นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 448
บทที่ 448 ไม่ใช่ศัตรู1
ฮัวโหล่หยูนถามว่า “อาจารย์ท่านจะไปที่ใดหรือขอรับ?”
ชายชุดดำพูดว่า “วังหลวง!”
สายตาของเขา มองลึกเข้าไปทางพระราชวัง
“วังหลวงหรือขอรับ?”
ฮัวโหล่หยูนจึงถามด้วยความแปลกใจว่า “อาจารย์ ท่านจะไปทำอะไรที่วังหลวงหรือขอรับ?”
ชายชุดดำพูดว่า “ทุกสิ่งทุกอย่าง สมควรจะเริ่มต้นและจบลงในวังหลวง ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นยังไง คืนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องสิ้นสุดลง แต่ทว่า ก่อนที่มันจะเป็นเช่นนี้ ข้ายังอยากจะไปพบใครคนหนึ่งก่อน”
ฮัวโหล่หยูนถามว่า “อาจารย์อยากจะพบใคร? เจี้ยนหารยีหรือขอรับ? เช่นนั้นข้าจะส่งสัญญาณลับเพื่อเรียกให้เขามาที่นี่ในทันทีนะขอรับ!”
“ไม่ ไม่ต้อง เขารู้วิธีดูแลตัวเองได้ดีกว่าเจ้า อาจารย์วางใจมาก! เจ้าไปเฝ้าทางนู้นเถอะ คนที่ข้าอยากจะพบมาแล้ว!”
ทิศทางที่สายตาของชายชุดดำมองออกไป ในเงาที่มีความมืดมิดและแสงสว่างคลุกเคล้ากัน มีร่างที่สูงใหญ่ร่างนึ่งกำลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆ…
“ขอรับ! อาจารย์!”
ฮัวโหล่หยูนมองใบหน้าของชายคนนี้ไม่ชัด แต่ในเมื่ออาจารย์สั่ง แน่นอนว่าเขาก็ต้องทำตาม
โดยไม่ลังเล! อาจารย์ให้ดูต้นทาง
เขาจึงตอบไปโดยไม่ลังเลเลย แล้วหันหลังบินหนีไป
“เจ้าเป็นใคร?”
คนที่เดินเข้ามาเห็นร่างสีดำร่างหนึ่งยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางแสงที่เดี๋ยวก็สว่างเดี๋ยวก็มืด เขาจึงค่อนข้างระวังตัวมาก
“เจ้าไม่ต้องกลัวหรอก ข้าเป็นมิตรของเจ้า ไม่ใช่ศัตรูนะ!”
ชายชุดดำยิ้มเบาๆ น้ำเสียงดูเหมือนจะมีมิตรไมตรีที่ดีอยู่มาก
ตอนที่เขากับฮัวโหล่หยูนพูดคุยกัน เขามีท่าทางเคร่งขรึมและน่าเกรงขามมาก
แต่พอพูดกับคนผู้นี้ กลับมีความอ่อนโยนและเป็นมิตรของชายสูงอายุที่มีเมตตาคนหนึ่ง
“ถ้าหากเป็นมิตร ก็แจ้งชื่อมาสิ! อย่ามาทำตัวลับๆล่อๆ!”
ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นยังระมัดระวังตัวอยู่มาก
“เจ้าเดินเข้ามาทางนี้หน่อยสิ”
ชายชุดดำยิ้มเบาๆ
คนผู้นั้นก็เดินเข้าไปใกล้ๆสองสามก้าว เดินออกจากในเงามืด แสงจันทร์ที่สว่างไสวสาดส่องเข้ามากระทบอยู่บนใบหน้าซื่อๆของเขา…
คนผู้นี้ ก็คือคุณชายสี่
โจว๋หยุนถิงนั่นเอง!
พี่สี่ของซินเหยา
โจว๋หยุนถิงผู้ซื่อตรงคนนี้เป็นคนที่ไม่มีประโยชน์ที่สุด แถมยังถูกขับไล่ออกไปจากบ้านตระกูลโจว๋อีกด้วย
พอโจว๋หยุนถิงเห็นชายชุดดำที่อยู่ในเงามืด ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีความรู้สึกว่าเขาเป็นศัตรูมากนัก จึงพูดตามสบายว่า “แท้จริงแล้วท่านเป็นใครกันแน่? ข้ากับท่านไม่ได้รู้จักมักคุ้นกัน ทำไมท่านต้องนัดให้ข้ามาพบที่นี่ด้วย?”
ชายชุดดำพูดว่า “ในเมื่อเจ้ามาถึงแล้ว ทำไมจะต้องถามอีกให้มากความเล่า? อย่างไรเสีย เจ้าก็รู้คำตอบแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ใช่หรือ?”
โจว๋หยุนถิงพูดว่า “ผู้น้อยเพียงแต่แปลกใจมากก็เท่านั้น เพราะว่าข้าไม่รู้จักท่านเลย!”
ชายชุดดำพูดว่า “การที่จะพบเจอกันทำไมต้องเคยรู้จักกันด้วย! ไม่จำเป็นนี่ เราสองคนเป็นผู้มีดวงชะตาต้องกันไม่ได้หรือยังไง?”
โจว๋หยุนถิงพูดว่า “ผู้มีดวงชะตาต้องกันอะไร?”
ชายชุดดำหัวเราะฮ่าๆแล้วพูดว่า “พ่อหนุ่ม อย่าถือทิฐิเกินไปหน่อยเลย! โชคชะตา เป็นสิ่งที่วิเศษมาก! การพบเจอกันคือโชคชะตาอย่างหนึ่ง การรู้จักกันก็เป็นโชคชะตาอีกอย่างหนึ่ง แสงของพระจันทร์ในคืนนี้งดงามขนาดนี้ เจ้ากับข้าสองคนได้มาอยู่ร่วมกันที่นี่ นี่ไม่ใช่ชะตากรรมอย่างหนึ่งหรอกหรือ?”
