นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 747
ตอนที่ 747 ไม่มีใครกล้าไปยุ่งด้วย
ซินเหยามองดูเสี่ยวจาที่กำลังหลับตา ในใจก็เจ็บ “ไม่”
นางร้องขึ้นมา สายตาจ้องไปทางเก้อเหลี่ยง แววตาเต็มไปด้วยความแค้น
โอหยางซิงเฉินเห็นมีคนกำลังจะฟันไปที่หลังของซินเหยา เขากระโดดเข้าไป ซัดฝ่ามือไป แล้วรีบดึงซินเหยา
“ไป” นางไม่อยากให้ซินเหยาตายอยู่ที่นี่ เขาพึ่งจะเผชิญความยากลำบากมากมายกับซินเหยามา ความสำเร็จอยู่ตรงหน้าเขาจะยอมได้อย่างไรกัน
ซินเหยาไม่ไป คิดอยากจะดิ้น โอหยางซิงเฉินรีบขีบหน้าซินเหยาแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าเจ้ายังไม่ไปอีก ชีวิตของเสี่ยวจาก็ตายเปล่าแล้วนะ”
นี่คือครั้งแรกที่โอหยางซิงเฉินพูดตะคอกใส่ซินเหยา แต่ เพราะเสียงตะคอกนี้เลยดึงสติของซินเหยากลับมา
ใช่ ถ้าตนเองตายไปแล้ว ก็ไม่มีโอกาสแก้แค้นให้เสี่ยวจา
“ข้ารู้แล้ว”
ซินเหยาพยักหน้า ฆ่าฟันอย่างไม่รามือ ทุกดาบที่ฟันไปก็ถึงขั้นเอาชีวิตคน
คนพวกนั้นยังไม่เคยเห็นการฆ่ากันอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ ซินเหยาและโอหยางซิงเฉินก็เหมือนราวกับสัตว์ร้าย เห็นคนก็ฆ่า ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น คนพวกนั้นไม่มีโอกาสเข้ามาใกล้ตัวซินเหยาและโอหยางซิงเฉินเลย
ถือโอกาสนี้ ซินเหยาและโอหยางซิงเฉินก็กระโดดใช้วิชาตัวเบาเหาะลงเขาไป
คนพวกนั้นยังไม่ได้รับคำสั่งให้หยุดก็รีบตามลงไปทันที เก้อเหลี่ยงเห็นความบ้าคลั่งของซินเหยาและชายคนข้างๆเมื่อครู่นี้ อันที่จริงมีอยู่ครู่หนึ่งที่ขยับตัว แต่พอเห็นว่าทั้งสองลงเขาไปแล้ว ถ้าหากตามไปคงยากหน่อย เก้อเหลี่ยงสะบัดมือไปมา คนพวกนั้นถึงได้หยุด แล้วยกเก้อเหลี่ยงกลับ
“ใช่แล้ว พวกเจ้าก็จัดการเอาร่างของนางไปฝังด้วย”
ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยชอบเด็กที่ชื่อว่าเสี่ยวจา แต่ก็คือคนที่ตอนที่น้องชายยังมีชีวิตอยู่รักมากที่สุด ปกป้องอย่างดี เขาเห็นแก่หน้าเก้อปิงจึงได้ฝังนาง ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าคงโยนไปไว้หลังเขาแล้ว
ตู้เจิ้งหย่วนคิดไม่ถึงว่าซินเหยาและเพื่อนของนางจะหนีไปตอนกลางคืนแบบนี้
ตื่นนอนมาตอนเช้า ได้รับข่าวจากลูกน้องของตนเอง เขาจึงได้ตกใจมาก ได้ยินถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บขึ้นมาในใจ เขาไม่รู้ว่าความเจ็บนี้มาจากความเห็นใจ หรือว่าเขาชอบผู้หญิงคนนี้
