นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 123 ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก
ทันทีที่เดินเข้าไปในห้อง ซูฉิงก็สะบัดมือฮ่อหยุนเฉิงออกอย่างโกรธเคือง “ทำไมสวีหว่านเอ๋อร์มาหานายดึกขนาดนี้เพื่ออะไร?”
“ไม่ใช่ว่าเธอเห็นหมดแล้วเหรอ?” ฮ่อหยุนเฉิงหวเราะเบาๆ
“กลางค่ำกลางคืน ผู้ชายผู้หญิงจะมาคุยเรื่องความร่วมมือกันเนี่ยนะ?” น้ำเสียงของซูฉิงประชดอย่างบอกไม่ถูก
ความรู้สึกที่สวีหว่านเอ๋อร์ที่มีต่อฮ่อหยุนเฉิงนั้นใครๆ ก็รู้ดี
แม้ว่าเมื่อกี้ฮ่อหยุนเฉิงจะไม่สนใจสวีหว่านเอ๋อร์ แต่เมื่อเห็นหล่อนพยายามอ่อยเขา ซูฉิงจึงไม่สบายใจ
“ซูฉิง เธอหึงงั้นเหรอ?” ฮ่อหยุนเฉิงที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างสง่างามมอง มองซูฉิงพร้อมรอยยิ้ม
“หึงกับผีน่ะสิ!” ซูฉิงโยนชุดสูทในมือให้ฮ่อหยุนเฉิงอย่างโกรธจัด “ฉันคืนให้”
หลังจากพูดจบ ซูฉิงก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง
วินาทีถัดมา มือใหญ่ก็โอบเอวเธอเอาไว้
ฮ่อหยุนเฉิงออกแรงเล็กน้อย ซูฉิงที่ไม่ได้ตั้งตัวจึงยืนไม่มั่นจนตกลงไปในอ้อมแขนของฮ่อหยุนเฉิง
ศรีษะกระแทกกับหน้าอกอันแข็งกระด้างของเขา จนซูฉิงคำรามเบาๆ “ปล่อยฉันนะ”
กลิ่นหอมจางๆ บนร่างกายของซูฉิงที่คุ้นเคยมาพร้อมกับการล่อลวงที่ร้ายแรง ฮ่อหยุนเฉิงจึงหายใจไม่สะดวก
เขาโอบรอบเอวของอีกคนไว้แน่นก่อนจะนาบกายอีกคนมาทางตัวเอง
ถูกชายที่โตแล้วห่อหุ้มไว้แน่น ร่างกายของซูฉิงจึงแข็งทื่อ
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ฮ่อหยุนเฉิง นายจะทำอะไร…อื้อ!”
ยังไม่ทันพูดจบ ริมฝีปากบางเซ็กซี่ของฮ่อหยุนเฉิงก็เข้ามาปิดปาก
ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงเป็นประกายด้วยเปลวเพลิง เขาไม่ลังเลที่จะประกบจูบผู้หญิงในอ้อมแขนของเขา
ซูฉิงดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง แต่สิ่งนี้ราวกับกระตุ้นความอยากเอาชนะของฝ่ายชายมากขึ้นไปอีก
จูบของเขาอบอุ่นและแนบแน่น ซูฉิงก็ค่อยๆ ลดลง และไม่ดิ้นรนอีกต่อไป
ความร่วมมือของหญิงสาวในอ้อมแขนทำให้ฮ่อหยุนเฉิงประหลาดใจและอดไม่ได้ที่จะอยากได้มากกว่านี้
จูบที่ท่วมท้นลดลง และความรู้สึกบ้าคลั่งก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
อุณหภูมิห้องค่อยๆ เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น…
หญิงสาวในอ้อมแขนช่างนุ่มนวล น่าสัมผัส และค่อยๆ ทับซ้อนกับหญิงสาวในความทรงจำ ฮ่อหยุนเฉิงโพล่งออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง “ถังถัง…”
ถังถัง???
