นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 15 ขอโทษฉัน
“เดิมทีฉันจะหยิบเอาแหวนแล้วก็คิดว่าเวลาเลิกงานจะแอบเอาไป แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าคุณหนูสวีจะรู้ตัวเร็วว่าแหวนหายไปแล้ว และยังให้ยามตามหาไปทั่ว ฉันกลัวจะมีคนมาพบ เลยถือโอกาสที่ทุกคนไม่ทันระวัง เอาแหวนไปซ่อนไว้ในกระเป๋าคุณหนูซู”
พนักงานหน้าซีดเผือด “ฉันขอร้องให้คุณยกโทษให้ฉันด้วยเถอะนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ แม่ของฉันป่วยหนัก ต้องการเงินไปผ่าตัด ฉันถึงได้คิดผิดไป”
“ใครบงการให้เธอทำอย่างนี้ “ซูฉิงคิ้วขมวดเป็นปม แล้วก็ถามเสียงขรึม
“ไม่มีใครบงการฉัน ฉันเป็นคนขโมยเอง “เสียงพนักงานที่สั่นเล็กน้อย แววตาที่หวาดกลัวมองไปที่สวีหว่านเอ๋อร์ตลอด
สวีหว่านเอ๋อร์กลัวว่าเรื่องจะไปกันใหญ่ กัดริมฝีปากแล้วพูด”ช่างเถอะ ในเมื่อแหวนก็ได้คืนมาแล้ว ถือว่าเธอที่ยังมีความกตัญญู ฉันก็ไม่อยากจะถือสาเอาความเรื่องนี้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะคุณหนูสวี ขอบคุณค่ะคุณหนูสวี “พนักงานทั้งคำนับทั้งพูดขอบคุณ
“ไม่ถือสาเอาความงั้นหรอ แล้วที่คุณหนูสวีตัดสินว่าฉันเป็นคนขโมยล่ะ เห็นฉันเป็นอะไร”ซูฉิงที่พูดเสียงเรียบ
“ในเมื่อแหวนก็ได้กลับคืนสู่เจ้าของแล้ว หว่านเอ๋อร์ก็บอกแล้วว่าไม่ถือสาเอาความ เรื่องนี้ก็จบกันแค่นี้เถอะ ” ท่านสวีเห็นสวีหว่านเอ๋อร์ถูกว่าให้จนพูดไม่ออก ก็จับไม้เท้าแล้วก็ตบไหล่สวีหว่านเอ๋อร์เบาๆ
สวีหว่านเอ๋อร์ก็รีบโบกมือให้คุณตำรวจนำตัวพนักงานออกไป ตันก็ได้แหวนมาแล้ว คิดจะหันหลังกลับ
“เดี๋ยวก่อน”ซูฉิงที่ก้าวยาวๆ มาขวางทางสวีหว่านเอ๋อร์
คิดจะกลับไปอย่างนี้หรอ ไม่เห็นหล่อนซูฉิงสำคัญอะไรใช่มั้ย!
หล่อนไม่ใช่คนที่อยากจะรังแกคนตามใจ
เธอคิดจะทำอะไร “สวีหว่านเอ๋อร์มองซูฉิงอย่างระวัง
ซูฉิงยิ้ม แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงดูถูก “คุณหนูสวี คุณคงจะไม่คิดจะกลับไปอย่างนี้ใช่มั้ย เมื่อกี้พวกคุณตั้งหลายคนใส่ร้ายฉันว่าฉันเป็นคนขโมย และยังคิดที่จะจับฉันส่งตำรวจ ตอนนี้ความจริงก็ปรากฏออกมาแล้ว หรือว่าคุณจะไม่คิดจะขอโทษฉันหน่อยหรอคะ”
“เธอ!”สวีหว่านเอ๋อร์ถึงกับพูดไม่ออก
จะให้หล่อนขอโทษยัยบ้านนอกซูฉิงต่อหน้าทุกคนอย่างงั้นหรอ ฝันไปเถอะ
“ขอโทษซูฉิง”
น้ำเสียงเคร่งขรึมของผู้ชายส่งเสียงออกมาและก็คือฮ่อหยุนเฉิง
ฮ่อหยุนเฉิงนั้นมีรังสีที่ดูมีพลังอำนาจ ทำให้สวีหว่านเอ๋อร์ถึงกับต้องก้าวถอยหลังไปตั้งหลัก
พร้อมกับมือทั้งสองข้างที่กำหมัดแน่น น้ำเสียงของสวีหว่านเอ๋อร์พูดขอโทษอย่างไม่เต็มใจ”ขอโทษ ที่เมื่อกี้ฉันเข้าใจเธอผิดไป”
ซูฉิงเงี่ยหูเบาๆ “เธอว่าอะไรนะ ฉันไม่ได้ยินเลย”
สวีหว่านเอ๋อร์พยายามควบคุมอารมณ์โกรธ แล้วก็เพิ่มเสียงกัดฟันพูดออกมาสองคำ “ขอโทษ!”
