นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก - ตอนที่ 774
ตอนที่ 774 แอบจูบนั่นแหละ
“ทำไงดี ถ้าหลับอยู่บนรถ ใครจะไปรู้ว่าเจ้าบ้านี้จะทำอะไรกับตนเอง” ซินเหยาพูดกับตนเองในใจ ทำไมมาถึงฮ่องกงที่ที่การแพทย์เจริญก้าวหน้าขนาดนี้กลับไม่ไปหาคนรักษาตนเอง
แต่ตอนนี้กังวลเรื่องนี้ก็ไม่ทันแล้ว
ง่วง ง่วง
เปลือกตาต่อให้พยายามขนาดไหนก็ทำอะไรไม่ได้
รอบๆเหมือนจะมืดดำไปหมด มองไม่เห็นแม่แต่แสงอะไรเลย
“ซินเหยาเป็นอะไร” โอหยางจิ้งเหมือนจะสังเกตเห็นความผิดปกติของซินเหยา จึงถามขึ้น
“อย่าเสียงดัง ให้ฉันนอนเถอะ”
ซินเหยาใช้สติทั้งหมดที่มีพูดขึ้นจนจบประโยค ก็สลบไปทันที
“ซินเหยา ซินเหยา….” โอหยางจิ้งจอดรถไว้ข้างทางมองดูซินเหยาหลับไปอย่างเป็นห่วง
โอหยางจิ้งกระวนกระวายมาก มองดูรอบๆแล้วหันรถกลับขับไปทางโรงพยาบาล
ไม่กี่นาทีต่อมา ณ โรงพยาบาลธรรมดาๆแห่งหนึ่ง หมอและพยาบาลต่างมองดูชายหนุ่มที่อุ้มหญิงสาววิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
“หมอ หมออยู่ไหน…”โอหยางจิ้งยืนอยู่กลางห้องตะโกน
ทางในโรงพยาบาลเชื่อต่อกันหมด เขาไม่รู้จริงๆว่าต้องไปทางไหนต่อ
หมอแก่คนหนึ่งที่สวมชุดเสื้อแจ็คเก็ตสีขาวทนเห็นไม่ได้จึงเดินเข้ามาพูดขึ้นว่า “เสียงเบาๆหน่อยที่นี่คือโรงพยาบาลไม่ต้องตะโกนราวกับว่าเป็นตลาดสด มีเรื่องอะไรบอกผมได้”
“คุณเป็นหมอ” โอหยางจิ้งมองดูหมอท่านี้ แล้วพูดขึ้นว่า “งั้นคุณก็รีบดูเธอให้หน่อย”
หมอแก่คนนั้นถูกสายตาของเขาทำให้ตกใจ แต่ก็รีบกลับมาปกติ แล้วพูดขึ้นว่า “ตามผมมา”
ในความดูแลของหมอแก่คนนั้นโอหยางจิ้งได้ห้องที่ดีที่สุด เพราะบรรยากาศรอบๆเงียบสงบ โอหยางจิ้งนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างๆสายตามองดูเพดาน
“ทำไมเป็นแบบนี้ หรือว่าถูกคนวางยาพิษ” โอหยางจิ้งคิดไม่ออกจริงๆ ตั้งแต่ขึ้นรถมาเขาก็สังเกตเห็นว่าซินเหยาไม่ค่อยปกติ เวลานั้นเขาควรจะพาเธอไปหาหมอเลย
“อย่าให้รู้นะว่าไอ้บ้าคนไหนเป็นคนทำ ฉันจะถลกหนังมันออกมา” โอหยางจิ้งพูดกับตนเองในใจ
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องที่พึ่งขึ้นรถมา เขาก็รีบวิ่งลงไปที่รถ หาโทรศัพท์เครื่องนั้น ในนั้นบันทึกเบอร์เบอร์หนึ่งเอาไว้
ไม่ได้คิดอะไรมาก โอหยางจิ้งรีบโทรไปตามเบอร์นั้นเลย
“ตื๊ด ตื๊ด ตี๊ด” ในโทรศัพท์มีเสียงดัง
นานมากราวกับผ่านมาครึ่งศตวรรษในที่สุดก็มีคนรับ
“บอกแล้วไม่ใช่หรอ ไม่มีธุระก็ไม่ต้องโทรมา สมองของเธอจำอะไรได้บ้าง ฟังคำพูดของผมไม่เข้าใจหรอ” มีคนพูด โอหยางจิ้งได้แต่ฟังเสียงนั่น
