นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 749
ตอนที่ 749 ทำตามอย่างง่ายดาย
เสี่ยวเอ้อทำหน้าบูดรีบเดินไปอย่างไม่มีคน
ก้วยตี๋จือมีเรื่องสำคัญต้องทำ แน่นอนว่าไม่มีเวลามาเล่นกับเสี่ยวเอ้อ
ตู้เจิ้งหย่วนพาก้วยตี๋จือมาที่ห้องที่ดูหรูหรา
“แม่นางท่านนี้คือ”
ตู้เจิ้งหย่วนถึงได้พบว่าก้วยตี๋จือพาผู้หญิงคนหนึ่งมาด้วย แต่ทำไมเหมือนผู้หญิงคนนี้จะไม่พูดอะไรเลย ขนาดว่าเขารับรู้ไม่ได้ถึงลมหายใจของแม่นางคนนี้หว่ายดี๋จื่อยิ้ม “นี่คือบุตรสาวของข้า นางไม่เชื่อฟัง ข้าเลยต้องทำเช่นนี้ ปกตินางชอบก่อเรื่อง อัยหย่า……………..” พูดไปก้วยตี๋จือก็น้ำตาคลอราวกับว่าเป็นห่วงจนใจแตกเป็นเสี่ยงๆ
ฮงโต้วมองเขาตาขวาง ดูถูกการแสร้งของก้วยตี๋จือ
ตู้เจิ้งหย่วนมองดูฮงโต้วทำตาขวาง แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของแม่นางคนนี้กับก้วยตี๋จือจะไม่เลวนัก เขาเป็นคนนอกก็ไม่ควรถามอะไรมาก แน่นอนว่าได้แต่มองดูอยู่ข้างๆ
เสี่ยวเอ้อยกกับข้าวขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้ดีกว่าครั้งที่แล้ว มองดูแววตาที่ส่องประกายของก้วยตี๋จือ พึ่งจะกินอิ่ม กลับหิวอีกแล้ว
แต่ ครั้งนี้เขาได้แก้จุดของกงโต้ว ให้ฮงโต้วได้กินข้าวอย่างปกติ
ฮงโต้วเองก็ไม่เกรงใจ ดูจากวรยุทธแล้วจะให้นางสู้นางก็คงสู้ไม่ได้หรอก คิดอยากหนีก็คงต้องถูกตามจับตัวมาอยู่ดี ดังนั้นเลยได้แต่ทำตามแต่โดยดี กินดีดื่มดีขนาดนี้ไม่ดีตรงไหน
พอทั้งสองกินจนอิ่ม ในที่สุดก้วยตี๋จือก็วางชามกับตะเกียบลง
“ตู้เจิ้งหย่วนเจ้าว่าข้าควรจะขอบคุณเจ้ายังไงดีนะ”
ก้วยตี๋จือมีท่าทีที่รู้สึกลำบากใจ ราวกับว่าตนนั้นได้พบเจอกับคนที่ดีอย่างตู้เจิ้งหย่วน
แต่คำพูดนี้ของก้วยตี๋จือทำให้ตู้เจิ้งหย่วนตกใจไม่น้อย ทำไม ตู้เจิ้งหย่วนรู้สึกว่าก้วยตี๋จือไม่ธรรมดาแน่ๆตอนนั้นเล่นอะไรนิดหน่อยก็ทำให้คนพูดไม่ออก เขาล่ะกลัวจริงๆว่าตาเฒ่าคนนี้จะอาปัญหาอะไรยากๆมาให้เขา นั่นถึงจะเรียกว่าลำบากของจริง ดังนั้นเขาจึงรีบพูดขึ้นว่า “สามารถช่วยท่านเลี้ยงท่านได้คือความโชคดีของข้า ถ้าหากท่านจะพูดขอบคุณหรือเรื่องอะไรอื่นๆนั่นเท่ากับว่าดูถูกข้า”
ก้วยตี๋จือมองดูความระวังของตู้เจิ้งหย่วน ก็ทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจ หนวดเหมือนจะถูกเขาเป่าจนปลิวออกมา
“ข้าว่าตู้เจิ้งหย่วนเจ้าพูดเช่นนี้ถึงจะเรียกว่าดูถูกข้า ข้าบอกแล้วว่าจะขอบคุณเจ้านั่นคือต้องขอบคุณ เอาแบบนี้ ข้ามีของสำคัญอยู่ชิ้นหนึ่งข้าเอาไว้เจ้าไว้ก่อน รอข้ามีเงินแล้วจะเอาขอซื้อคืน” ก้วยตี๋จือพูดไปพลางหยิบของออกมาจากด้านหลังของตนเอง แล้ววางไว้บนโต๊ะอย่างไม่รู้สึกเสียดาย
