นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 772
ตอนที่ 772 ด่าว่าตนเองเป็นหมู
“ยังจำได้ไหม ครั้งที่แล้วที่คุณเป็นลมไป แล้วผมมาเยี่ยมคุณตอนกลางคืน ในตอนนั้นคุณช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก”
“ฉันในตอนนั้นหรือ” ซินเหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็คิดไม่ออกเลยจริงๆว่าตนเองในตอนนั้นสภาพเป็นเช่นไร ดังนั้นจึงได้ถามขึ้นว่า “ฉันในตอนนั้นเป็นอย่างไรหรือ”
“คุณลืมแล้วหรือ ถ้าลืมไปแล้วก็ไม่ต้องพูดถึงมันอีก”
“เกลียดที่สุดพวกคนที่ทำให้อยากรู้แล้วไม่พูด คุณจะพูดหรือไม่พูด”
“พูดน่ะได้ แต่พูดจบแล้วห้ามด่าผมนะ ถ้าด่าผมเป็นหมาน้อยนะ”
“ได้ได้ ฉันไม่ใช่คนใจแคบแบบนั้นหรอก………….” ซินเหยาพูดด้วยความใจกว้างพร้อมกับโบกมือ
“ตอนนั้นคุณกำลังเปิดประตู ผมก็ได้กลิ่นหอม ถ้าจะพูดให้ชัดเจนก็คือน่าจะเป็นกลิ่นหอมหลังจากอาบน้ำเสร็จ จากนั้นก็เห็นคุณที่ใส่ชุดคลุมอาบน้ำ เห็นเนินอกนิดๆ……ว้าว คุณในตอนนั้นไ…………” เจี่ยนส้าวจู้นพูดปอย่างหลงใหลและพลางมองไปที่หน้าอกของซินเหยา
ซินเหยารับรู้ได้ถึงสายตาที่ร้อนผ่าวมองมาที่ตนเอง หน้าของเธอแดง แล้วพูดขึ้นว่า “ดูอะไร ถ้ายังจะดูอีกฉันจะควักลูกตาคุณออกมา” พูดจบก็ไม่ได้สนใจเจี่ยนส้าวจู้นอีก รีบเร่งฝีเท้าแล้วทิ้งเจี่ยนส้าวจู้นเอาไว้ข้างหลัง
เจี่ยนส้าวจู้นรีบตามไป แต่เหมือนว่าซินเหยาจะแข่งกับเขา เจี่ยนส้าวจู้นยิ่งเร็วเท่าไหร่ซินเหยาก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น ผ่านสวนสาธารณะไปก็เข้าสู่ถนนเล็กๆเส้นหนึ่ง ไม่นานถนนก็เป็นถนนก็ขรุขระแต่ทั้งสองยังคงแข่งกันอยู่ เวลานี้เหงื่อไหลเต็มหน้าผากของซินเหยาแล้ว
“ซินเหยารอผมด้วย”
เจี่ยนส้าวจู้นที่อยู่ด้านหลังไม่ไกลนักพูดขึ้น
ซินเหยาหันมายิ้มแล้วพูดว่า “ไม่รอหรอก รอคุณฉันก็โง่สิ แน่จริงก็ตามมาให้ทัน ตามไม่ทันเป็นหมูนะ”
ซินเหยาพูดจบประโยคนี้ก็รู้สึกซึมหน่อยๆ ไม่รู้ทำไมเวลาอยู่กับเจี่ยนส้าวจู้นถึงได้มีความสุขโดยไม่มีเหตุผล ขนาดใจยังเปลี่ยนไปเป็นเด็กน้อยแล้ว คำพูดที่ปัญญาอ่อนแบบนี้ยังพูดออกมาได้
“ได้สิดูสิว่าใครกันที่เป็นหมู” เจี่ยนส้าวจู้นพูดจบก็ไม่พูดอีกรีบปั่นทันที