โอหยางจิ้งไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ฟังนิ่งๆ
“ฮัลโล ทำไมไม่พูด เธอว่างจนบ้าไปแล้วหรอ คิดว่าผมเป็นเพื่อนเล่นหรอ ผมจะบอกคุณให้นะ ถ้าไม่อธิบายกับผมดีๆคุณตายแน่ เจ็ดลานหยวนนั่นก็ไม่ต้องเอาแล้ว”
“คุณเป็นใคร” ทันใดนั้นโอหยางจิ้งก็พูดขึ้น
เจ็ดล้านหยวนอะไร เขาคิดไม่ถึงว่าแค่โทรศัพท์เครื่องเดียวจะเกี่ยวพันธ์กับเรื่องมากมาย
ปลายสายอีกด้านหนึ่งพอเสียงที่ได้ยินไม่ใช่เสียงผู้หญิงแต่กลับเป็นเสียงผู้ชาย เขาจึงเงียบ
นานอยู่พอควร
ที่ผู้ชายทั้งสองต่างไม่พูดอะไรกันเลย
“เป็นคุณ”
“เป็นคุณ”
นานพอควรกว่าทั้งสองจะเอ่ยปากพูดขึ้น แต่กลับพูดคำพูดเดียวกัน
“คิดไม่ถึงจริงๆว่าคุณยังกล้าติดต่อกับเธออีก ไม่กลัวหรอว่าพรุ่งนี้จะขึ้นหน้าหนึ่งอีก” โอหยางจิ้งพูดขึ้นอย่างผ่อนคลาย แต่ในคำพูดเต็มไปด้วยการประชด
อีกด้านหนึ่งในห้องทำงานที่หรูหรา หมิงหนานเซวียนโกรธจนจะเป็นบ้า เขาบอกเธอเอาไว้แล้วว่าโทรศัพท์เครื่องนี้อย่าเอาวางไว้ไปทั่ว
ในโทรศัพท์หมิงหนานเซวียนยังคงต้องพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุด “เรื่องของฉันคุณไม่ต้องยุ่ง เธอล่ะ”
“เธอ ฮ่าๆ คุณนี่ก็น่าตลกดีนะ เรื่องที่คุณทำ คุณไม่รู้เรื่องจริงๆหรือ”
“เรื่องที่ฉันทำงั้นหรือ คุณปรับปรำผม” หมิงหนานเซวียนยิ้มแล้วพูดขึ้น “ช่างมันเถอะฉันเองก็ขี้เกียจที่จะยุ่งเรื่องของเธอ คุณพูดกับเธอว่าเอาแบบนี้ วันหน้าอย่าให้นางมาปรากฏหน้าต่อหน้าฉันอีก ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าฉันใจจืดใจดำ”
“ขอโทษจริงๆ คำพูดของคุณฉันไม่อาจจะช่วยคุณบอกเธอได้ ดีที่สุดคุณไปบอกกับเธอเอง เพราะที่โทรมาหาคุณทั้งหมดนี้ก็เพราะการกระทำของคุณนั่นแหละ ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ อ่อใช่ลืมบอกคุณเรื่องหนึ่ง เหมือนว่าเธอจะป่วยหนัก ตอนนี้อยู่…………” โอหยางจิ้งมองดูชื่อของโรงพยาบาลแล้วพูดขึ้นว่า “ตอนนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาลโรงพยาบาลหุ้ยเหริน”
“คุณบอกเรื่องพวกนี้กับฉันเพื่ออะไร อยากให้ฉันไปหาเธอ คุณบ้าไปแล้ว หรือว่านี่คือวันแรกที่เรารู้จักกันหรือ เอาแบบนี้ ฝากบอกเธอว่าวันหน้าไม่ต้องมาให้ฉันเจอหน้าอีก” หมิงหนานเซวียนพูดมาถึงตรงนี้ เขาก็หยุดพูดแล้วพูดต่อว่า “รวมไปถึงคุณด้วย” พูดจบเขาก็วางโทรศัพท์
โอหยางจิ้งนั่งอยู่บนรถยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณยังคงเย็นชาเพื่อนของฉัน”
เรื่องของเขาและหมิงหนานเซวียนเป็นความลับของพวกเขาทั้งสอง ไม่มีใครรู้
