นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 154 ปู่ฉันเป็นยังไงบ้าง
นี่ควรจะเป็นพิธีหมั้นที่มีชีวิตชีวาและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็จบลงอย่างเงียบ ๆ แบบยังไม่ทันได้เริ่มด้วยซ้ำ
หัวใจของซูฉิงรู้สึกไม่สบายใจราวกับว่าถูกค้อนทุบ
“ซูฉิง เธอมันยัยเลว ทำร้ายคุณปู่จนไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง สะใจแล้วใช่ไหม?” ฮ่อเฉียนที่สวมส้นสูงชี้หน้าด่าซูฉิง
“ซูฉิง หากเกิดอะไรขึ้นกับชายชราล่ะก็ เราบ้านตระกูลฮ่อจะไม่ปล่อยเธอไปแน่!” แม่ฮ่อเองก็ไม่ลืมซ้ำเติม ทั้งยังยกมือตบไปยังหน้าซูฉิง
นัยน์ตาของซูฉิงนิ่งลง เธอจับมือแม่ฮ่อก่อนจะผลักกลับ “คุณปู่ฮ่อมีอาการหัวใจวาย ฉันเองก็รู้สึกเสียใจมาก แต่คุณกล้าพูดว่าที่อาการป่วยของคุณปู่ฮ่อไม่เกี่ยวกับพวกคุณงั้นเหรอ? เมื่อกี้ใครกันล่ะที่เอาแต่พูดกระตุ้นเขา?”
“กล้าดียังไงมาแก้ตัว!” ฮ่อเฉียนรีบเข้าประคองแม่ฮ่อ “คุณน้าไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
เหล่านักข่าวไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ ต่างพากันมารุมบ้อมและคอยถามคำถามซูฉิง:
“คุณซูคะ ไม่ทราบว่าคุณคิดยังไงกับอาการป่วยของท่านผู้เฒ่าฮ่อคะ?”
“คุณซูคะ ไม่ทราบว่าคุณมีแผนในอนาคตยังไงบ้างคะ?”
“คุณซูคะ คุณช่วยบอกเหตุผลที่คุณกับประธานฮ่อยกเลิกการหมั้นได้ไหมคะ?”
“…”
ซูฉิงขมวดคิ้วและดันนักข่าวออกอย่างไม่สบอารมณ์ “ขอโทษนะคะ ฉันไม่รับการสัมภาษณ์ค่ะ!”
ดวงตาของฮ่อเฉียนเป็นประกาย นี่ไม่ใช่โอกาสที่ดีที่จะป้ายสีซูฉิงหรอกหรือ?
เธอรีบกวักมือเรียกนักข่าว “พวกคุณมาสัมภาษณ์คุณน้ากับฉันได้นะคะ”
นักข่าวที่ทำอะไรไม่ได้จึงทยอยไปรุมล้อม
ฮ่อเฉียนกระแอมในลำคอและกล่าวว่า “ทุกท่านเองก็ได้เห็นแล้ว วันนี้คุณปู่ของฉันมีอาการหัวใจวาย และทั้งหมดเป็นเพราะซูฉิงไปกระตุ้นค่ะ!
ในนามของบ้านตระกูลฮ่ ฉันขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่าบ้านตระกูลฮ่อของเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้หญิงที่ชั่วร้ายอย่างซูฉิง!”
เหล่านักข่าวต่างพากันพยักหน้า
ซูฉิงที่ถูกกล่าวหา เธอไม่ต้องการฟังอีกต่อไปจึงแสยะยิ้ม “ฮ่อเฉียน เธอเป็นเพียงลูกสาวบุญธรรมที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบ้านตระกูลฮ่อ แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรเป็นโฆษกบ้านตระกูลฮ่อ?”