ซินเหยาเองก็ไม่ยอมแพ้ทั้งสองเริ่มแข่งกันอีกครั้งบนถนนที่ขรุขระขึ้นภูเขาไป
ตาดูใกล้นิดเดียวแต่ทำไมไกลจัง ประโยคนี้พูดเอาไว้ไม่มีผิด
ซินเหยาวิ่งมาจะสิบนาทีแล้ว ภูเขานั่นอยู่แค่ตรงหน้าเองแต่ทำไมไปไม่ถึงสักที
ส่วนเจี่ยนส้าวจู้นเองก็ปั่นอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ข้างหลังของเธอ
ปั่นไปอีกไม่กี่นาที ที่ราบภูเขาอยู่ตรงหน้าซินเหยารีบเร่งความเร็วอีก
ซินเหยาเหยีบที่ราบภูเขาแล้วยกสองมือขึ้นพร้อมกับตะโกนว่า “อ้า…..ฉันชนะแล้ว………เจี่ยนส้าวจู้นคือหมูน้อย”
เสียงของซินเหยาสะท้อนออกไปไกล
เวลานี้เจี่ยนส้าวจู้นเองก็มาถึงแล้วเขา พอเขาเอารถวางไว้ดีๆก็ยิ้มแล้วเดินมาหาซินเหยา มองดูท้องฟ้าที่กว้างใหญ่แล้วตะโกนออกมาว่า “ผมแพ้แล้ว……เจี่ยนส้าวจู้นคือหมูน้อย”
ฮ่าๆๆๆๆ
ซินเหยาหัวเราะออกมา
“บ้ามีใครที่ไหนว่าตัวเองว่าเป็นหมู” ซินเหยามองค้อนเจี่ยนส้าวจู้นแล้วพูดขึ้น
เจี่ยนส้าวจู้นไม่ได้ตอบกลับอะไร แต่กลับยิ้มแล้วหยิบน้ำแร่จากกระเป๋าเป้ออกมายื่นให้ซินเหยาหนึ่งขวด
ซินเหยารับไว้อย่างไม่เกรงใจแล้วดื่ม
เจี่ยนส้าวจู้นก็หยิบขึ้นมาอีกขวดแล้วดื่มหลังจากที่ดื่มเสร็จก็เอามาล้างหน้า
ลมพัดผ่านมาทำใหซินเหยารู้สึกเย็นวูบ…….
เวลานี้เที่ยงกว่าแล้ว พระอาทิตย์ขึ้นสูง ซินเหยามองดูรอบๆหาต้อนไม้น้อยแล้วนั่งลงใต้ต้นไม้ มองดูทิวทัศน์รอบๆ
แชะ
มีแสงกระทบเข้าตาซินเหยา ซินเหยามองไปตามแสงนั่นก็เห็นเจี่ยนส้าวจู้นกำลังถือกล้องถ่ายรูปเล็กๆแอบถ่ายรูปตนเอง
ในขณะที่เจี่ยนส้าวจู้นกำลังถ่ายรูปเธออยู่นั้นซินเหยารีบหันหน้าไป
“คุณหยิบกล้องถ่ายรูปมาตอนไหน ทำไมฉันไม่เห็นเลย” ซินเหยาถามขึ้น
เจี่ยนส้าวจู้นเห็นว่าแอบถ่ายไม่ได้แล้ว จึงเข้ามาแล้วดื่มน้ำและพูดขึ้นว่า “แอบเอาไว้ ต้องใจไม่ให้คุณเห็น ถ้าคุณเห็นก็แอบถ่ายรูปที่สวยงามเช่นนี้ไม่ได้น่ะสิ”
ซินเหยาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ทำไม โกรธหรอ” เจี่ยนส้าวจู้นถามขึ้น
“ไม่ใช่”
“จริงหรือ”
ซินเหยาหันหน้ามาจ้องตากับเจี่ยนส้าวจู้นแล้วพูดขึ้นว่า “สายตาของคุณพอเห็นแล้วทำให้ฉันโกรธ”
เจี่ยนส้าวจู้นนิ่งไม่พูดได้แต่จ้องมองซินเหยาแล้วเข้ามาใกล้ๆใบหน้าของเธอ
ทันใดนั้นซินเหยาก็ใจเต้นแรงขึ้นมา เธอรู้ว่าเรื่องที่เจี่ยนส้าวจู้นจะทำกับเธอคืออะไรนั่นคือจูบเธอไง