โจว๋หยุนถิงเดิมทีเป็นคนซื่อๆคนหนึ่ง จึงยากแก่การเข้าใจคำพูดเหล่านี้…
แล้วชายชุดดำก็พูดต่อไปว่า “เจ้าชื่อโจว๋หยุนถิง คุณชายลำดับที่สี่แห่งจวนอ๋องโจว๋ ตอนที่ยังเยาว์วัยอยู่เจ้าป่วยหนักจนไม่สามารถฝึกศิลปะการต่อสู้ได้ ใช่หรือไม่?”
โจว๋หยุนถิงพูดด้วยความตื่นตะลึงว่า “ทำไมเจ้าถึงรู้เรื่องของข้ามากขนาดนี้?”
ชายชุดดำยิ้มอ่อนๆแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นคนของจวนอ๋องโจว๋ เรื่องของเจ้าได้แพร่สะพัดไปอย่างกว้างขวางแล้ว อยากรู้เรื่องราวของเจ้า ก็แค่ลองไปสอบถามกับคนในยุทธภพดูก็ได้เรื่องแล้ว ทำไมจะต้องแปลกใจด้วยล่ะ?”
โจว๋หยุนถิงงงเป็นไก่ตาแตก
เขามักจะรู้สึกว่าชายชุดดำที่ลึกลับคนนี้ช่างพูดจาประหลาดมหัศจรรย์ยากแก่การเข้าใจยิ่งนัก ถึงขั้นมีความบ้าๆบอๆอยู่บ้าง
แต่ทว่า…
ดูเหมือนว่าเขาก็ไม่เหมือนคนที่มีจิตไม่เป็นมิตรเลยนะ!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โจว๋หยุนถิงมีความเข้าใจผิดคิดไปเองแบบแปลกๆอยู่ภายในใจ เหมือนกับว่าเขารู้จักกับชายชุดดำคนนี้ หรือมีความรู้สึกใกล้ชิดสนิทใจต่อเขาอยู่บ้าง…
ชายชุดดำยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “พ่อหนุ่ม อย่าไปคิดมากสิ้นเปลืองสมองเลย เจ้าไม่รู้จักข้าแน่นอน แต่ ข้ากลับรู้จักเจ้า!”
โจว๋หยุนถิงพูดว่า “เช่นนั้นก็ย่อมได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมต้องนัดข้ามาที่นี่ล่ะ?”
ชายชุดดำพูดว่า “เจ้าเป็นเด็กที่ใสซื่อจริงๆ ที่ข้านัดเจ้ามา ก็เพราะว่ามีของชิ้นหนึ่งจะให้เจ้า!”
โจว๋หยุนถิงถามว่า “ของอะไร?”
“รับไป!”
ชายชุดดำตะโกนเสียงดังแล้วโยนของออกไปหนึ่งชิ้น
โจว๋หยุนถิงไม่เก่งเรื่องศิลปะการต่อสู้ แต่ในคืนนี้แสงจันทร์สว่างไสวมาก ทำให้เขามองเห็นได้อย่างชัดเจน หลังจากนั้นเขาก็รับของเอาไว้ได้พอดิบพอดี
เป็นหนังสือเล่มหนึ่งเองรึ?
มันเป็นหนังสือบางๆปกหนังสือทำด้วยหนังสัตว์ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นหนังสือที่เก่าแก่มาก…
โจว๋หยุนถิงถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจมากว่า “เจ้ามอบหนังสือเล่มหนึ่งให้ข้าทำไม?”
ชายชุดดำยิ้มแล้วพูดว่า “สหายตัวน้อย เจ้าก็รับๆไปเถอะ! หนังสือเล่มนี้เป็นของดีนะ คนในยุทธภพหลายคนอยากจะได้มาครอบครองก็ไม่ได้มาเชียวนะ! บางทีอาจจะส่งผลบางอย่างต่อเจ้าก็ได้นะ”
โจว๋หยุนถิงจึงพูดว่า “ในเมื่อเป็นของดี เช่นนั้นข้าก็ไม่รับไว้ไม่ได้ ไร้ผลงานมิอาจได้ลาภยศ นี่คือกฎของจวนอ๋องโจว๋ของพวกเรา ข้าไม่สามารถรับของจากคนอื่นตามอำเภอใจได้อย่างเด็ดขาด ยิ่งคนแปลกหน้าก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย!”
“ฮ่าๆๆ เจ้าเด็กโง่!”
ชายชุดดำหัวเราะเสียงดังอย่างเบิกบานใจ แล้วพูดว่า “จวนอ๋องโจว๋มีคนโง่อย่างเจ้า ช่างน่าสนใจจริงๆ! สหายน้อย เจ้าก็รับๆไปเถอะน่า! เคล็ดวิชาที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้เหมาะที่จะให้เจ้าฝึกฝน ในเมื่อเจ้ายังถือว่าตัวเองเป็นคนของจวนอ๋องโจว๋อยู่ ไม่แน่ว่าหลังจากที่ฝึกฝนวรยุทธ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าอาจจะยังมีโอกาสที่จะออกแรงช่วยเหลือจวนอ๋องโจว๋ได้ในภายหลังก็ได้นะ!”
พูดจบ…
ชายชุดดำก็กางปีกขึ้นสูงแล้วบินออกไปเหมือนกับนกตัวใหญ่ตัวหนึ่ง
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวก็หายไปไกลสุดขอบฟ้า…
“ผู้อาวุโส!”
โจว๋หยุนถิงร้องตะโกน
แต่ทว่า ที่ไหนจะยังมีคนอยู่ล่ะ?