พวกเขาเปลี่ยนจากเพื่อนกลายเป็นศัตรู
ซินเหยาคิดมาตลอดว่าพวกเขายังเป็นเพื่อนกัน แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะกลายเป็นศัตรูกัน
ตอนที่โอหยางจิ้งกลับมาที่โรงพยาบาลก็พอดีกับที่หมอออกมาจากห้อง
“พ่อหนุ่มอยู่นี่เอง เมื่อครู่ยังตามหาคุณอยู่” หมอแก่พูดขึ้น
“หมอครับเธอเป็นอย่างไรบ้าง” โอหยางจิ้งรีบเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร แฟนของคุณแค่อ่อนแอ สลบไปเท่านั้นเอง ซื้อของบำรุงให้นางเยอะๆก็พอ เข้าใจไหม” หมอแก่พูดขึ้นด้วยความใจดี
“ร่างกายอ่อนแอ” โอหยางจิ้งอดที่จะคิดถึงภาพที่คราวก่อนเขาไปกับเธอ ตอนนั้นเธอดูแข็งแรงมาก ปีนขึ้นไปติดตั้งกล้องวงจรปิดตั้งสี่ตัว
“อ่อ่อ ได้ ขอบคุณท่านหมอ ผมจะดูแลเธอให้ดีๆ อ่อ ดูแลแฟนผมครับ” โอหยางจิ้งตอบอย่างยิ้มแย้ม
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าหมอเข้าใจผิดถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่ก็ไม่อธิบาย จะพูดอีก ในใจเขาคิดอยากจะจีบซินเหยา แต่น่าเสียดายที่ซินเหยาไม่เปิดโอกาสให้เลย
ถ้าซินเหยาได้ยินพวกเขาทั้งสองคุยกัน คาดว่าเธอคงต้องกระอักเลือดตายแน่
“คนหนุ่มสาวในสมัยนี้” หมอแก่มองดูโอหยางจิ้งแล้วถอนหายใจยาวๆจากนั้นส่ายหัวแล้วเดินจากไป
พอหมอแก่เดินไปโอหยางจิ้งก็เดินเข้ามาในห้อง เห็นซินเหยานอนอยู่บนเตียงสีขาว
ท่าทีที่น่ารัก ทำให้โอหยางจิ้งอดที่จะเข้าไปจูบริมฝีปากเธอ
“น่าหลงใหลจริงๆ” โอหยางจิ้งค่อยๆเข้าไปจูบที่หน้าผากของเธอเบาๆ
นี่คือการบังคับจูบหรือเปล่า
แต่ซินเหยาหลับอยู่ น่าจะเรียกว่าขโมยจูบนะ
ประตูมีผู้ชายคนหนึ่งสวมชุดสูทสีดำมองดูอยู่ที่ประตู เขาพูดขึ้นว่า “ที่จริงแล้วก็เป็นห่วงมาก แต่กลับทำเป็นไม่สนใจ คนหนุ่มสมัยนี้นี่นะ……..” เขากลับพูดซ้ำคำของหมอแก่
คนที่มาเป็นหมิงหนานเซวียน แต่ที่เขาเป็นห่วงไม่ใช่อาการป่วยของซินเหยา แต่เป็นห่วงว่าซินเหยาจะแอบพูดความลับของเขา เมื่อก่อนเขาไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เธออยู่กับโอหยางจิ้ง เขาไม่กังวลไม่ได้
นั่งอยู่บนโรลส์รอยซ์ หมิงหนานเซวียนถ่ายภาพนี้เอาไว้ โกรธราวกับเสือ
“ควรตาย” เขาด่าขึ้น
“ถ้าหากเริ่มก็ลงมือเลย ก็คงไม่ต้องมีเรื่องเกิดขึ้น ผู้หญิงแล้วไง ถ้าทำงานพลาด ก็ต้องตาย รู้เรื่องไหม”
เขาเตือนตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า
“หยูส่านใจของเธอยังไม่แข็งพอ ต้องใจแข็งกว่านี้” หมิงหนานเซวียนนึกถึงตอนนั้นที่อยู่ที่นั่น อาจารย์เคยบอกเขาเอาไว้