เวลานี้ใจของเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะแล้ว
ต้องหลับตาแล้วรอการมาของจูบงั้นหรือ
หรือว่าต้องหลบดี
ในใจแอบรอ แต่ ทำไมถึงได้รู้สึกว่ามีอะไรไม่ปกตินะ นางรู้สึกกับเจี่ยนส้าวจู้นก็ดีอยู่นะ แต่ถ้าไปถึงความสัมพันธ์แบบนั้น ซินเหยากลับรู้สึกว่ามันแปลกๆ
เวลาไม่อาจรอให้เธอคิดเยอะขนาดนั้น ในขณะที่ริมฝีปากของเจี่ยนส้าวจู้นกำลังจะเข้ามา ซินเหยาก็หันหลบไปข้างหลังทันที
เจี่ยนส้าวจู้นลืมตาขึ้น พบว่าซินเหยาหน้าแดงมองหน้าเขา
เจี่ยนส้าวจู้นเขินจนแกล้งไอแล้วพูดขึ้นว่า “วันนี้อากาศร้อนดีจัง”
ซินเหยามองหน้าเจี่ยนส้าวจู้นอย่างไม่พูดอะไร
“ขอโทษนะ” เจี่ยนส้าวจู้นพูดขึ้น
ซินเหยาพูดแทรกเขาขึ้นมาว่า “คนที่ต้องขอโทษคือฉันนะ”
“ผมดีไม่พอใช่ไหม” เจี่ยนส้าวจู้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา
“ไม่ใช่ปัญหาของคุณหรอก” ซินเหยาก้มหน้าพูดขึ้น “เป็นเรื่องของฉันเอง”
เจี่ยนส้าวจู้นรีบพูดขึ้นว่า “ถ้าคุณยินดี……………”
“พวกเราเป็นเพื่อนกันดีไหม” ซินเหยาพูดตัดบทเขา
เจี่ยนส้าวจู้นได้ยินเช่นนั้นก็เหมือนถูกไฟช๊อต สติหายไปหมด
“คุณเป็นคนดีมาก” ซินเหยาพูดต่อ “เพียงแต่แค่ฉันคิดว่ายังไม่พร้อม ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำอีก รอให้คุณเข้าใจว่าฉันเป็นคนยังไง คุณอาจจะไม่ได้รู้สึกแบบนี้แล้วก็ได้ เวลานั้นความเป็นเพื่อนจะได้ไม่เจ็บมาก”
“ที่จริงแล้ว…………”
“รอให้ฉันพูดให้จบก่อน”
เจี่ยนส้าวจู้นอยากจะพูดแต่ก็ถูกซินเหยาพูดตัดบทอีก
“ที่จริงแล้วฉันชอบความรู้สึกเวลาอยู่กับคุณ มีความสุข และก็มีเพียงคุณที่แอบทำอะไรมากมายขนาดนั้นเพื่อฉัน และก็มีเพียงแค่คุณที่จำทุกๆรอยยิ้มของฉันได้ ของพวกนี้ขนาดตัวฉันเองยังจำมันไม่ได้เลย ที่จริงแล้วครั้งนี้ที่ขับรถมาก็เป็นแค่ข้ออ้าง เพื่อทำให้ฉันมั่นใจความรู้สึกที่มีต่อคุณ และในเวลาเดียวกันก็ให้รู้แน่ชัดว่าคุณทำอะไรให้ฉันบ้างมากมาย”
ที่จริงแล้ว เมื่อคืนที่ป้าของคุณโผล่มา ฉันรู้แล้วว่าฉันควรไปได้แล้ว ซินเหยาพูดจบ แววตาปรากฏความเศร้า
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือความรู้สึกเธอควรจากไปได้แล้ว
