นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 517
บทที่ 517 ทำดีต้องได้ดี
ออกมาจากทางฝั่งของเว่ยโก๋กง หมิงเช่อดีอกดีใจนัก แต่ก็ต้องทอดถอนใจเพราะญาติผู้พี่ของเขา ท้ายที่สุดเว่ยโก๋กงก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องของญาติผู้พี่สักครึ่งหนึ่งอยู่ดีนั่นแหละ ฮูหยินรองกลับไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ชนะใจและทำให้เว่ยโก๋กงสนใจได้มากกว่า เขาช่างไม่ควรค่าต่อญาติผู้พี่ของตนเลยจริงๆ สินะ
“เสี่ยวชุ่ย เจ้าอย่าเพิ่งง่วนทำงาน มานั่งลงนี่ก่อน” กลับมายังสถานพำนัก หมิงเช่อก็แอบคิดอยู่เงียบๆ คนเดียว หลังจากขบคิดเสร็จ ก็มองไปเห็นเงาร่างยุ่งเป็นพัลวันของเสี่ยวชุ่ย จู่ๆ จึงปริปากเอ่ยคำขึ้น
เสี่ยวชุ่ยเงยหน้าขึ้นและมองความคาดหวังในสายตาคู่นั้นของหมิงเช่อ ถึงกับหลงใหลไปเล็กน้อย อัตราการเต้นของหัวใจยังเพิ่มความเร็วขึ้น นี่มันเป็นอะไรกันแน่นะ นางค่อนข้างเคอะเขินขึ้นมาเสียแล้ว
หมิงเช่อมองดูสีลูกท้อบนใบหน้าของเสี่ยวชุ่ย หัวใจพลันชื่นมื่น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยน และโบกมืออีกครั้ง กวักเรียกให้เสี่ยวชุ่ยเข้ามา “อย่ามัวแต่นิ่งทื่อสิ มานี่ ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”
อย่างไรเสียเขาก็เป็นเจ้านายของตน เสี่ยวชุ่ยเห็นว่าหมิงเช่อกวักมือเรียกตนเข้าไปหาถึงสองครั้ง จึงค่อยๆ เดินเข้าไปหาอย่างนวยนาด ยอบกายลง ทำความเคารพเล็กน้อยหนึ่งที ก่อนเอ่ยด้วยความสงสัย “คุณชายเรียกบ่าวมีเรื่องอะไรจะพูดหรือเจ้าคะ”
หมิงเช่อจ้องเสี่ยวชุ่ยมาดมั่นเช่นนั้น ราวกับอยากจะดูดเสี่ยวชุ่ยเข้าไปทีละน้อย เขาค่อยๆ หยัดกายขึ้น ประจวบกับทำลายระยะห่างกับเสี่ยวชุ่ยซ้ำยังมีท่าทีจะประชิดใกล้อีกต่างหาก
เสี่ยวชุ่ยสูญสิ้นสติครองตัวไปชั่วขณะ ในคราแรกนางตื่นเต้น แต่กลับทั้งระส่ำระสาย นิ่งงันอยู่ตรงนั้นไม่รู้ว่าควรจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรดี
หมิงเช่อประชิดเสี่ยวชุ่ยอย่างใกล้ที่สุด จากนั้นจึงใช้มือปัดปรอยผมบนหน้าผากของเสี่ยวชุ่ยออกแผ่วเบา ยิ้มพลางกระซิบกระซาบข้างใบหูนาง “อันที่จริงแล้วข้าชอบเจ้าอยู่” กล่าวจบเขาก็พึงพอใจมากที่ได้เห็นเสี่ยวชุ่ยใบหน้าแดงก่ำ