พอเห็นของสิ่งนี้ ของสำคัญด้วย ในใจของตู้เจิ้งหย่วนบ่นพึมพำ เกรงว่านี่คงจะเป็นความคิดที่แท้จริงของเขาสินะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นของอะไร ถึงต้องเอามาไว้ที่เขา ตู้เจิ้งหย่วนรู้สึกลำบากใจจริงๆ
“ท่าน นี่ท่าน…….” ตู้เจิ้งหย่วนคิดอยากจะปัดไม่รับ สายตามองดูสีหน้าของก้วยตี๋จือที่ขรึมขึ้นเรื่อยๆ เขาคิดไม่ออกเลยจริงๆว่าจุดไหนของตนเองที่ทำให้ตาเฒ่าคนนี้เชื่อมั่นและไว้ใจตนเอง
“ข้าบอกว่าเอาไปก็เอาไป เจ้าว่าดีไหม เจ้าวางใจเถอะ”
ก้วยตี๋จือพูดไปก็ลุกขึ้นแล้วลากฮงโต้วจากไป
นี่คือครั้งแรกที่ตู้เจิ้งหย่วนเจอคนที่ยืนยันจะมอบของให้ วันนี้เขาได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆอีกแล้ว แต่ดูท่าของสิ่งนี้คงไม่ใช่ของเล็กๆแน่ เกรงว่าคงมีที่มาที่ไปแน่
จริงๆแล้วก้วยตี๋จือเองก็แอบดีใจนิดๆ ตั้งแต่ที่เขารู้จักกับตู้เจิ้งหย่วนมาเขาก็รู้สึกว่าตู้เจิ้งหย่วนเป็นคนที่ดีคนหนึ่ง ตอนนี้ยังมาได้ยินทุกคนพูดถึงเขาในทางที่ดีอีกยิ่งทำให้เขาวางใจ ตอนนี้ของก็เอาออกไปแล้วทีนี้เขาก็สามารถตั้งใจรักษาโรคให้ฮงโต้วได้แล้ว
“ใช่แล้ว ลืมบอกเจ้าว่าข้าคืออะไรของเจ้า ข้าคือก้วยตี๋จือ”
ก้วยตี๋จือพูดจบก็ลากฮงโต้วแล้วออกจากโรงเตี๊ยมนี้ไป
ตู้เจิ้งหย่วนรีบลุกขึ้น ก้วยตี๋จือชื่อนี้เมื่อตอนนั้นโงดังแค่ไหน หลังจากนั้นก็ปิดชื่อปิดแซ่ก็กลายเป็นแค่ตำนานไป วันนี้โผล่มาที่นี่ ถึงว่าทำไมเขารู้สึกว่าวรยุทธของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ถ้าเขาธรรมดางั้นใครกันล่ะที่จะสามารถเรียกได้อีก
ไม่รู้เหมือนกันว่าของในนี้คืออะไร ขอแค่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็พอแล้ว ตู้เจิ้งหย่วนหยิบของคิดอยากจะเอาไปไว้ที่ที่พักของเขา
ซินเหยากับโอหยางซิงเฉินหนีออกจากเถาหยวนซานม้าย ซินเหยาเองก็ไม่ได้มีความคิดเห็นอะไร ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดีนางรู้ว่าโอหยางซิงเฉินคือประมุขของเหยเสีย ส่วนตนเองนั้นก็ได้ขาดการติดต่อกับลูกน้องไป ซินเหยาคิดคงต้องพาโอหยางซิงเฉินไปรักษาตัวก่อน
“ซิงเฉินเจ้ายังทนได้ไหม”
กลางค่ำกลางคืนเช่นนี้ อยู่ในป่า ซินเหยาไม่รู้เลยว่าโอหยางซิงเฉินที่บาดเจ็บหนักแล้วพึ่งจะสู้กันเมื่อครู่นี้อีกไม่รู้ว่าจะสามารถทนได้อีกนานแค่ไหน
สีหน้าของโอหยางซิงเฉินในความมืดนี้ได้ขาวซีดไปหมดแล้ว น้ำเสียงยิ่งอ่อนแรงลงไปอีก เขาไม่อาจจะทนอีกต่อไปได้แล้วจริงๆ แต่เพราะเสียงเสียงหนึ่งทำให้เขาต้องอดทน ในความคิดของเขาทั้งสองคนเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดยิ่งนัก
“ซินเหยาข้าเหนื่อยเหลือเกิน…………………..”