เธอไม่อยากหลอกใช้เจี่ยนส้าวจู้นอีกต่อไปแล้ว เธอไม่อยากทำร้ายใจดวงนั้น
เจี่ยนส้าวจู้นเองก็เข้ามาโอบกอดเธอจากข้างหลังพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ที่จริงคุณไม่ต้องไปหรอก เรื่องราวในตระกูลของบ้านผมคุณไม่ต้องไปสนใจ”
ซินเหยาไม่ได้คัดค้าน เธอหลับตารับรู้ความรู้สึกของเจี่ยนส้าวจู้น “แต่ว่าฉันไม่อยากทำให้คุณลำบากใจ”
เจี่ยนส้าวจู้นคลายมือออก แล้วเดินมาตรงหน้าของเธอ สบตากับเธอแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเราเป็นเพื่อนกันใช่ไหม”
“ใช่” ซินเหยาไม่เข้าใจว่าทำไมเจี่ยนส้าวจู้นถึงถามแบบนี้ แต่ก็พยักหน้าตอบ
“ผมไม่รู้ว่าที่คุณเข้ามาอยู่ใกล้ผม ด้วยเหตุผลอะไร แต่ผมรู้ว่าผมนั้นได้ให้คุณเป็นเพื่อนกับผมแล้ว”
“คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ยังมีเรื่องอีกมากมายที่คุณไม่เข้าใจ” ซินเหยาพูดขึ้น
เจี่ยนส้าวจู้นถอนหายใจแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำว่า “ผมไร้เดียงสา ก็แค่เปลือกหรอก”
“คุณพูดอะไรนะ” ซินเหยาถามขึ้น
“อ่อ ไม่มีอะไร คุณไม่ต้องไปคิดอะไรมาก คุณป้าแค่ไม่ค่อยชอบคนแปลกหน้าเท่านั้นเอง คุณไม่ต้องไปใส่ใจหรอก”
“มีบางเรื่องที่ไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิด คิดว่าคงเป็นแบบนั้น…………” ซินเหยาพูดขึ้น
“คุณป้าคือแขนซ้ายแขนขวาของพ่อผม พ่อผมสามารถสร้างธุรกิจได้ขนาดนี้ก็เพราะมีคุณป้าคอยช่วย ที่จริงแล้วคุณป้าเป็นคนดีคนหนึ่ง แต่แค่ไม่ค่อยชอบคนแปลกหน้า ผ่านไปสักช่วงก็ดีเอง ไม่ต้องสนใจอะไรมากหรอก”
“พอแล้ว ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง” ซินเหยารู้สึกอึดอัดโบกมือไปมาแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันอยากถามคำถามหนึ่ง คุณมีเบอร์โทรของหมิงหนานเซวียนไหม”
“หนานเซวียน” เจี่ยนส้าวจู้นถามขึ้นด้วยความงง “ทำไมถึงถามถึงเบอร์โทรของเขาขึ้นมา”
“หาเขาเพราะมีเรื่องนิดหน่อย” ซินเหยาพูดปกปิดขึ้น
“มีเบอร์อยู่” เจี่ยนส้าวจู้นนึกถึงเรื่องในวันก่อนขึ้นมาดังนั้นจึงถามขึ้นว่า “อ่อใช่แล้ว งานเลี้ยงในคืนนั้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมหนานเซวียนถึงกระโดดลงมาจากตึกแบบนั้น”
นึกถึงเรื่องในคืนนั้นซินเหยาก็ยิ้มขึ้นมาทันที