“บ่าว บ่าว บ่าว…” เสี่ยวชุ่ยเฝ้าฝันมานานจนถึงทุกวันนี้ ทว่าจู่ๆ ฉากนี้ก็ปรากฏแบบนี้ นางรู้สึกว่ายังคงอยู่ในภวังค์ลุ่มหลง ทุกอย่างสำหรับนางแล้วมันเหมือนฝัน
“ไม่ใช่บอกไปแล้วหรือ ไม่มีคนนอก ก็ไม่ต้องมากพิธีขนาดนี้ไงเล่า” หมิงเช่อวางนิ้วชี้ไว้บนเรียวปากของเสี่ยวชุ่ย มองเสี่ยวชุ่ยที่หน้าเรื่อแดงไปหมด
ด้วยวิธีนี้ หัวใจทั้งหมดทั้งมวลของเสี่ยวชุ่ยจึงมอบให้แก่หมิงเช่อ วินาทีนั้นนางคิดว่านางเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อหมิงเช่อได้ทั้งนั้น
นางสัญญาแบบนี้ทุกครั้ง หมิงเช่อแย้มยิ้ม “นั่นคือสิ่งที่เจ้าพูดเชียวนะ ถึงเวลานั้นอย่าได้โกหกแล้วกันนะ” ประโยคนี้ราวกับเป็นถ้อยคำหยอกล้อ แต่กลับทำให้เสี่ยวชุ่ยตัดสินใจมาดมั่นเสียแล้ว
นับตั้งแต่ครั้งก่อนตอนที่เว่ยโก๋กงมอบธุรกิจเกลือให้หมิงเช่อเป็นคนจัดการ และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ด้วย จัดการดูแลได้มากมาย เว่ยโก๋กงคิดเสมอมาว่าการค้าขายเกลือแบบนี้ล้วนสูญเสียกำไร แต่คราวนี้กลับช่วงชิงกลับมาได้เป็นกระบุง ข้อนี้ทำให้เว่ยโก๋กงเบิกบานในหัวใจนัก ยามพูดจาก็แย้มรอยยิ้มไปในที
“หมิงเช่อ กิจการนี้ เป็นความดีความชอบเจ้าเลยนะ” เว่ยโก๋กงอดเอ่ยชื่นชมหมิงเช่อบนโต๊ะอาหารไม่ได้
ส่วนหมิงเช่อกลับไม่ได้มีท่าทีอวดเบ่งแต่อย่างใด ยังคงมีความสุภาพเสียขนาดนั้น ราวกับว่านี่คือสิ่งที่เขาควรจะเป็น
“นี่คือสิ่งที่น้องเล็กควรทำ หมิงเช่อไม่กล้าล้ำเลิก” หมิงเช่อตอบกลับอย่างถ่อมตน
เมื่อเห็นหมิงเช่อที่มีท่าทีเช่นนี้ เว่ยโก๋กงก็มีความสุขอีกครา “อู่เย็น ญาติผู้น้องคนนี้ของเจ้าไม่เลวเลยจริงๆ ควรได้รับรางวัล เขาสมควรได้รับรางวัล” เว่ยโก๋กงหันหน้าไปมองทางฮูหยินใหญ่ รอยยิ้มในแววล้วนพรั่งพรูออกมาหมด
ฮูหยินใหญ่ทำเพียงขอบคุณเว่ยโก๋กงอย่างที่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าใดนัก สีหน้าไม่ได้มีความผันผวนอะไร
แต่ว่าคนข้างๆ กลับนั่งไม่ติดแล้ว “นายท่าน ท่านลำเอียง ข้าน้อยเองก็มีเอี่ยวความชอบนี่อยู่บ้าง ท่านกำนัลแค่ท่านพี่ มันไม่ยุติธรรม” ฮูหยินรองเอ่ยอย่างออดอ้อน
ดูเหมือนเว่ยโก๋กงจะรู้สึกดีต่อการออดอ้อนของฮูหยินรองเป็นอย่างยิ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าดูอ่อนโยนเสียขนาดนั้น “กำนัล ต้องกำนัลอยู่แล้ว เช่นนั้นเจ้าอยากได้อะไรล่ะ” ลูบมือของฮูหยินรอง สายตาของเว่ยโก๋กงแฝงแววลุ่มหลงและพึงพอใจอยู่หน่อยๆ