ที่จริงตอนนั้นเขาเองก็อยากจะต่อว่าลูกน้องของตนเองที่ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย แต่คำพูดก็หยุดอยู่ที่ปาก แล้วกลืนลงคอไป นิสัยแบบนี้ของเขา เดิมก็ไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นอยู่แล้ว วันนั้นยื่นมือเข้าช่วยก็เป็นเรื่องที่แปลกมากแล้ว สำหรับลูกน้องที่เข้าใจตนเองมากนั้น ก็คงรู้ว่าเขามีนิสัยเป็นเช่นไร จะยื่นมือเข้าไปช่วยได้อย่างไร ดีที่พวกเขาหนีรอดไปได้ จุดนี้ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาเยอะ
“พวกเจ้าออกไปเถอะ เตรียมตัว พวกเราก็ควรไปได้แล้วเหมือนกัน”
ตนเองแค่ตามทุกคนมาที่เถาหยวนซานม้าย สำหรับคำสั่งเซวียนฮยนั้น เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด ดังนั้นครั้งนี้มาดูเรื่องสนุกจบแล้ว แน่นอนว่าก็ควรกลับได้แล้ว คงไม่มีเหตุผลอยู่ต่อไป
“เจ้าบ้านใหญ่หลายวันมานี้รบกวนแล้ว วันนี้เรื่องนี้ก็จบลงแล้ว ดังนั้นข้าเองก็คงต้องขอตัวลา”
ตู้เจิ้งหย่วนกำมือทำความเคารพ มองดูเก้อเหลี่ยงที่สีหน้าเศร้าโศก รู้ว่าการสูญเสียญาติมันเจ็บปวดแค่ไหน แต่ชีวิตคนก็เป็นแบบนี้แหละ ยิ่งในยุทธภพแล้วอยากจะหลีเลี่ยงก็เลี่ยงไม่ได้หรอก
เก้อเหลี่ยงเองก็ไม่มีแรงที่จะยิ้มรับกับปัญหาพวกนี้หรอก ยิ่งไม่มีวิธีที่จะไปยิ้มอะไร ถึงแม้จะเป็นแค่รอยยิ้ม ยิ้มออกมาก็ยังคงน่าเบื่อและไม่เต็มใจ
พูดไม่กี่ประโยคเก้อเหลี่ยงก็ไม่ได้รั้งตู้เจิ้งหย่วนเอาไว้
ตู้เจิ้งหย่วนถึงได้พาลูกน้องที่อยู่ครบไม่หายไปไหนสักคนกลับ ส่วนคนอื่นๆที่ไม่ได้เข้าไปในสถานที่ต้องห้าม ก็ค่อยๆทยอยมาขอตัวลากลับ ครั้งนี้ก็ถือเป็นการสูญเสียที่หนักหนาสำหรับยุทธภพเพราะมีคนตายและบาดเจ็บไปไม่น้อย
ตู้เจิ้งหย่วนขอตัวกลับเร็วขนาดนี้ก็เพราะเขาหวังว่าจะสามารถได้พบเจอกับซินเหยาอีก หรือสามารถช่วยอะไรได้ยิ่งดี
แต่ การลงเขาครั้งนี้ของเขาไม่ได้เจอกับซินเหยา แต่กลับได้เจอกับแขนคนหนึ่งอย่างบังเอิญและได้รับผลประโยชน์อย่างบังเอิญด้วย
ก้วยตี๋จือสู้จนเก้อปิงบาดเจ็บ แล้วยังนำเอาคำสั่งเซวียนฮยไปอีก ยังน้ำตัวฮงโต้วไปด้วย ทุกอย่างควรที่จะดึงดูดความสนใจของคนในยุทธภพ แต่เพราะไม่มีคนรู้ว่าก้วยตี๋จือกลับมาปรากฏตัวในยุทธภพอีกครั้ง และยิ่งไม่มีใครรู้ว่าเก้อปิงกับฮงโต้วคือศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน เสียงของเก้อปิงที่เรียกว่า อาจารย์ยิ่งไม่มีใครได้ยิน ดังนั้นทุกอย่างที่เหมือนจะทำให้ยุทธภพมีคลื่นที่ใหญ่เข้ามาอีก แต่กลับกลายเป็นว่าเงียบสงบไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ลุง เจ้าต้องการจะสั่งอะไร”