“ใครจะไปรู้ว่าคนโง่นั่น บางทีเขาอาจจะรู้สึกว่าร้อนมั้ง เลยกระโดดลงไป” ซินเหยายิ้มแล้วพูดขึ้น
เจี่ยนส้าวจู้นเห็นว่าซินเหยาไม่ยอมพูดก็ไม่ได้ถามต่อ เพราะไม่ได้เอาโทรศัพท์มา ดังนั้นคงต้องรอให้กลับไปถึงบ้านก่อนถึงจะเอาเบอร์โทรให้ซินเหยาได้
ทั้งสองนั่นอยู่ที่นั่นอีกสักพักแล้วถ่ายรูปทิวทัศน์อีกไม่กี่ใบจากนั้นค่อยขี้รถกลับไป
หลังจากที่กลับไป ก็รู้ได้จากการบอกของน้าจางว่าเจี่ยนหยูนไปแล้ว ทำให้เจี่ยนส้าวจู้นหลังจากที่กลับมาถึงก็รีบไปที่บริษัทไปหาเธอ
หลังจากที่เจี่ยนส้าวจู้นอยู่บ้านกินข้าวเที่ยงกับซินเหยาเสร็จก็ขับรถไปที่บริษัท เหลือไว้เพียงแค่ซินเหยาคนเดียวอยู่ในบ้าน
ในขณะที่ซินเหยากำลังรู้สึกเบื่อๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอคิดว่าเป็นหมิงหนานเซวียนแต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นโอหยางจิ้งที่โทรมา
“ฮัลโล”ซินเหยากดรับแล้วพูดขึ้น
“อยู่ไหน”โอหยางจิ้งถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอารมณ์ที่มีความสุข
“อยู่ไหนได้ล่ะ วันเสาร์แน่นอนว่าอยู่บ้านน่ะสิ”
“บังเอิญจังผมก็อยู่บ้าน….ฮ่าๆ” โอหยางจิ้งหัวเราะพูดขึ้น
ซินเหยาได้ยิน ก็งง ข้ออ้างบ้าบออะไร บังเอิญ……….
“ทำไมได้ยินเสียงของคุณเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงอะไรเลย เบื่อมากใช่ไหม ออกไปหาอะไรดื่มกันดีไหม” โอหยางจิ้งพูดขึ้น
“ได้สิ ไปไหนดี”
พอดีกับที่ตอนนี้ซินเหยากำลังเบื่อ โอหยางจิ้งเลี้ยงเธอกินอะไรก็ดีเลย
“คุณชอบดื่มกาแฟไหม ถนนเยียนเจียงมีร้านกาแฟที่เงียบสงบร้านหนึ่ง พวกเราไปที่นั่นกันดีไหม ให้ผมไปรับคุณนะ……..”
“ไม่ต้องหรอกฉันมีรถ อยู่ไหนรอคุณดี” ซินเหยาเปิดตู้เลือกชุดที่เหมาะสมไปด้วยและคุยไปด้วย
หลังจากที่เข้ามาอยู่ในบ้านนี้ เจี่ยนส้าวจู้นดูแลเธอเป็นอย่างดี เรื่องเสื้อผ้าพวกนี้เธอไม่เคยต้องห่วงเลย ในตู้เต็มไปด้วยเสื้อผ้า
“อยู่ที่ประตูห้างสรรพสินค้ารอแล้วกัน ผมอยู่ที่นั่นรอคุณ”
“ได้” ซินเหยาพูดจบก็วางโทรศัพท์ หากางเกงขาสั้นตัวหนึ่งแล้วก็เสื้อยืดอีกตัวมาใส่
เปลี่ยนสไตล์แล้วจริงๆซินเหยาใส่แบบนี้ทำให้รู้สึกดูเป็นวัยรุ่นขึ้นมา โอเค เดิมทีเธอก็เป็นวัยรุ่นอยู่แล้ว