ฮูหยินรองดีใจ แต่สีหน้ากลับยังคงเรียบนิ่ง มองทางเว่ยโก๋กง “ข้าน้อยแค่ล้อนายท่านเล่นเจ้าค่ะ ข้าน้อยคิดว่าท่านพี่คอยจัดการดูแลธุระน้อยใหญ่ของจวนเว่ย จะต้องเหนื่อยมากแน่ๆ ข้าน้อยแค่อยากแบ่งเบาภาระท่านพี่สักหน่อย เช่นนี้จะได้ทำให้นายท่านจัดการเรื่องของตนอย่างสบายใจไงเจ้าคะ”
ถ้อยวาจานี้ของฮูหยินรองมีเหตุผล เป็นภาพลักษณ์ของภรรยาแม่ศรีเรือนโดยสมบูรณ์ ข้อนี้ทำให้เว่ยโก๋กงยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่ ถือว่าฮูหยินรองมีใจให้ตน และเริ่มจะนอมรับตนบ้างแล้ว
“ยากจะเห็นเจ้าเอาอกเอาใจ จากนี้ก็ช่วยฮูหยินใหญ่จัดการดูแลให้ดี เช่นนี้ข้าเองก็จะยิ่งจัดการเรื่องภายนอกได้อย่างสบายใจเข้าไปอีก คิดดูแล้วเว่ยโก๋กงอย่างข้าก็คงจะเบิกบานมีความสุขได้เหมือนตอนนี้ เมื่อไหร่จะได้ให้ลูกสาวลูกชายพวกนั้นกลับมานะ” เว่ยโก๋กงเบิกบานใจ น้ำเสียงก็ดูสดชื่นขนาดนั้น
“ขอแสดงความยินดีกับเว่ยโก๋กงด้วย” หมิงเช่อเองก็เอ่ยชมเชยเช่นกัน
ทุกคนต่างพากันเบิกบาน มีเพียงฮูหยินใหญ่ที่เงียบขรึมอยู่ปานนั้น สิ่งที่มีอยู่ในใจกลับเป็นความสิ้นหวังที่ดิ้นพล่าน
“เจ้าเห็นว่าเรื่องนี้ฮูหยินรองเป็นอย่างไร” ฮูหยินใหญ่กลับสู่สถานพำนักด้วยท่าทีสงบเฉกเช่นวันวาน
แต่ว่าซินเหยาย่อมรู้อยู่แล้ว ภายในจิตใจของฮูหยินใหญ่ไม่ได้สงบขนาดนี้ นางกำลังเริ่มต้นแผนการทีละขั้น ค่อยๆ ตะล่อมระยะยาวเพื่อดักปลาตัวใหญ่
“บ่าวเดาว่าสิ่งที่ฮูหยินรองคิดจะทำมีเพียงสองข้อเท่านั้น ข้อแรกก็คือจะแบ่งขั้วอำนาจของฮูหยินใหญ่ และแทนที่ตำแหน่งฮูหยินใหญ่อยู่เบื้องหลังโดยสมบูรณ์ อีกข้อหนึ่งบางทีอาจจะเพื่อสร้างความรำคาญใจให้ฮูหยินใหญ่ ผู้หญิงก็มีวิธีการแบบนี้เสมอเจ้าค่ะ” ซินเหยากล่าวคำอย่างมาดมั่น นางรู้สึกว่าทุกสิ่งที่นางรู้ทุกอย่างที่นางเห็นและสัมผัสจุดประสงค์ของฮูหยินรองก็คือแบบนี้
ฮูหยินใหญ่เห็นซินเหยามั่นคงและยืนยันเช่นนี้ ถึงกับนิ่งอึ้ง จากนั้นจึงหัวเราะ “เหตุใดเจ้าถึงไม่เคยคิดว่าฮูหยินรองทำไปเพื่อแย่งความโปรดปราน อีกอย่างเจ้าพูดถ้อยวาจานี้เหมือนกับว่าเจ้าอ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน แต่ว่าทั้งๆ ที่เจ้าเองก็ไม่ได้อายุมาก และไม่มีความทรงจำอะไรอีก” สำหรับการมาดมั่นของซินเหยา ถึงแม้ฮูหยินใหญ่เองก็เดาไว้ไม่ต่างกัน แต่ว่านางเองกลับค่อนข้างสงสัยใคร่รู้ในตัวตนของซินเหยาขึ้นบ้างแล้ว
