นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 596
ตอนที่ 596 ทุกอย่างเรียบร้อยดี
“นางสนมเฉินเป็นอย่างไรบ้าง” ไทเฮานั่งพิงเก้าอี้แล้วถามนางกำนัล
“ทูลไทเฮาคิดไม่ถึงว่าคนคนนั้นจะปากร้ายขนาดนี้ แค่ไม่กี่คำพูดก็สามารถทำให้นางสนมเฉินโกรธจนหน้าดำหน้าแดง ได้แต่มองดูนางเดินจากไป” นางกำนัลตอบ
เหมือนกับว่าทุกอย่างจะอยู่ในความคาดการณ์ของไทเฮา แต่นางก็ไม่รีบร้อนอะไร “ไม่เป็นไร ในเมื่อได้รับความลำบากก็ต้องร้องไห้ ฮ่องเต้ไม่ชอบการร้องไห้ แต่พี่น้องคนอื่นนั้นได้” ไทเฮาขย้ำลูกพระคำในมือไปมาแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“ไทเฮาทรงฉลาด” นางกำนัลเองก็เจออะไรมาเยอะ อยู่ข้างไทเฮามาก็ฉลาดเหมือนกับนาง แน่นอนว่าเข้าใจความหมายของไทเฮา
“อ่อใช่แล้ว ช่วงนี้ข้าเหงานักไม่มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนข้า เจ้าไปหาให้เหล่าพระสนมมาอยู่เป็นเพื่อนข้าหน่อย ลูกสะใภ้พวกนี้ ไม่เหมือนกับพวกเราในตอนนั้น” เหมือนว่าไทเฮาจะเหนื่อยพอพูดจบก็เดินจากไป นางกำนัลรีบพยุงไทเฮาเข้าไปในห้อง
“เพคะไทเฮา” นางกำนัลตอบ
“ซินเหยาเจ้าเป็นอย่างบ้าง” ตั้งแต่ครั้งนั้นที่ซินเหยาตื่นขึ้นซ่างกวนเหมิงห้าวก็ถามชื่อของนาง แต่ดูเหมือนว่านอกจากจะบอกชื่อนี้ของตนแล้วนางก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องอะไรอีกเลย ตอนแรกๆก็เหมือนกับว่าซ่างกวนเหมิงห้าวจะโกรธ แต่พอไม่เจอนางสองวันก็คิดถึง จึงได้ไม่คัดค้านชื่อนี้ของนางแล้ว
ตอนนี้พอเลิกจากการคุยงานกับเหล่าขุนนางเขาก็รีบมาหาซินเหยาทันที
“ถวายบังคมฝ่าบาท”
“ถวายบังคมฝ่าบาท” ทุกคนที่เจอฮ่องเต้จะต้องคุกเข่าลง
แต่ดูเหมือนว่าซินเหยาได้รับบาดเจ็บในคราวที่แล้วทำให้นิสัยของนางนิ่งลงทำอะไรก็ระมัดระวังขึ้น ควรจะพูดว่าสำหรับวังหลวงนี้นางรู้ว่ามันมีความลับอะไรแน่นอนว่าต้องระวัง
ซ่างกวนเหมิงห้าวเข้าไปพยุงซินเหยา “บาดเจ็บอยู่ก็ไม่ต้องมากพิธี เจ้าให้ความเคารพข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
ซ่างกวนเหมิงห้าวชอบความตรงไปตรงมาของซินเหยา แบบนั้นทำให้เขารู้สึกว่าตนเองเป็นคนธรรมดา
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ซินเหยายิ้มขอบคุณเขา
“ได้ยินว่าวันนี้เจ้าออกไปเดินเล่นหรือ” ข่าวของซ่างกวนเหมิงห้าวรวดเร็วจริงๆราวกับว่าไม่กลัวว่าซินเหยาจะรู้
ซินเหยาเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ซ่างกวนเหมิงห้าวทำอะไรนางเองก็พอจะรู้ “ทูลฝ่าบาท อยู่ในห้องจนเบื่อแล้วเลยออกไปเดินเล่น”
คำพูดของซินเหยาก็อยู่ในความคาดการณ์ของซ่างกวนเหมิงห้าวแต่เขาคาดหวังมากกับประโยคถัดไป
“ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง” พูดประโยคนี้ซ่างกวนเหมิงห้าวจ้องมองซินเหยา เหมือนอยากจะรู้
แต่ ซินเหยาไม่มีทีท่าอะไรเลย ไม่บ่นไม่โกรธ ขนาดว่าไม่ขยับอะไรเลย
“ทูลฝ่าบาท นางไปเจอกับนางสนมเฉิน ….”