ตอนนี้เขาเหนื่อยมากแล้วจริงๆ ลงมาจากเถาหยวนซานม้าย กลัวว่าจะมีคนคอยสะกดรอยตาม พวกเขาหนี แล้วก็หนี หนีมานานมากถึงได้หยุด
ซินเหยาได้ยินเสียงของโอหยางซิงเฉิน นางรู้ว่าน้อยครั้งนักที่โอหยางซิงเฉินจะแสดงความอ่อนแอต่อหน้านาง ตอนนี้ดูท่าคงเหนื่อยมากจริงๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่พูดเช่นนี้ออกมา
นางรีบพยุงโอหยางซิงเฉินนั่งลง ซินเหยาหาก้อนหินมาสองก้อนแล้วจุดไฟอยู่นานกว่าจะจุดติด
เวลานี้นางถึงได้เห็นสีหน้าของโอหยางซิงเฉินว่าขาวซีดไม่มีเลือดฝาดเลย ริมฝีปากแห้งแตกแววตาพร่ามัว
ส่วนบาดแผลที่หน้าอกของเขาเพราะต่อสู้เมื่อครู่ทำให้มีเลือดไหลออกมา
ซินเหยาไม่สนใจบาดแผลที่ไหล่ของตนเองรีบฉีกผ้าที่เสื้อของตนแล้วเอาผ้าพันแผลอันเก่าออกจากนั้นก็พันแผลให้เขาใหม่ โชคดีที่มียาของคนที่ชื่อตู้เจิ้งหย่วน ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าจะรอดพ้นจากอันตรายในครั้งนี้ได้อย่างไร
โอหยางซิงเฉินนั่งอยู่ข้างๆซินเหยา รู้สึกกได้ถึงซินเหยากำลังพันผ้าให้ตนเอง ลมหายใจนั่นอยู่แถวๆคอของเขา ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ใจเขาตื่นเต้น ทันใดนั้นเขาก็เบิกตากว้าง
พอดีกับที่ซินเหยาพันผ้าให้เขาเสร็จ เขาสะดุ้งกระวนกระวายราวกับว่าคิดอะไรที่สำคัญๆขึ้นมาได้
“ซิงเฉินเจ้าเป็นอะไร” ซินเหยารู้สึกเป็นห่วง เมื่อครู่นางเห็นว่าโอหยางซิงเฉินแค่เหนื่อยมาก ตอนนี้สะดุ้งขนาดนี้เขาเป็นอะไร
โอหยางซิงเฉินดึงซินเหยาเข้ามา เห็นแผลที่ไหล่ซ้ายของนาง เวลานี้เหมือนเลือดจะแห้งแล้วแต่ก็ยังมีเลือดไหลออกมาข้างนอก
“ทำอย่างไรดี ทำอย่างไรดี” โอหยางซิงเฉินเจ็บปวดใจแต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะดี ซินเหยาคือผู้หญิง เขาม่อาจพันแผลให้นางได้ โอหยางซิงเฉินเป็นห่วงจนร้องไห้เหมือนเด็กๆ
ซินเหยาเห็นโอหยางซิงเฉินร้องไห้เพราะแผลของตนเอง ใจของนางเหมือนตกอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่น ณ เวลานี้ใจนางเต้นระลอกแล้วระลอกเล่า เต้นแล้วเต้นอีก
“ไม่เป็นไร นี่แค่แผลเล็กน้อย เดี๋ยวก็ไม่ไหลแล้ว”
ซินเหยาเองก็ไม่สะดวกพันแผลให้ตนเอง ดูท่าคงมีแค่วิธีนี้พูดให้เหตุผลเช่นนี้ให้โอหยางซิงเฉิน
โอหยางซิงเฉินขมวดคิ้ว เจ็บปวดในใจ เขาหลับตาราวกับว่าได้ตัดสินใจแล้ว จากนั้นก็ลืมตาขึ้นจ้องมองดูซินเหยา พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ซินเหยาให้ข้าพันแผลให้เจ้าเถอะ”
พูดจบ เขากลับรู้สึกทำตัวไม่ถูกมองดูซินเหยากลัวว่าซินเหยาจะเข้าใจเขาผิด
ซินเหยายิ้ม นางคือคนในยุคปัจจุบันแน่นอนว่าไม่กลัว เมื่อครู่นางเองก็กลัวว่าจะหุนหันพลันแล่นเกินไป ตอนนี้เขาเองก็ไม่สนใจ ซินเหยาจึงได้พยักหน้า
โอหยางซิงเฉินดีใจสำหรับคนในอดีตการไม่ปฏิเสธเช่นนี้ก็เท่ากับว่าผู้หญิงคนนั้นยอมรับความรักจากเขา
เขาปวดใจจนฉีกเสื้อของซินเหยาจนขาด จากนั้นก็ค่อยๆเช็ดรอยเลือดแล้วฉีกผ้าจากชุดของตนเองมาพันแผลให้ซินเหยาเบาๆกลัวว่าซินเหยาจะเจ็บ เขาพันแผลด้วยความระมัดระวัง ราวกับว่ากำลังดูแลเครื่องลายครามที่แตกง่าย ปากเป่าไปที่แผลของซินเหยาเบาๆแล้วก็มัดไว้