ซินเหยาแน่นิ่ง จากนั้นก็รู้สึกทันทีว่าตนพูดจาไม่เหมาะสม “ฮูหยินใหญ่ แย่งความโปรดปรานอันที่จริงข้อนี้ท่านเองก็รู้แจ้ง ถึงแม้บ่าวไม่รู้ว่าปีนั้นพวกท่านมีการขัดผลประโยชน์อะไรกัน แต่ปมนั้นกลับไม่ได้ตื้นเขินเลย ส่วนตัวตนของบ่าว บ่าวต้องขออภัยอย่างยิ่ง จวบจนปัจจุบันบ่าวยังคงไม่ฟื้นความทรงจำเลยเจ้าค่ะ” ซินเหยาตอบกลับข้อสงสัยของฮูหยินใหญ่ทีละข้อ ทำลายข้อสงสัยทั้งหมดของฮูหยินใหญ่ไปสิ้น
ถูกซินเหยาตอบกลับเช่นนี้ ฮูหยินใหญ่เองก็ไม่พูดมากความอะไร อย่างน้อยตอนนี้ซินเยามีเพียงผลดีต่อนางไม่ได้มีผลเสีย นางและซินเหยาไม่ได้ขัดแย้งอะไรกัน
“นำจดหมายฉบับนี้ไปให้พ่อบ้าน เขารู้ว่าจะทำอย่างไร” จู่ๆ ฮูหยินใหญ่ก็ล้วงจดหมายหนึ่งฉบับออกมามอบให้ต่อหน้าซินเหยา
นับตั้งแต่ซินเหยาติดตามฮูหยิน มีหลายเรื่องที่ซินเหยามักจะเป็นฝ่ายทำเอง ไม่เช่นนั้นก็เป็นฮุหยินใหญ่ไหว้วาน นี่คือครั้งแรกที่ฮูหยินใหญ่ได้ริเริ่มจะทำบางสิ่งบางอย่างให้ซินเหยาดู ข้อนี้ซินเหยาอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องครั้งก่อนนั้นมีผลกระทบอย่างมากต่อฮูหยินใหญ่
“บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” ซินเหยาพูดจบก็ขอตัวจากไป
“รอเดี๋ยว เจ้าไม่ได้เจอป้าหนิวมานานมากแล้วใช่หรือไม่ วันนี้จะให้เจ้าไปพบหน้ากันเสียหน่อย” ขณะที่ซินเหยากำลังจะก้าวข้ามธรณีประตู จู่ๆ ฮูหยินใหญ่ก็เอ่ยคำอย่างอ่อนโยน
ฝีเท้าของซินเหยาชะงักกึก จากนั้นจึงสาวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว
“พ่อบ้าน นี่คือจดหมายที่ฮูหยินใหญ่ให้บ่าวนำมาให้ท่าน” นับว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ซินเหยาได้พูดคุยซึ่งหน้ากับพ่อบ้าน แต่ทุกครั้งที่นางสนทนากับพ่อบ้าน นางมักจะมีความรู้สึกหนักอกหนักใจอันไร้รูปร่างเสมอ
“อืม ดี เจ้ากลับไปบอกฮูหยินใหญ่ว่าข้าทาสจะทำเพื่อฮูหยินใหญ่อย่างสุดความสามารถ ขอฮูหยินใหญ่โปรดจงวางใจ” พ่อบ้านกล่าวอย่างเคร่งขรึม แต่ว่าซินเหยากลับรู้สึกว่าถ้อยคำของพ่อบ้านคนนี้มักจะมีลับลมคมใน
