นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 166 บางทีถังถังคนนั้นอาจจะเป็นตัวปลอมก็ได้
“บังเอิญ?” ซูฉิงขมวดคิ้ว
“ใช่” ยวี๋น่าพยักหน้าแล้วถาม “ฉันถามเธอว่า ถังถังมาปรากฎตัวเมื่อไหร่?”
“วันที่ฮ่อหยุนเฉิงและฉันหมั้นกัน” ซูฉิงตอบอย่างครุ่นคิด
“แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ ถังถังมีอยู่จริงไหม?” ยวี๋น่ายกมุมปากของเธอขึ้นและพูดว่า “ฉันเห็นที่นิตยสารเอ็นเตอร์เทนเมนต์กอสซิปออกแล้ว ถังถังเป็นนักร้องประจำของชาร์มบาร์ และชื่อในวงการคือแองเจิล ”
“ใช่ ก่อนหน้านี้ที่งานวันเกิดของหลินหนาน ฉันพบเธอที่ชาร์มบาร์” ซูฉิงพยักหน้า เธอเข้าใจสิ่งที่หยวี๋น่าจะบอกแล้ว
“มันแปลกมาก ฉันได้ยินเธอบอกว่าฮ่อหยุนเฉิงตามหาถังถังมาตลอด และคนของเขาก็ตามหาถังถังมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่มีข่าวคราวอะไรเลย ก่อนหน้านี้เธอก็เคยให้แอนโธนี่สืบเรื่องถังถัง แต่ก็ไม่เจออะไรเลย
ถังถังเป็นแค่นักร้องประจำในบาร์เท่านั้น แม้แต่แอนโธนี่ก็หาไม่เจอเหรอ? คนอื่นหาไม่เจอยังพอเข้าใจ แต่แอนโธนี่เป็นหนึ่งในแฮกเกอร์ที่เก่งที่สุดในโลกนะ เธอก็รู้จักความสามารถของเขาดี ”
ซูฉิงหรี่ตาลง และพูดอย่างเห็นด้วย “ยวี๋น่าเธอพูดถูก มีเรื่องบางอย่างที่ก่อนหน้านี้ฉันพลาดไปจริงๆ”
“ซูฉิงเธอน่ะคิดน้อยเกินไป เธอยกเลิกพิธีหมั้นไปก็ทำให้ถังถังได้โอกาสน่ะสิ” ยวี๋น่าพ่นลมอย่างเย็นชา “ฉันสงสัยว่าถังถังอาจจะเป็นตัวปลอมก็ได้”
“ตัวปลอม?” ซูฉิงขมวดคิ้ว
ไม่รู้ทำไมเธอถึงนึกถึงฉากเมื่อเช้าที่ฮ่อกรุ๊ป
ถังถังเล่นบทดีอกดีใจอย่างออกนอกหน้า ไม่เหมือนผู้หญิงที่อ่อนโยนและน่ารักอย่างที่ฮ่อหยุนเฉิงเคยพูดถึงเลย
มันดูมีอะไรไม่ชอบมาพากลจริงๆ
“แต่ว่าฮ่อหยุนเฉิงไม่น่าจะจำผิดคน”
ในเมื่อฮ่อหยุนเฉิงมั่นใจขนาดนั้นว่าคือถังถัง ก็ไม่น่าจะผิดคน
แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหน?
ยวี๋น่ากลับไม่คิดอย่างนั้น “ทำไมจะไม่ล่ะ? ก่อนหน้านี้เธอบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าฮ่อหยุนเฉิงเคยคิดว่าเธอคือถังถัง? แล้วเขาจะจำคนอื่นผิดไม่ได้เหรอไง?
นอกจากนี้ก่อนหน้านี้ถังถังก็ไม่ได้ออกมาปรากฏตัวเลย แต่กลับมาปรากฏตัวในวันที่เธอหมั้นกัน พอปรากฏตัวก็ทำให้พิธีหมั้นของเธอพังพินาศทันที นี่มันบังเอิญเกินไปหรือเปล่า! ”
บังเอิญจริงๆ
ซูฉิงครุ่นคิดและกล่าวว่า
“ให้ฉันลองกลับไปสืบก่อน ยวี๋น่าเราอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้กันเลย ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันตอนนี้คือการตามหาคุณอาฉีโดยเร็วที่สุด เพื่อรักษาคุณปู่ฮ่อ”
“ซูฉิงเธอต้องสืบดูให้ดีๆ นะ มันไม่ง่ายเลยนะที่เธอจะเจอคนที่ตัวเองชอบ อย่ายอมแพ้ง่ายๆ นะ”ยวี๋น่ากล่าวอย่างสบายๆ
หลังจากการเดินทางอันยาวนาน ในที่สุดซูฉิงและยวี๋น่าก็มาถึงภูเขาฉางไป๋
นี่คือป่าภูเขาน้ำแข็งและหิมะที่ต่อกันเป็นแนวยาว มีหิมะปกคลุมอยู่ทุกหนทุกแห่งและมีพื้นที่กว้างใหญ่
“ซูฉิงเธอแน่ใจเหรอว่าคุณอาฉีของเธออยู่ที่นี่” ยวี๋น่าตัวสั่นด้วยความหนาวเย็น
“ถ้าลางสังหรณ์ของฉันถูกต้องน่ะนะ…” ซูฉิงถูมือของเธอเข้าด้วยกัน และอังที่ปากของเธอ “ฉันจำได้ว่าเขาเคยพูดไว้ว่าที่ที่เขาอยากจะมาอยู่มากที่สุดคือภูเขาฉางไป๋”
“โอเค ลางสังหรณ์…” ยวี๋น่ารู้สึกท้อแท้เล็กน้อย
ซูฉิงมองไปที่ยวี๋น่าซึ่งกำลังแข็งตาย “งั้นเราไปถามคนอื่นก่อนดีกว่า”
“อืม” ยวี๋น่าพยักหน้าและมองไปรอบๆ
ที่ตีนเขา มีหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีบ้านไร่เล็กๆ กระจัดกระจายอยู่
ซูฉิงและยวี๋น่าเคาะประตูบ้านหลังหนึ่ง “มีใครอยู่ข้างในไหมคะ?”
