเขาจะไปคนผู้นี้ได้ให้พวกเขาออกตามหาคนที่มีปานดาวสี่แฉกที่ใต้ฝ่าเท้า คนนี้คือเจ้านายของพวกเขา
จากนั้นเขาก็หายตัวไป
และพวกเขาก็ไม่เคยพบกับเขาอีกเลย
ชีวิตของพวกเขาทั้งสี่ เหมือนจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
นับแต่นั้นเป็นต้นมา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้ลึกลับคนนี้
พวกเขาก็ได้ออกตามหานายท่านของพวกเขา
ผู้ลึกลับคนนั้นไม่เคยบอกพวกเขาว่าเพราะอะไร
บอกแค่ให้พวกเขาทำแบบนี้
นี่
นี่ไปยี่สิบกว่าปีแล้ว
“อาจารย์”
ในปากของเจี้ยนหารยีเหมือนจะยังท่องคำสองคำนี้เอาไว้
เขาคือคนที่เงียบที่สุดและพูดน้อยที่สุดในทั้งหมดสี่คน แต่ตอนนี้กลับตื่นเต้นยิ่งนัก