ออกมาจากทางด้านของพ่อบ้าน ซินเหยาเดินตรงไปหาทางด้านป้าหนิวทันที ฤดูใบไม้ผลิใกล้จะสิ้นสุดแล้ว ฤดูร้อนกำลังจะมาเยือน นับว่าไม่หนาวแล้ว ในใจซินเหยาก็ถือว่าโล่งอกแล้ว หลังจากที่ครั้งก่อนป้าหนิวเอ่ยถึงเรื่องเล็กๆ ของตนทางฝั่งของฮูหยินใหญ่ ซินเหยาก็ไม่ได้เห็นป้าหนิวมาได้สักพักหนึ่งแล้ว ในใจมีความคะนึงหาอยู่บ้าง
อย่างไรเสียป้าหนิวก็นับว่าเป็นเพียงสองญาติที่มีอยู่บนโลกนี้ของซินเหยาแล้ว
“ป้าหนิว ท่านยุ่งอยู่หรือ ให้ซินเหยาช่วยท่านเถิด” ทันทีที่ซินเหยาเข้าไปในเรือนสิ่งที่เห็นก็คือร่างอันผอมโซของป้าหนิว สองมือยุ่งง่วน นางวิ่งเข้าไปช่วยเหลืออย่างเห็นใจ
“เจ้ามาแล้วหรือ” ป้าหนิวราวกับรู้ว่าซินเหยาจะมา ไม่ได้มีอารมณ์กระตือรือร้นมากเกินไป มองซินเหยาด้วยสายตาเจือจาง
ซินเหยาสับสนมาก มักรู้สึกเสมอว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
“ป้าหนิว ท่านเห็นซินเหยาแล้วไม่ดีใจหรือ เป็นเพราะซินเหยาไม่ได้มาเยี่ยมท่านนานเกินไปใช่หรือไม่ ท่านโกรธข้าแล้ว” ซินเหยาในตอนนี้ไม่ได้มีความเยือกเย็นดังเช่นวันปกติ นางเป็นเพียงแค่เด็กน้อยที่โหยหาความอบอุ่น และออดอ้อนต่อหน้ามารดาของตนคนหนึ่งเท่านั้น
“จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า ยังไม่ทันจะได้คิดถึงเจ้าเลย จะโกรธได้อย่างไรกัน”
ป้าหนิวเอ่ยถ้อยคำนี้ แต่จะอย่างไรก็ไม่กล้ามองซินเหยา ดีร้ายซินเหยาและพวกป้าหนิวก็ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาเนิ่นนานขนาดนี้แล้ว จะไม่รู้จักป้าหนิวได้อย่างไรกัน คนที่เรียบง่ายสมถะอย่างพวกป้าหนิวนี้ ไม่เคยโกหกเลยสักนิดเดียว
ซินเหยายิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่ว่าจะต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
“ป้าหนิว พักนี้ลุงหนิวเป็นอย่างไรบ้าง” ซินเหยาประชิดเข้าไป ลองสังเกตสีหน้าของป้าหนิว พอถ้อยคำของซินเหยาเอ่ยออกมา สัมผัสได้ชัดเจนว่าร่างกายของป้าหนิวสั่นระริก ก่อนจะง่วนกับงานในมือต่อ และปริปากอย่างอู้อี้ “ดีน่ะสิ มีเจ้าแบ่งเงินส่วนนั้นให้ แล้วยังมีในส่วนของข้าอีก เขาดีขึ้นตั้งนานแล้ว”
ถึงแม้ป้าหนิวจะพยายามปั้นสีหน้าของตนให้เรียบนิ่ง กลบซ่อนอารมณ์ของตนมากที่สุด แต่ซินเหยายังคงรู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับลุงหนิว
นางช่วงชิงงานในมือของป้าหนิวไป
ป้าหนิวเห็นเสื้อผ้าถูกซินเหยาฉวยไป ก็ค่อนข้างเหลือเชื่อเล็กน้อย ในสายตาของนาง ซินเหยาเป็นเด็กสาวตัวน้อยที่สงบเสงี่ยมไม่ดื้นรั้นคนหนึ่งเรื่อยมา ไม่คาดคิดว่าจะเฉียบคมขนาดนั้น
“ป้าหนิว ท่านไม่ต้องโกหก ท่านโกหกไม่เป็น บอกข้ามาว่าลุงหนิวเป็นอะไรไปกันแน่” จับร่างป้าหนิวให้เผชิญหน้ากับตน ซินเหยาเอ่ยถามอย่างร้อนรน
สำหรับเรี่ยวแรงอันทารุณของซินเหยานั้นป้าหนิวถึงกับตกตะลึง นางทอดถอนใจ หางตาเปียกชื้นเล็กน้อย ตอนเอ่ยคำก็สะอึกสะอื้น “ลุงหนิวของเจ้าจากไปทั้งอย่างนี้แล้ว ไม่ได้เหลือทิ้งอะไรให้ข้า แม้แต่ถ้อยคำก็ไม่ได้เหลือทิ้งไว้ จากไปทั้งอย่างนี้แล้ว ตาเฒ่า เหตุใดถึงทอดทิ้งข้าไว้เพียงลำพังกันเล่า” ป้าหนิวกล่าวเช่นนี้ อารมณ์ทั้งหมดล้วนควบคุมไม่อยู่แล้ว ปล่อยให้มันพรั่งพรูออกมา
ร่างกายของซินเหยาแข็งทื่อ ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะดีขึ้นเมื่อไม่นานมานี้อยู่หยกๆ ไฉนจึงจากไปแล้ว ชะตาชีวิตของมนุษย์นี้มันเปราะบางขนาดนี้จริงๆ หรือ
“ทำไม มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ทำไมถึงไปแล้ว บอกข้ามา ป้าหนิว บอกข้ามาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ซินเหยายังคงไม่แน่ใจ มันคงไม่ง่ายดายขนาดนี้หรอกกระมัง
“นี่ ยังจะ…จะยังตายได้อย่างไรอีก ไม่ใช่ว่าป่วยตายหรอกหรือไง” ป้าหนิวอู้อี้ หันไปซักเสื้อผ้าของตนต่อไป
ถ้าหากเป็นคนอื่นอาจจะเชื่อไปแล้ว แต่ซินเหยาไม่ใช่คนอื่น นางรู้ว่าป้าหนิวกำลังโกหก อีกอย่างในเมื่อป้าหนิวไม่เต็มใจเอ่ยถึงสาเหตุการตายของลุงหนิว เช่นนั้นมันจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับตนเองอย่างแน่นอน
นึกถึงข้อนี้ เรียวคิ้วของซินเหยาขมวดขึ้น จ้องป้าหนิวพลางเอ่ยคำ “ป้าหนิว ท่านโกหกไม่เป็น บอกมาเถิด เป็นใครกันแน่ เป็นคนที่มาหาข้าใช่หรือไม่ ท่านกลัวว่าจะเป็นตัวถ่วงข้า แต่ว่าข้าต่างหากที่เป็นตัวถ่วงพวกท่าน ท่านกลัวว่าข้าจะได้รับบาดเจ็บ แต่ว่ากลับยอมเจ็บเพื่อข้า” ซินเหยากล่าวด้วยความเศร้าสลด ถึงแม้นางจะคุ้นชินกับการเก็บงำสีหน้าอารมณ์ของตน แต่ตอนนี้นางยังคงไม่สามารถควบคุมมันไ