“จื่อเย็น” ซินเหยาเรียกชื่อนางด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ ทำให้จื่อเย็นรีบเงียบทันที “ทูลฝ่าบาททุกอย่างเรียบร้อยดี” ตอนนี้ซินเหยาไม่อยากมีศัตรูเพิ่มแน่นอนว่าไม่อยากให้เรื่องนี้ไปยุ่งถึงคนอื่น และตนเองก็ไม่ใช่คนในวัง แน่นอนว่าไม่ต้องไปแย่งอะไรกับใคร
ที่จริงแล้วซ่างกวนเหมิงห้าวได้คิดว่าซินเหยาคือคนในวังไปแล้ว เขาแอบส่งคนไปคอยดูซินเหยา นางออกไปเดินเล่น ซ่างกวนเหมิงห้าวก็รู้ทันที พอตอนที่เจอกับ นางสนมเฉินเขาเองก็ยังเป็นห่วง แต่ความคิดนี้ก็ถูกความคิดอื่นทำให้หมดไป เขารู้ว่านางเป็นคนฉลาด ถึงแม้วรยุทธจะยังไม่ฟื้นฟู แต่ก็คงไม่เป็นอะไร ดังนั้นเขาจึงอยากเห็นฝีมือของนางว่าจะเป็นอย่างไร
“ในเมื่อไม่เป็นไรงั้นก็ดีแล้ว” ซ่างกวนเหมิงห้าวยิ้มอย่างอบอุ่นมองดูซินเหยาด้วยความสุขใจ
แต่ซินเหยากลับรู้สึกว่าคำพูดของซ่างกวนเหมิงห้าวเหมือนจะรู้ทุกอย่าง “หม่อมฉันฟังฝ่าบาทพูดแล้วเหมือนจะรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่หยู้ฮวาเหยียนเลยนะเพคะ” ซินเหยาพูดและมองดูซ่างกวนเหมิงห้าวด้วยความโกรธ
ซ่างกวนเหมิงห้าวอึ้ง คิดไม่ถึงว่าซินเหยาจะรู้สึกไวเช่นนี้จึงได้เปลี่ยนสีหน้าแววตาเป็นอ้อนซินเหยา “ความหมายของข้าคือขอแค่เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เจ้าก็รู้ว่าตัวเองบาดเจ็บอยู่เพราะว่ามีบางเรื่องเกี่ยวข้องถึงบางอย่าง ถึงได้เป็นเช่นนี้ ตอนนี้ดีแล้ว ดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร” ซ่างกวนเหมิงห้าวพูดอย่างระมัดระวัง ราวกับว่าซินเหยาคือแจกัน ถ้าหากไม่ระวังก็อาจแตกได้ เพียงแต่แค่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมีความรู้สึกว่านางเหมือนกับฮองเฮาของตนที่ได้กลับมาพบกันอีก ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่ออยู่กับซินเหยา
“ทำไมเจ้าถึงชอบชื่อซินเหยานี้นักล่ะ” ซ่างกวนเหมิงห้าวคิดไม่ถึงว่านางจะคือซินเหยา หากว่าเป็นซินเหยาจริงๆทำไมไม่ยอมรับกับเขาล่ะ อีกอย่างทุกครั้งที่นางพูดเช่นนี้นางก็พูดขึ้นอย่างไม่มีความหมาย
แน่นอนซินเหยาไม่ได้คิดอะไรมากมายขนาดนี้ แต่ที่นางใช้ชื่อนี้ก็เพราะอยากจะเก็บความทรงจำของตนเอง ตอนนี้ที่ใช้ชื่อนี้ก็เพื่อความคุ้นเคยและนำพานางไปหาความทรงจำของตนเองในวังหลวงนี้ นางมักจะรู้สึกว่าความทรงจำของนางจะกลับมาเมื่ออยู่ที่นี่ เคยคิดเมื่อก่อนนางเข้าวังมาด้วยสถานะอะไร และไม่รู้ว่าจะสามารถใช้สถานะอะไรเข้าวังมาได้ด้วย นางคงไม่ได้เข้ามาเพราะเป็นผู้หญิงของซ่างกวนเหมิงห้าวหรอกนะคิดถึงผู้หญิงคนเมื่อวานนี้ นางก็ไม่สบายใจ อีกอย่างตอนนี้นางคุ้นชินกับสถานที่แล้วรอให้ความจำกลับมาแล้วอาจจะหาท่านแม่เจอ ถึงแม้ความทรงจำเกี่ยวกับท่านแม่จะเลือนรางก็ตามแต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการตัดสินใจของนาง
“ทานข้าวยัง ข้าหิวแล้วมากินข้าวเป็นเพื่อนข้าหน่อย” ซินเหยานั่งลงก็ถูกซ่างกวนเหมิงห้าวลากไป
ซินเหยาถูกดึงไป ความรู้สึกที่ถูกจับเนื้อต้องตัว ความรู้สึกที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านออกไป นั่นคือซ่างกวนเหมิงห้าวกับซินเหยาตัวจริงที่จับมือกันไปกินข้าว ซินเหยายิ้มอย่างมีความสุข ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ถึงมีความรู้สึกที่ทั้งชอบและไม่ชอบ
“น้องหญิงเจ้าว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ขี้เหร่ขนาดนั้นข้าล่ะคิดไม่ตกจริงๆ” เป็นไปตามที่ไทเฮาคิดไปตอนนี้นางสนมเฉินกำลังร้องไห้พูดอยู่กับนางสนมผิง
แต่ถึงจะเป็นแค่นางสนมผิงแต่สำหรับเหล่าพระสนมที่เข้าวังมาก่อนนั้นพวกนางก็ยังคงให้ความเคารพเหตุผลก็เพราะ นางสนมผิงค่อนข้างเหมือนกับฮองเฮาที่ตายไปแล้ว
นางสนมผิงยิ้มแต่ในใจกลับนึกคิดถึงแต่ผู้หญิงคนนั้นที่นางสนมเฉินพูดถึงว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรทำไมฮ่องเต้ถึงได้หลงยิ่งนัก ใครกันนะ
“พี่หญิงคะ นั่นก็เพราะว่าฮ่องเต้ใจดีจึงได้ช่วยนางเอาไว้ หน้าตาเช่นนางจะทำให้ฮ่องเต้ชอบพอได้อย่างไรกัน มีแต่หน้าตาสะสวยเช่นพี่ฮ่องเต้ถึงได้รักได้หลง” นางสนมผิงชมเช่นนี้ทำให้คนฟังยิ้มจนแก้มจะปริ
ถึงแม้นางสนมเฉินจะไม่โง่แต่ถ้าถูกชมเช่นนี้ก็อาจลืมตัวได้ ผู้หญิงก็แบบนี้แหละ ยิ่งชมก็ยิ่งได้ใจ นางพูดขึ้นว่า “ดูเจ้าพูดเข้า ใครๆก็รู้กันว่าตอนนี้ฮ่องเต้รักเจ้าหลงเจ้าแค่ไหน”
ทั้งสองต่างพูดชมกันไปมา และก็วนกลับมาคุยกันเรื่องเดิม
“เจ้าว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นยังหน้าด้านอยู่ที่ตำหนักของฝ่าบาทอีก หาเรื่องนางดีไหม” นางสนมเฉินมองดูนางสนมผิงแล้วพูดขึ้น
นางสนมผิงมองดูสีหน้าของนางสนมเฉินนางก็รู้ว่าถ้าหากให้นางสนมเฉินสู้กับผู้หญิงคนนั้นงั้นคนที่ได้ประโยชน์ก็คือตนเอง
“พี่หญิงคะเจ้าว่าจะทำอย่างไรนางถึงจะจากไปแต่โดยดี ดูสิข้านี่ทำอะไรไม่ได้เลย” พูดมาถึงตรงนี้นางสนมผิงแกล้งบีบน้ำตา
สำหรับท่าทีของนางสนมผิงทำให้นางสนมเฉินรู้สึกว่าเพราะนางเป็นแค่ไฉเหรินนางจึงได้เสียใจแต่ก็แปลกใจฮ่องเต้เองก็ชอบนางสนมผิงทำไมถึงไม่ยอมแต่งตั้งนางให้ได้เป็นพระสนม ดูท่านางคงเป็นแค่ของเล่นใหม่ของฮ่องเต้ ยังไงเสียก็คงมีแต่คนอย่างตนเท่านั้นที่จะสามารถหยุดฮ่องเต้ได้ คิดมาถึงตรงนี้นางสนมเฉินก็กำมือแน่น
“เจ้าว่าถ้าหากนางติดโรคระบาดจะมีใครให้นางอยู่ในวังต่อไปไหม”
นางสนมผิงมองดูสีหน้าของนางสนมเฉินทำให้นางสะดุ้ง ได้ยินแต่คนพูดผู้หญิงนั้นน่ากลัว นี่…………
แต่ตอนนี้นางคือคนดู ถึงจะไม่รู้ว่าใครจะได้อยู่ข้างกายฮ่องเต้ แต่จะว่าไปมันก็น่าแปลกใจดีเหมือนกันนะ