พอพูดจบสองคำนี้ สวีหว่านเอ๋อร์ก็ทนไม่ไหว หันหลังเดินกลับไป
ท่านหยวนที่มีผ่านประสบการณ์อย่างนี้มาเยอะแล้วก็กระแอม แล้วหันไปพูดกับซูฉิง”คุณหนูซู ต้องขอโทษจากใจจริง เรื่องเมื่อกี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ก็จะโทษหว่านเอ๋อร์ไม่ได้ คุณก็อย่าถือสาเลยนะ”
ซูฉิงยิ้มให้เล็กน้อย “หวังว่าถ้าครั้งหน้าเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีก ท่านสวีจะตรวจสอบให้แน่ชัด ไม่ใช่ใครพูดอะไรก็ว่าตามเขา แล้วก็กล่าวหาคนอื่น”
คำพูดของซูฉิงทำให้ท่านสวีถึงกับพูดต่อไปไม่เป็น
เขาก็แสร้งทำเป็นหัวเราะ “คุณหนูซู มือของคุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย เอางี้มั้ยผมจะให้คนไปส่งที่โรงพยาบาล”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันเหนื่อยแล้ว ขอตัวก่อนค่ะ”ผ่านเรื่องวุ่นวายมาทั้งคืน ซูฉิงก็รู้สึกเหนื่อย หาวออกมาหนึ่งรอบแล้วก็ถือกระเป๋าถือของตัวเองเกินออกมา
และขณะที่กำลังเดินออกมาจากโรงแรมนั้น ซูฉิงที่กำลังจะเรียกรถ ทันใดนั้นก็เกิดฟ้าแลบ และไม่นานฝนก็ตกลงมา
ไม่ใช่มั้ง จะซวยขนาดนี้เลยหรอ
ซูฉิงที่แทบจะร้องไห้อยู่แล้ว หล่อนไม่ได้พกร่มมาด้วย
ฝนที่ตกกระหน่ำเทลงมา ตกลงมาใส่ตัวของซูฉิงทำให้รู้สึกหนาวขึ้นมา
ซูฉิงที่กำลังหาที่หลบฝน ทันใดนั้นก็มีรถเบนท์สีดำวิ่งตรงเข้ามาหาเธอ
ซึ่งก็คือรถของฮ่อหยุนเฉิง
พอเปิดประตูรถออกมา ใบหน้าหล่อเหลาของฮ่อหยุนเฉิงก็อยู่ตรงหน้าของซูฉิง
เขายกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดออกมาแค่สองคำสั้นๆ ว่า”ขึ้นรถ”
ซูฉิงอึ้งเล็กน้อย
ฮ่อหยุนเฉิงก็จะกลับหรอ เขาไม่ใช่อยู่งานเลี้ยงต่อหรอ
ฮ่อหยุนเฉิงที่เห็นซูฉิงมัวแต่อึ้งก็คิ้วขมวดแล้วพูด”ยังไม่ขึ้นรถอีก”
“ขอบคุณนะ “ซูฉิงที่นั่งอยู่ข้างตำแหน่งคนขับ นึกถึงครั้งที่แล้วก็รู้สึกประหม่าขึ้นมา หล่อนก็รีบคาดเข็มขัดทันที
ฮ่อหยุนเฉิงไม่พูดอะไร มือใหญ่กำพวงมาลัยแน่น
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าสวยมาก สวมชุดราตรีสีแดงสวยสง่าและเข้ากับหุ่นเรียวบางของหล่อนได้อย่างลงตัว
และพอตากฝนจนเปียกปอน ชุดราตรีก็แนบไปกับลำตัวทำให้ดูเซ็กซี่น่าหลงใหล
“นายจะไปไหน”ซูฉิงมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นว่าไม่ใช่ทางกลับบ้าน