เสี่ยวเอ้อพูดต้อนรับแขกในร้านนี้ เห็นคนแก่คนหนึ่งมากับแม่นางคนหนึ่ง ถึงแม้เสี่ยวเอ้อจะเดาความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ถ้าจะพูดอีกแบบคือ ในใจรังเกียจ แต่หน้ากลับยิ้มอย่างมีความสุขออกมา
“ขอเมนูพิเศษมาสองสามอย่าง แล้วก็เหล้าดีๆ จำไว้ขอเหล้าดีๆและอายุมากๆ”
คนเฒ่านั้นไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา สั่งของไปหลายอย่าง แต่เหมือนจะรักและชอบเหล้ามาก
“ได้ขอรับ รอสักครู่นะครับ”
พอไม่มีคนแล้ว คนเฒ่าก็เงยหน้าขึ้นมา มองดูหญิงสาวข้างๆ “เด็กน้อย เจ้าดูเจ้าสิลืมไปหมดแล้ว จะให้ข้าสนุกในวันหน้าได้อย่างไร”
หญิงสาวคนนั้นได้แต่ทำตาปริๆ แต่เหมือนว่าปากจะขยับไม่ได้ ร่างกายเองก็ขยับไม่ได้เช่นกัน
คนแก่ส่ายหัวไปมา ในใจรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย จึงได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ
เวลานี้ คนรอบๆมองดูคนแก่และหญิงสาวที่อายุน่าจะเป็นหลายสาวของเขาอยู่ด้วยกัน ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกัน แต่ก็ยิ้มหัวเราะกัน คาดว่าคงคิดไปถึงอะไรที่ไม่ดีเป็นแน่
เสียงหัวเราะนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องบ้าๆแน่
“เอ้ พวกเจ้าว่า ครั้งนี้ที่เหล่าจอมยุทธทั้งหลายไปที่เถาหยวนซานม้าย ตายไปกันมากมาย”
หนึ่งในนั้นก็พูดขึ้นอย่างเสียงดัง ราวกับว่าตนเองนั้นรู้ดีเกี่ยวกับข่าวนี้
นั่นไงคนที่ไม่มีเรื่องมีอยู่มาก พอได้ยินเรื่องแบบนี้ก็รีบเข้ามาใกล้
“เกิดอะไรขึ้น”
“ใช่แล้ว พูดมา”
ทุกคนได้ฟังเรื่องใหม่ ก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที ล้วนอยากฟัง
คนคนนั้นทดสอบน้ำเสียงของตนเองแล้วถึงได้พูดขึ้นว่า “พวกเจ้าไม่รู้ คำสั่งเซวียนฮยอยู่ในสถานที่ต้องห้ามของเถาหยวนซานม้าย จากนั้นคนพวกนั้นก็เข้าไปที่นั่นเพื่อคำสั่งเซวียนฮย คิดไม่ถึงใช่ไหม ย้า ตายกันไปเกือบหมด เจ้าอยากได้ ทำไมถึงเรียกว่าสถานที่ต้องห้าม แน่นอนว่าอันตราย ถึงได้เรียกว่าสถานที่ต้องห้ามไง”