ทันใดนั้นซูฉิงก็ได้สติและผลักฮ่อหยุนเฉิงออกไปทันที ทั้งยังตบฮ่อหยุนเฉิงไปเต็มแรง
เสียงดังเพียะทำให้อุณหภูมิในห้องที่เมื่อกี้ยังร้อนแรงลดลงสู่จุดเยือกแข็ง
อารมณ์ดีในวันนี้ได้หายไป ใบหน้าสวยของซูฉิงเย็นชาราวกับน้ำค้างแข็ง “ฮ่อหยุนเฉิง อย่าให้มันมากเกินไปนะ!”
ความเจ็บปวดแผ่ซ่านบนใบหน้า ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้วเรียว
“นายใช้ฉันเป็นตัวแทนของถังถังมาตั้งแต่ต้นเลยสินะ!” ซูฉิงยืนขึ้นพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คำพูดที่นายพูดบนชิงช้าสวรรค์วันนี้ก็เป็นเรื่องหลองลวง! คนที่นายรักมีแค่ถังถัง ผู้หญิงที่นายอยากใช้ชีวิตด้วยไปตลอดชีวิตก็คือถังถัง! ก็แค่ตอนนี้นายหาเขาไม่เจอเลยเอาฉันไปเป็นตัวแทนใช่ไหม?”
“ฉันจะบอกนายให้นะฮ่อหยุนเฉิง ฉันไม่ไปเป็นตัวแทนใคร นายอยากได้คำตอบไม่ใช่เหรอ? ฉันจะบอกคำตอบให้นายตอนนี้เลยว่า…”
ซูฉิงยังไม่ทันได้บอกคำว่า “ไม่” ฮ่อหยุนเฉิงก็ขัดจังหวะเธอด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ซูฉิง มันไม่ใช่อย่างนั้น”
“ไม่ใช่อย่างนั้น แล้วมันคืออะไร?” รอยยิ้มประชดประชันปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของซูฉิง
เธอไม่ใช่คนโง่ สถานการณ์เมื่อกี้ที่ฮ่อหยุนเฉิงพูดโพล่งออกมาเป็นถังถัง มันได้อธิบายทุกอย่างหมดแล้ว
ฮ่อหยุนเฉิงกลืนน้ำลาย ไม่รู้จะอธิบายยังไง
ความรู้สึกที่ซูฉิงมอบให้เขานั้นคล้ายกับถังถังมาก จนเมื่อกี้เขาคิดว่าซูฉิงคือถังถังถึงได้พูดชื่อถังถังออกไป
แต่ในมุมมองของซูฉิงถือเขาเอาเธอไปเป็นตัวแทนถังถัง
แต่ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น
“ไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่ไหม? ฮ่อหยุนเฉิง ฉันไม่อยากเจอหน้านายอีก!” หลังจากพูดอย่างเย็นชา ซูฉิงก็ตัดสินใจหันหลังและจากไป
หัวใจเจ็บมากราวกับถูดสาดน้ำกรด
เธอมันโง่จริงๆ ที่เกือบจะเชื่อเรื่องไร้สาระที่ฮ่อหยุนเฉิงบอกกับเธอบนชิงช้าสวรรค์
โชคดีที่ยังไม่เกินเลยไปมากกว่านี้
ยังไม่สายเกินไปที่จะถอนตัวออกมา
…
สวีหว่านเอ๋อร์ที่มองซูฉิงเข้าห้องฮ่อหยุนเฉิงไปอย่างไม่พอใจ ในหัวนึกถึงฉากที่ทั้งสองคนเกินเลยก็โกรธมากจนใบหน้าของเธอเกือบจะผิดรูป
เธอต้องกำจัดซูฉิงไอ้คนบ้านนอกไร้ยางอายให้ได้!
ฮ่อหยุนเฉิง คือของสวีหว่านเอ๋อร์คนนี้!
หลังจากยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง สวีหว่านเอ๋อร์ก็เดินเข้าห้องตัวเองไปอย่างไม่พอใจ
ทันทีที่เดินไปที่ทางเข้าลิฟต์ ก็เห็นร่างคุ้นเคยเดินออกมาจากห้องในสุด
แอนนี่?
เธอกลับมาฝรั่งเศสแล้ว?