ฮ่อหยุนฉิงหันมามองหล่อน”ไปโรงพยาบาล”
โรงพยาบาลงั้นหรอ
“ไปโรงพยาบาลไปทำอะไร”ซูฉิงอึ้งงง
ฮ่อหยุนฉิงคิ้วขมวดเล็กน้อย”มือของเธอแดงขนาดนี้แล้ว”
ที่แท้เขาคิดจะพาเธอไปโรงพยาบาลเพื่อดูมือนี่เอง
ซูฉิงหัวเราะ “ไม่ต้องหรอก ก็แค่ภูมิแพ้เอง”
ฮ่อหยุนเฉิงมีสีหน้าเรียบนิ่ง “ทำไมต้องใช้วิธีทำให้ตัวเองบาดเจ็บอย่างนี้ด้วย”
“แล้วยังไง หรือว่าฉันจะต้องถูกคนอื่นใส่ร้ายว่าเป็นขโมยงั้นหรอ”ซูฉิงที่พูดพร้อมกับหันตัวมาเล็กน้อย
“เธอสามารถใช้วิธีอื่นได้นี่”ฮ่อหยุนเฉิงพูดเสียงเรียบ
“ยังมีวิธีที่ดีกว่านี้อีกหรอ”ซูฉิงขมวดคิ้ว
เหตุการณ์เมื่อกี้ สวีหว่านเอ๋อร์วางแผนที่จะทำร้ายเธอ ดังนั้นหลักฐานทั้งหมดล้วนไม่ส่งผลดีต่อเธอ
ที่หล่อนใช้วิธีภูมิแพ้นี้ จะได้ยืนยันว่าตัวเองไม่เคยแตะต้องแหวนเลย
ซูฉิงไม่คิดว่าจะมีวิธีไหนที่ดีกว่านี้แล้ว
ฮ่อหยุนเฉิงหันมาจ้องหล่อนแล้วก็พูดเสียงเบาว่า “เธอสามารถขอร้องให้ฉันช่วยได้นี่”
เอ่อ เรื่องนี้คือที่เขาบอกว่ามีวิธีที่ดีกว่าหรอ
ซูฉิงหมดคำจะพูด
หล่อนยิ้มกว้างแล้วพูดว่า”ไม่ว่ายังไง ก็ขอบคุณนะ”
ที่จริงแล้วฮ่อหยุนเฉิงยอมที่จะเชื่อในตัวเธอ ซูฉิงก็รู้สึกซึ้งใจมาก
ฮ่อหยุนเฉิงมีสีหน้าเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา มีเพียงเสียงสูดหายใจแรง
ผู้หญิงคนนี้เหนือความคาดหมายของเข้าตลอด
ตั้งแต่หน้าตาไปจนถึงความฉลาด
ซึ่งแตกต่างจากความคิดที่เขาคิดไว้มาก
ฮ่อหยุนเฉิงพาซูฉิงมาถึงโรงพยาบาล คุณหมอได้ตรวจดูอาการแล้ว อาการภูมิแพ้ที่มือของหล่อนไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่สั่งจ่ายยาเป็นยาทาให้ซูฉิงหนึ่งหลอด
พอกลับถึงบ้าน ซูฉิงกับฮ่อหยุนฉิงก็เข้ามาในห้อง
“ฉันจะไปอาบน้ำก่อน “ฮ่อหยุนเฉิงก้าวขายาวเดินไปทางห้องน้ำ
จากนั้นก็ได้ยินเสียงน้ำกระทบพื้นดังออกมาจากห้องน้ำ ซูฉิงที่นั่งอยู่บนโซฟา แล้วก็หยิบเอาหลอดยาที่คุณหมอให้มา ทาลงมือแล้วก็นวดเบาๆ
แม้จะเป็นเพียงแค่ภูมิแพ้ แต่ก็ยังรู้สึกคัน
หลังจากที่ทายาเสร็จแล้ว ซูฉิงก็ลุกขึ้นยืน แต่ไม่ทันระวังหัวไปชนเข้ากับคางของผู้ชาย
เสียงดังจนได้ยิน รู้สึกเจ็บที่หัว ซูฉิงเงยหน้าขึ้น ฮ่อหยุนเฉิงไม่รู้ว่ามายืนตรงหน้าหล่อนตั้งแต่เมื่อไหร่
ซูฉิงเบิกตากว้าง “นาย นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่! “