คนนั้นมองดูทุกคนที่ทำสีหน้าเสียดาย แต่ก็ไม่สนใจ ตอนนั้นเข้าได้ยินข่าวนี้มาจากพี่น้องของตนเอง ก็มีท่าที่เช่นนี้เหมือนกัน
“แล้วต่อจากนั้นล่ะ”
คนผอมคนหนึ่งข้างๆดูแล้วไม่น่าจะใช่คนดีอะไร สายตาขี้ขโมย ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
คนนั้นมองดูหนุ่มร่างผอมนั้นแล้วพูดต่อว่า “ต่อจากนั้น ต่อจากนั้นจะสามารถทำอะไรได้ คำสั่งเซวียนฮยถูกคนลึกลับเอาไปแล้ว ส่วนพวกคนที่เข้าไปในนั้น เหมือนจะตายกันเกือบหมด ขนาดเจ้าบ้านรองของเถาหยวนซานม้ายยังตายไปแล้วเลย”
ทุกคนได้ยิน ก็ร้องขึ้นมา เจ้าบ้านรองตายแล้วหรือ คำสั่งเซวียนฮยหายไป
แต่ บัณฑิตคนหนึ่งกลับสนใจเรื่องนี้ขึ้นมา ยิ้มแล้วถามขึ้นว่า “เจ้าบอกว่าตายกันเกือบหมด งั้นก็เท่ากับว่ายังมีคนรอด งั้นทำไมจะไม่ใช่คนพวกนั้นเอาคำสั่งเซวียนฮยไปล่ะ”
คนที่พึ่งพูดไปเมื่อครู่พอถูกบัณฑิตถามเช่นนี้ ตนเองกลับไม่ได้นึกถึงปัญหาข้อนี้ จึงได้โกรธแล้วโบกสะบัดมือ “เจ้าเป็นบัณฑิตจะไปรู้อะไร สองคนนั้นบาดเจ็บหนัก จะสามารถเอาคำสั่งเววียนฮยออกมาได้อย่างไร คำสั่งเซวียนฮยถูกคนเอาไปก่อนแล้ว”
พูดจบคนนั้นก็กลัวพวกบัณฑิตถามขึ้นมาอีก กลัวจะเสียหน้า จึงได้กินแล้วไม่พูดอะไรต่ออีก
แต่บัณฑิตคนนั้นเหมือนจะรู้มากกว่านั้น ตนเองขายตนเองพูดขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่า ครั้งนั้นเหมือนจะมีคนที่ไม่เข้าไปในสถานที่ต้องห้ามนั้นด้วย ขนาดตู้เจิ้งหย่วนที่ทุกคนเคารพนับถือยังไม่เข้าไปเลย”
พูดแบบนี้ ทำให้ทุกคนร้องเรียกขึ้นมา ตู้เจิ้งหย่วน คนลึกลับ ที่เขาเรียกกันว่าคนชุดขาวราวหิมะ เพราะเขาชอบใส่ชุดสีขาว และนิสัยอ่อนโยนราวกับหิมะ ทำให้คนรู้สึกได้ถึงความขาวสะอาด ดังนั้นจึงได้ชื่อนี้มา
คนแก่เดิมทีไม่ได้สนใจที่คนพวกนี้พูดกันเลย ต้องรู้ ว่าเรื่องพวกนี้เขารู้ดี และไม่ได้ใจจดใจจ่อ นอกจากศิษย์คนนั้นของตนตายแล้วและยังมีคนสองคนที่หนีรอดออกมาได้นี่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
นึกถึงเรื่องในวันนั้น เขาเห็นยังมีคนรอดชีวิตอยู่จริงๆ นั่นก็เท่ากับว่ามีคนเห็นเขา อั๊ยหยา เขาเสียดายขึ้นในใจนี่ก็เท่ากับหาเรื่องยุ่งยากให้ตัวเองน่ะสิ ทำไมไม่เตรียมผ้าปิดหน้าไปด้วย ดูท่าการเอาคำสั่งเซวียนฮยเอาไว้ที่ตนเองคงไม่ใช่เรื่องที่ปลอดภัยแต่อย่างใด วางที่ไหนดีนะ
เขาครุ่นคิดอย่างหนักในหัว ใครกันที่สามารถเชื่อถือได้
“ลุงนี่ของที่เจ้าต้องการ เหล้านี้คือเหล้าดีแน่นอน”