สวีหว่านเอ๋อร์ชะงักฝีเท้าและมองอย่างสงสัย
เห็นแอนใส่ชุดสีขาวเกือบโปร่งโอบชายชราชาวฝรั่งเศสด้วยท่าทางที่มีเสน่ห์
สวีหว่านเอ๋อร์รู้จักชายชราคนนั้น ดูเหมือนจะเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงชื่อโจเซฟ
แอนนี่แทบอยากเกาะติดชายชราจนทนไม่ไหว “ที่รักคะ คนเขาจริงใจกับคุณ คุณต้องให้บทนางเอกกับฉันนะคะ”
โจเซฟบีบแอนนี่อย่างเจ้าเล่ห์ “คืนนี้เธอทำได้ดี แต่ว่านะ…มีนักแสดงหลายคนที่อยากเป็นนางเอก เธอก็รู้ว่าช่วงนี้ชื่อเสียงเธอไม่ค่อยดี…”
“ฉันถูกคนใส่ร้ายต่างหาก!” แอนนี่กัดริมฝีปากและมองอย่างขุ่นเคือง
ทั้งหมดเป็นเพราะซูฉิง!
เป็นผลให้ที่เธอถูกจับข่มขืนในที่เกิดเหตุออกสื่อ และชีวิตส่วนตัวของเธอได้รับรายงานไปอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับความประมาทจนทำให้ชื่อเสียงที่เธอาศัยบรูซเพื่อตำแหน่งที่ดีล่วงลง
ผู้สร้างภาพยนตร์และผู้กำกับหลายคนได้ยกเลิกสัญญากับเธอ และตอนนี้ก็รับละครเรื่องไหนไม่ได้เลย ทำได้เพียงพึ่งพาการนอนกับผู้กำกับเพื่อคว้าบทที่ตัวเองอยากได้
แต่แม้กระทั่งผู้กำกับระดับท็อปอย่างโจเซฟก็ยังไม่ตกปากรับคำว่าจะให้เธอเล่นเป็นนางเอก
“ฉันเชื่อว่าเธอถูกใส่ร้ายแต่มันก็ไม่มีประโยชน์เพราะคนดูไม่เชื่อ” โจเซฟโบกมือ “เอางี้แล้วกัน เธอให้เวลาฉันหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันโทรหาแล้วคุยกันดีๆ”
“ก็ได้ค่ะ” แอนนี่เริ่มทำอะไรไม่ถูก แน่นอนว่าเธอเข้าใจที่โจเซฟโรคจิตเฒ่านี่สื่อ
แต่ตอนนี้ โจเซฟคือที่พึ่งทางเดียวของแอนนี่ เธอจึงต้องจับไว้ให้มัน
“จะรอคืนพรุ่งนี้นะ” โจเซฟเหล่มองแอนนี่ก่อนจะปิดประตู
ใบหน้าของแอนนี่นิ่งลง เธอถูบริเวณที่โจเซฟแตะไปเมื่อกี้ และหันหลังเดินจากไป
หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่ง “แอนนี่ ไม่เจอกันนานเลยนะ”
แอนนี่เงยหน้ามองก็เห็นสวีหว่านเอ๋อร์ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
“คุณสวี?” แอนนี่ประหลาดใจเล็กน้อย
สวีหว่านเอ๋อร์กวาดสายตามองแอนนี้ เห็นว่าใต้กระโปรงบางๆ ของเธอมีจุดสีน้ำเงินและสีม่วงจางๆ บนร่างกาย
เคยได้ยินมาว่าโจเซฟเป็นพวกโรคจิต แต่ไม่คิดว่าแอนนี่จะมาถึงขนาดนี้
ดูเหมือนว่าเธอจะไร้ซึ่งทางออกแล้ว
และชะตากรรมของแอนนี่ก็ไม่พ้นซูฉิง
สวีหว่านเอ๋อร์ยิ้มอย่างพอใจในในตัวเอง เธอกำลังกังวลว่าจะจัดการกับซูฉิงยังไง นี่ไม่ใช่การป้อนอ้อยเข้าปากช้างงั้นเหรอ?