พอโอหยางซิงเฉินพันแผลให้ตนเองเสร็จซินเหยาไม่ได้มีความรู้สึกไม่เขินอายอะไร แต่พอลมหายใจของโอหยางซิงเฉินเป่ามากระทบตัวนางนางกลับรู้สึกเหมือนมีไฟช๊อตไปทั่วตัว ทำให้นางรู้สึกตัวร้อนขึ้นมาทันที
ส่วนโอหยางซิงเฉินนั้นก็พูดประโยคหนึ่งขึ้นมาทำให้ซินเหยาทำตัวไม่ถูก “วางใจข้าจะรับผิดชอบเจ้าเอง”
ซินเหยาคือคนในยุคปัจจุบันไม่ได้คิดอะไรมากมาย แต่ประโยคนี้นี่คือยุคอดีตนั่นก็เท่ากับว่าโอหยางซิงเฉินจะแต่งงานกับซินเหยา ซินเหยาคิดอยากจะปฏิเสธแต่ในใจกลับทนไม่ได้ ช่างแตกต่างกับนางที่ปกติแล้วจะเย็นชามาก ล้วนพูดว่าความรักทำให้คนตาบอด นางไม่รู้เลยว่าตนเองตกลงมาในความอบอุ่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ซินเหยาไม่ตอบ เพียงแต่ให้โอหยางซิงเฉินพิงไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง “เจ้าพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้เราต้องไปจากที่นี่ยังไงเสียที่นี่ก็ไม่ปลอดภัย”
โอหยางซิงเฉินเห็นว่าซินเหยาไม่ได้ปฏิเสธ และไม่เหมือนกับเมื่อก่อนทำให้เขามีความหวังขึ้นมา เดิมทีตอนที่พูดประโยคนี้เขาเองก็รู้สึกกล้ากลัวๆ ตอนนี้เป็นเช่นนี้ ทำให้เขามีความหวัง แต่สีหน้าท่าทางยังคงแน่นิ่ง พยักหน้าจากนั้นก็หลับตา แต่มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาแล้ว
ซินเหยาเห็นว่าโอหยางซิงเฉินไม่ได้พูดอะไรอีกใจจึงได้ไม่ตื่นเต้น ไม่เช่นนั้นนางเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ความมืดปกคลุมทั่วท้องฟ้า นอกจากเสียงกิ่งไม้จากกองไฟที่กระพริบไปมาแล้ว เงียบสงบ ซินเหยานั่งเงียบๆในใจเจ็บปวด
นางนึกถึงหญิงสาวคนเมื่อครู่ที่ชื่อเสี่ยวจา นึกถึงวันพวกนั้น เสี่ยวจาพูดกระซิบข้างหูนาง ยิ้มอยู่ข้างๆตัวนาง
“แม่นางซินเหยา เจ้าดูตัวอักษรที่ข้าเขียนสวยไหม”
เวลานั้นเสี่ยวจาชอบเอาตัวอักษรที่ตนเองเขียนเสร็จแล้วมาให้นางดูด้วยความภูมิใจ และหลังจากที่ได้รับคำชมจากซินเหยานางก็จะดีใจกระโดดโลดเต้นเหมือนไก่น้อย
“แม่นางซินเหยา เจ้าวาดได้สวยมาก ดอกไม้นี้เหมือนจริงมาก อ่อ ไม่ใช่ เหมือนจริงยิ่งกว่าของจริงอีก”
เวลานั้นเสี่ยวจาสามารถพูดชมได้นิดหน่อย และเพราะคำพูดนั้นทำให้ซินเหยารู้สึกอยากหัวเราะ
“แม่นางซินเหยา……….”
ซินเหยาคิด คิด จากนั้นก็ยิ้ม ยิ้มแล้วก็ยิ้ม น้ำตาค่อยๆไหลออกมา ซินเหยาส่ายหัวไปมา ตนเองช่างอ่อนแอนัก
“เสี่ยวจาวางใจเถอะ เจ้าจะต้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเจ้าบ้านรองของเจ้าแน่ เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะแก้แค้นให้เจ้าเอง”
มองดูความมืดซินเหยาตัดสินใจและประกาศเอาไว้
โอหยางซิงเฉินหันตัวมามองดูซินเหยาน้ำตาไหล แล้วก็พูด เขาไม่ได้ขัดซินเหยา เขารู้ว่าซินเหยาที่เข้มแข็งชอบอำพรางตนเองนางไม่ชอบให้คนอื่นรู้ว่านางอ่อนแอ โอหยางซิงเฉินจึงได้พูดในใจตนซ้ำไปซ้ำมาว่า : ซินเหยาวันหน้าข้าจะอยู่กับเจ้าเองไม่ว่าจะไปไหน หรือทำอะไร