ไม่รู้ว่าเสี่ยวเอ้อโผล่มาตรงหน้าของก้วยตี๋จือตั้งแต่เมื่อไหร่ ยกกับข้าวและเหล้ามาวางเอาไว้
ก้วยตี๋จือกำลังคิดว่าใครกันนะที่เหมาะสมที่สุด คนข้างๆพูดถึงต็เจิ้งหย่วน เขารู้จักคนคนนี้ แต่ไม่รู้ทำไมคนพวกนี้เหมือนจะเคารพนับถือเขายิ่งนัก เสี่ยวเอ้อโผล่มาทำให้ก้วยตี๋จือถามคำถาม
“นายท่าน ค่อยๆกินนะ”
เสี่ยวเอ้อเอาของวางไว้เสร็จก็เตรียมจะเดินจากไป แต่ก้วยตี๋จือเรียกเขาเอาไว้ “รอก่อน ข้ามีเรื่องอยากถาม ตู้เจิ้งหย่วนที่พวกเขาพูดถึงเป็นคนอย่างไรหรือ”
ก้วยตี๋จือไม่ได้รู้สึกว่าคำถามนี้ไม่เหมาะสมตรงไหน แต่เสี่ยวเอ้อกลับรู้สึกประหลาดใจ “ลุง ตู้เจิ้งหย่วนก็คือคุณชายเสื้อขาวเจ้าไม่รู้หรือ เจ้าพึ่งจะออกมาใช่ไหมเนี่ย”
เสี่ยวเอ้อพูดถึงตู้เจอ้งหย่วน แววตานั่นแสดงความเคารพนับถือยิ่งนักแล้วก็ยกย่องความสำเร็จของตู้เจิ้งหย่วน
ครั้งนี้ก้วยตี๋จือถึงได้รุ้ถึงความสามารถของตู้เจิ้งหย่วน ที่แท้เมื่อสามปีก่อนหลังจากที่เขาหายไปก็ตู้เจิ้งหย่วนก็โผล่มา มีคนคนหนึ่งโผล่มา เพราะกิจการของเขาดี เพราะเขาเป็นคนใจบุญ ไม่เคยแสดงวรยุทธของตนเองออกมาให้ใครเห็น แต่ก็เหมือนว่าจะไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเขาด้วย ว่ากันว่าเมื่อก่อนมีคนไม่เชื่อ อยากจะลองดี วันต่อมา คนพวกนั้นแขนขาขาดและถูกทำลายวรยุทธออกมา แต่มีคนถามคนพวกนั้น คนพวกนั้นกลับไม่ยอมปริปากพูดว่าตนเองเจออะไรมา ยิ่งทำให้ไม่รู้ว่าสรุปแล้วตู้เจิ้งหย่วนมีหรือไม่มีวรยุทธกันแน่ ตนเองบาดเจ็บได้อย่างไร ไม่พูดแม้แต่คำเดียว เพราะเหตุนี้ตู้เจิ้งหย่วนจึงค่อยๆมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ
ก้วยตี๋จือได้ฟังเสี่ยวเอ้อพูดก็พยักหน้าอย่างไม่หยุด รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ เสี่ยวเอ้อไม่รู้เลยว่าก้วยตี๋จือคิดอะไรอยู่ และไม่ได้มีใจที่จะไปยุ่งด้วยความคิดของลูกค้าไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาต้องไปยุ่งด้วยได้
คิดไม่ถึงว่าตู้เจิ้งหย่วนจะเก่งขนาดนี้ กว่วยดี๋จื่อพูดเช่นนี้ในใจ แววตามีประกาย ราวกับว่าได้วางแผนดีๆเอาไว้แล้ว
พอกินอิ่มดื่มพอแล้ว ก้วยตี๋จือก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ แต่พอกำลังจะไปก็ถูกขวางเอาไว้
“ลุงขอโทษด้วยนะ เจ้ายังไม่จ่ายเงินนะ” เสี่ยวเอ้อไว้หน้าให้แล้ว แต่น้ำเสียงของคำพูดไม่ได้น่าฟังเท่าตอนเข้ามาเมื่อครู่นี้