ส่วนคนที่ได้ยินคำพูดนี้ต่างพากันหัวเราะรวมไปถึงโอหยางจิ้ง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ซินเหยาค่อยๆลืมตาขึ้น มองดูรอบๆที่มืดมิด ผ่านไปนานมาก กว่าสายตาของเธอจะปรับและมองดูรอบๆได้
รู้สึกได้ว่าตอนนี้เธอจะอยู่ในห้องแปลกๆห้องหนึ่ง ส่วนเธอเองก็รู้สึกว่ามีลมหายใจอยู่ใกล้ๆ ลมหายใจนั่นอยู่ใกล้ๆหูของเธอมาก จนเธอรู้สึกคันหูขึ้นมา
เธอหันตัวก็เจอกับหน้าที่คุ้นเคยอยู่ตรงหน้าเธอ หน้าตาดี ผมยาวบวกกับรอยยิ้มนั่น ผู้ชายแบบนี้ดึงดูดผู้หญิงได้ดีนัก
“ฟื้นแล้วหรอ” โอหยางจิ้งยิ้มที่มุมปากอย่างแปลกประหลาด ลืมตามองดูซินเหยา
“คุณ คุณ ทำไมอยู่ที่นี่” ในใจของซินเหยาสับสน ครั้งแรกที่อยู่ใกช้กับผู้ชายขนาดนี้ “คุณต้องการจะทำอะไรรีบออกไปเลยนะ” ซินเหยาพูดไปแล้วผลักเขา
โอหยางจิ้งจับมือของเธอเอาไว้ ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า “คำถามนี้ควรเป็นผมมากกว่านะที่ต้องถามคุณ คุณดูสิตอนนี้ใครกันที่เป็นคนเริ่ม”
ซินเหยาสงบลง มองดูสภาพของทั้งสองคนในตอนนี้ ทั้งสองคนนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน เพราะว่าเตียงคนไข้ไม่ได้กว้างมากนัก ดังนั้นร่างกายของทั้งสองจึงอยู่ติดกัน ส่วนที่ทำให้ซินเหยาหน้าแดงยิ่งไปกว่านี้คือ ขาของเธอพาดไปที่เอวของโอหยางจิ้งส่วนหัวของเธอนอนที่แขนของโอหยางจิ้ง
พอนางมองดูสภาพได้ชัดเจนแล้วก็รีบเอาขาออกแล้วคิดอยากลุกออกจากเตียง สงบสติอารมณ์สักหน่อย
ใครใช้ให้นอนแล้ว มีผู้ชายโผล่มานอนข้างๆจะให้สงบได้ยังไง
“อย่าขยับ” โอหยางจิ้งเหมือนจะดูออกว่าเอคิดจะทำอะไร เขายื่นมือออกมาจับตัวเธอไว้ แล้วลุกขึ้นมาทับตัวเธอเอาไว้
“บ้า ปล่อยนะ” ซินเหยาจ้องหน้าโอหยางจิ้งด้วยความโมโห
เธอดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง พอรู้ว่าดิ้นไปก็ไร้ประโยชน์จึงได้แต่จ้องอย่างโกรธ
“เงียบหน่อยที่นี่คือโรงพยาบาล ถ้าไม่อยากให้คนอื่นเห็นพวกเราในสภาพนี้ก็เงียบๆหน่อย” โอหยางจิ้งพูด
โอหยางจิ้งพูดถูกถ้าหากเวลานี้ทั้งหมอและพยาบาลต่างพากันเข้ามา ก็คงคิดว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันแน่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำเถอะ
คำขู่ของโอหยางจิ้งได้ผล ซินเหยาเงียบลง เธอมองไปที่ประตู แล้วพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า “เกิดอะไรขึ้น อธิบายให้ฉันฟังหน่อย ฉันอยู่บนรถไม่ใช่หรอทำไมถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้”
“บนรถเกิดอะไรขึ้นคุณจำไม่ได้เลยหรือ” โอหยางจิ้งถามขึ้น