เมื่อถูกซูฉิงเปิดเผยว่าเธอเป็นเด็กที่ถูกรับเลี้ยงต่อหน้าสาธารณชน ใบหน้าของฮ่อเฉียนก็ซีด เธอหันมองและต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ซูฉิงกลับเมิน
หลังจากพูดจบ ซูฉิงก็ออกไปทันที
ยวี๋น่าและเฉินจุนเหยียนพากันเดินเข้ามา “ซูฉิง ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“พวกเธออย่าตามฉันมา ให้ฉันอยู่คนเดียวสักพักนะ” ซูฉิงเงยหน้าขึ้นมองพวกเขาและพูด
เธอรู้ว่ายวี๋น่าและเฉินจุนเหยียนห่วงใยเธอ
แต่ ณ เวลานี้ เธอแค่อยากจะอยู่คนเดียว
ว่ายวี๋น่าและเฉินจุนเหยียนมองหน้ากันและต้องการจะพูดอีกหน่อย ทว่าใบหน้าซูฉิงกลับนิ่งขรึม “ไม่ต้องกังวล ฉันสบายดี ฉันแค่อยากอยู่เงียบๆ”
“แต่ว่านะซูฉิง…”
เฉินจุนเหยียนคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ยวี๋น่าก็ดึงเขาไว้ “เอาเถอะ ให้ซูฉิงเธออยู่เงียบๆ สักพักแล้วกัน”
คืนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย เป็นคนอื่นก็คงรับไม่ไหว
แต่ยวี๋น่าเชื่อในตัวซูฉิงว่าสามารถจัดการทุกอย่างได้ดี
ซูฉิงเดินออกจากประตูโรงแรมไปในสายตาที่ประหม่าและวิตกกังวลของเฉินจุนเหยียน
เดินคนเดียวบนถนน ไฟนีออนริมถนนเปลี่ยนสีและส่องแสงไปยังซูฉิง
ความคิดของซูฉิงนั้นค่อนข้างวุ่นวาย
เธอไม่รู้ว่าคืนนี้เธอทำอะไรผิดหรือเปล่า ถ้าเธอไม่ประกาศยกเลิกงานหมั้นต่อหน้าสาธารณะ คุณปู่อาจจะไม่มีอาการหัวใจวายจนตอนนี้นอนรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล
แต่ว่าแม้ว่าเธอจะไม่ประกาศยกเลิกการหมั้น ฮ่อหยุนเฉิงก็ยังตัดสินใจเหมือนเดิม
เพราะถังถังของเขากลับมาแล้ว
ผลลัพธ์จะไม่เหมือนเดิมหรือไง?
คำพูดที่ไม่แยแสของฮ่อหยุนเฉิงดังขึ้นในหัว
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ ฉันจะไม่มีทางให้อภัยเธอ” หัวใจของซูฉิงเจ็บอย่างรุนแรง
ฮ่อหยุนเฉิงเกลียดเธอใช่ไหม?
เขาคิดว่าเธอทำให้คุณปู่ฮ่อเป็นแบบนี้
จู่ๆ ฝนก็ตกกระหน่ำลงมาอย่างไม่รู้ตัว
ฝนที่ตกกระทบร่างกายของซูฉิงจนทำให้เสื้อผ้าเปียก
ลมเย็นที่พัดมาในยามค่ำคืน ซูฉิงจึงอดสั่นสะท้านไม่ได้
ทันใดนั้น ก็มีร่มคันหนึ่งมาบังฝนเหนือหัวซูฉิง
ซูฉิงลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ ร่างสูงตรงยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือเฉินจุนเหยียน
“ซูฉิง ฉันไม่วางใจให้เธออยู่คนเดียว”
เฉินจุนเหยียนรู้เหตุผลที่ซูฉิงยกเลิกพิธีหมั้นกับฮ่อหยุนเฉิงจากยวี๋น่าแล้ว
เดิมทีใจเขาค่อนข้างมีความสุขที่ถังถังที่ฮ่อหยุนเฉิงรักมาตลอดได้กลับมา นิสัยที่เย่อหยิ่งของซูฉิงนั้นคงไม่มีทางอยู่กับฮ่อหยุนเฉิงอีกแน่
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขามีโอกาสจีบซูฉิงอีกครั้ง
แต่ในเวลานี้ เฉินจุนเหยียนกลับรู้สึกหดหู่ใจ เมื่อเห็นร่างกายของซูฉิงที่เปียกโชกและอยู่ในสภาพที่ทรมาน
หากเป็นไปได้ เขาไม่อยากให้ซูฉิงได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
โรงพยาบาล
“หมอหนี ปู่ฉันเป็นยังไงบ้าง?” ใบหน้าหล่อเหลาของฮ่อหยุนเฉิงเต็มไปด้วยความกังวลและความตึงเครียด
หมอหนีเป็นแพทย์โรคหัวใจที่เก่งที่สุดในเมือง A เขาให้การตรวจอย่างละเอียดแก่ท่านผู้เฒ่าฮ่อ และพูดด้วยใบหน้าที่หนักอึ้ง “แต่เดิมท่านฮ่อเคยมีอาการหัวใจวายมาก่อน แต่เพราะกินยามาตลอดจนควบคุมมันได้ คืนนี้รับแรงกระตุ้นหนักจนหัวใจวายกระทันหันจนต้องผ่าตัดทันที”
ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้วและพยักหน้า มองไปที่หมอหนีและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ “ต้องรักษาชีวิตปู่ฉันให้ได้!”