“ไทเฮามีรับสั่งให้พระสนมทุกคนไปอยู่เป็นเพื่อนนาง ไทเฮาบอกว่าไทเฮาเหงา” นางกำนัลคนหนึ่งเข้ามาในตำหนักผิงจิ้งเพื่อบอกราชโองการของไทเฮา
“เพคะ” ทั้งสองคุกเข่าลงแล้วรับราชโองการ
พอนางกำนัลเดินจากไปแล้วทั้งสองก็มองตากันด้วยความสงสัย ราวกับว่าแปลกใจที่ไทเฮาเรียกตัวอย่างกะทันหัน
“เจ้าว่าเกี่ยวกับที่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาอยู่ในวังไหม” นางสนมเฉินมองดูนางสนมผิงด้วยความสงสัยแล้วพูดขึ้น
นางสนมผิงยิ่งรู้สึกแปลกใจกับผู้หญิงคนนั้น ดูท่าตนคงต้องไปดูเสียแล้ว แต่พอมองไปทางนางสนมเฉินสีหน้าก็ดูอบอุ่นทันที “พี่หญิงไม่ต้องเดาแล้ว ดูท่าคงจะใกล้ฉลองปีใหม่แล้วไทเฮาเลยเรียกพวกเราไป พี่หญิงไปก็รู้เอง เจ้าว่าไทเฮาจะเรียกตัวผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่านะ” นางสนมผิงกะพริบตาแล้วมองไปทางนางสนมเฉินราวกับกำลังชี้ทางอะไรสักอย่างให้
นั่นไง นางสนมเฉินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ไทเฮาท่านมาแม่นางซินเหยาจะมาไหม” นางกำนัลที่รับใช้ข้างกายไทเฮาคุยกับไทเฮา
ไทเฮาเงยหน้าขึ้นมองนางกำนัลคนนั้นเสียงนั่นเย็นราวกับน้ำแข็งดังเข้าไปในหูของนางกำนัลคนนั้น “นางมาก็ดีไม่มาก็ดี ยังไงก็มีให้รับ” ไทเฮาพูดและเน้นย้ำทำให้นางกำนัลตกใจมือสะดุ้ง
“ไทเฮาพูดถูก” นางกำนัลรีบพูด
ไทเฮามองดูท้องฟ้านอกประตูนั่นวันนี้หิมะไม่ตกอยากดูหิมะตกจริงๆ ไม่รู้ว่าหิมะจะตกมายัง พอถึงเวลาจะได้สนุก
“แม่นางเมื่อครู่ไทเฮาส่งคนมาบอกว่าอยากพบเจ้า” จื่อเย็นทำงานอยู่ในมือและพูดขึ้น
สำหรับสถานะของซินเหยาถึงจะไม่ชัดเจนแต่ยังก็อยู่กับฮ่องเต้มาได้สักพักแล้ว จื่อเย็นรู้และมองออกว่าฮ่องเต้รู้สึกยังไงกับแม่นางซินเหยา งั้นไม่เร็วก็ช้าคงได้เป็นพระสนม จื่อเย็นคิดเช่นนี้ จึงได้คิดว่าที่ไทเฮามาเชิญชวนคงไม่เป็นอะไรสำหรับซินเหยา ก็แค่ทำให้ชิน
แต่ซินเหยาถูกทรมานที่นั่นพอได้ยินว่าไทเฮาเรียกพบตนนางก็ตัวสั่นขึ้นมาทันที นางเริ่มที่จะหลีกเลี่ยงทุกอย่างที่เกี่ยวกับไทเฮาแล้ว
“ไม่ไปได้ไหม ข้าไม่ใช่ลูกสะใภ้ของไทเฮา คาดว่าคนที่ไปก็คงมีแต่เหล่าพระสนมในวังเจ้าว่าข้าไปทำอะไรล่ะ” ซินเหยามั่นใจว่าไทเฮาจะต้องไม่ยอมรามือแน่ แต่นางเองก็ฉลาดขึ้นแล้ว เมื่อก่อนอยู่นอกวังคือแอบมา แต่ตอนนี้อยู่ในวังคือยืมมือเขามา หากไม่ใช่เพราะตนกำลังบาดเจ็บและมีเรื่องที่ต้องสืบหาความจริงนางคงไม่ยอมถูกขังอยู่ในกรงทองนี้หรอก
จื่อเย็นรีบปิดปากซินเหยา “แม่นางเรื่องพวกนี้เจ้ารู้คนเดียวก็พอแล้วไม่ต้องพูดออกมา อีกอย่างมันเป็นเรื่องที่ช้าเร็วก็ต้องเกิดขึ้นไม่ใช่หรือ” จื่อเย็นมองดูรอบๆด้วยความระมัดระวังแล้วมองดูซินเหยาพร้อมกับยิ้มให้นาง