รัศมีอันทรงพลังพุ่งเข้าหาจนหมอหนีตัวสั่นและรีบกล่าวว่า “ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ!”
หมอเข็นท่านผู้เฒ่าฮ่อเข้าไปในห้องผ่าตัด ฮ่อหยุนเฉิงยืนอยู่นอกห้องผ่าตัดและจุดบุหรี่
ควันลอยริบหรี่ ใบหน้าของฮ่อหยุนเฉิงนั้นมืดมนจนน่ากลัวมาก
ภาพที่ซูฉิงประกาศยกเลิกพิธีหมั้นต่อหน้าสาธารณชนอย่างไร้ความปราณี และภาพที่ท่านผู้เฒ่าฮ่อที่หัวใจวายและหมดสติไปผุดขึ้นมาในหัวฮ่อหยุนเฉิง
เขารอคอยมาตั้งหลายวัน มันควรจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของเขา ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้?
“ท่านประธานครับ คุณท่าต้องไม่เป็นไรครับ” หลินเหยียนเฟิงมองใบหน้าหล่อเหลาของประธานที่นิ่งสนิทก่อนจะพูดปลอบโยน
ฮ่อหยุนเฉิงทำราวไม่ได้ยินก่อนจะจ้องไปที่ประตูห้องผ่าตัดด้วยดวงตาที่ลึกล้ำและเย็นชา
แม่ฮ่อรีบวิ่งมาพร้อมฮ่อเฉียน “หยุนเฉิง คุณปู่ลูกเขาเป็นยังไงบ้าง?”
ฮ่อหยุนเฉิงกล่าวเสียงเรียบ “กำลังเร่งช่วยชีวิต”
“พี่ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณปู่ดวงแข็งต้องไม่เป็นอะไรแน่ค่ะ” ฮ่อเฉียนคว้าแขนของฮ่อหยุนเฉิงและปลอบเขาอย่างอ่อนโยน
ฮ่อหยุนเฉิงเหลือบมองแธออย่างเย็นชาก่อนจะชักดึงแขนออก
ดวงตาของฮ่อเฉียนหรี่ลง และไม่ลืมที่จะป้ายสีซูฉิงต่อหน้าฮ่อหยุนเฉิง “พี่คะ คุณปู่เป็นแบบนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะซูฉิง!”
“หุบปาก!” ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฮ่อเฉียนตัวสั่นไปทั้งตัว กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แม่ฮ่อห้ามไว้ “เฉียนเฉียน ตอนนี้หยุนเฉิงอารมณ์ไม่ดี ให้เขาอยู่เงียบๆ ไปก่อนนะ”
ฮ่อเฉียนเงียบ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก
ฮ่อหยุนเฉิงรีบก้าวขายาวของเขาเข้าไป “หมอหนี ปู่ฉันเป็นยังไงบ้าง?”