เป็นหญิงวัยกลางคนผมหงอกเปิดประตู มองพวกเธออย่างสงสัย “พวกเธอมาหาใคร?”
“แถวนี้มีสถานที่ที่ชื่อว่ายอดเขายวี่ปี่ไหมคะ? ” ซูฉิงถาม
เธอยังคงจำได้ว่าคุณอาฉีเคยพูดว่าหากวันหนึ่งเขามาตั้งรกรากในภูเขาฉางไป๋จริงๆ เขาจะเลือกอาศัยอยู่ยอดเขายวี่ปี่ เพราะที่นั่นมีคนที่เขารักมากที่สุดอยู่
หญิงวัยกลางคนพยักหน้า และชี้ไปยังระยะทางอันไกลโพ้น “อยู่บนภูเขาด้านนั้น”
ยอดเขายวี่ปี่มีจริ!
ซูฉิงดีใจมาก “มันอยู่ไกลจากที่นี่ไหมคะ? ถ้าเราไปที่นั่นตอนนี้ เราจะไปถึงที่นั่นได้เมื่อไหร่คะ?”
หญิงวัยกลางคนมองดูพวกเขาอย่างสงสัย “ที่ที่เหน็บหนาวเช่นนี้ พวกเธอไปทำอะไรที่ยอดเขายวี่ปี่?”
“เรากำลังตามหาคนค่ะ” ซูฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“กำลังหาคน? พวกเธอกำลังตามหาหมอฉีอยู่เหรอ?” หญิงวัยกลางคนนึกขึ้นได้
หมอฉี!
หัวใจของซูฉิงเต้นแรงทันที นามสกุลฉี และยังเป็นหมออัจฉริยะอีก ต้องเป็นลุงฉีไม่ผิดแน่!
“ใช่ค่ะๆๆ” ซูฉิงพยักหน้ารัวๆ “รบกวนคุณน้าช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าจะไปตามหาหมอฉีคนนี้ได้อย่างไร?”
“หนูทั้งสองเข้ามาคุยกันข้างในก่อนเถอะ” หญิงวัยกลางคนมองดูทั้งสองคนที่กำลังจะแข็งตาย และต้อนรับพวกเธอเข้าไปในบ้าน
“คุณน้าช่วยเล่าเกี่ยวกับหมอฉีให้เราฟังหน่อยได้ไหมคะ?” ยวี๋น่าถามด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นท่าทีที่รอแทบไม่ไหวของซูฉิง
หญิงวัยกลางคนนำน้ำร้อนมาให้สองแก้ว “ถ้าพูดถึงหมอฉี เขาเป็นคนแปลกมาก และเขาต้องอยู่ยอดเขายวี่ปี่แน่ เขาเป็นคนดีมาก ถ้าอากาศดีเขาก็จะลงมาจากเขาบ่อยๆ ในหมู่บ้านถ้าใครป่วย เขาก็สามารถช่วยรักษาให้หายได้ ทักษะทางการแพทย์ของเขาดีมาก”
ซูฉิง และยวี๋น่ามองหน้ากัน “ต้องเป็นเขาไม่ผิดแน่”
หญิงวัยกลางคนถามด้วยความสงสัย “พวกเธอรู้จักหมอฉีได้ยังไงเหรอ? เขาเป็นคนที่แปลกมาก เขาไม่เคยให้ใครพูดถึงเขาเลย”
“ปู่ของฉันกับเขาเป็นเพื่อนกัน” ซูฉิงกล่าวตามความจริง
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง” หญิงวัยกลางคนพยักหน้า “สองสามวันมานี้หิมะตกบนภูเขา เขาไม่ลงจากเขาหรอก พวกเธอก็อยู่ในหมู่บ้านสักสองสามวันก่อนสิ รออากาศแจ่มใสเมื่อไหร่ พวกเธอค่อยไปหาเขา”
“ฉันอยากไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” ในเมื่อได้ข่าวคุณอาฉีแล้ว ซูฉิงก็แทบอดใจรอไม่ไหว
แม้ว่าเธอจะรอได้ แต่อาการป่วยของคุณปู่ฮ่อรอไม่ได้
หาอาฉีเจอเร็วขึ้นหนึ่งวัน อาการคุณปู่ฮ่อก็สามารถฟื้นได้เร็วขึ้นอีกหนึ่งวัน
“มันอันตรายมากที่จะขึ้นไปบนภูเขาตอนหิมะตก” หญิงวัยกลางคนยังคงพูดโน้มน้าวซูฉิง และยวี๋น่า “และยิ่งเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่คุ้นทางอีก ไม่ได้ๆ”
“ยวี๋น่า เอางี้นะ เธออยู่ที่นี่แหละ” ซูฉิงครุ่นคิดและพูดออกมา “เธอรอฉันอยู่ที่นี่”
“เธอจะขึ้นเขาไปคนเดียวเหรอ? เธอจะไปได้ยังไง?” ยวี๋น่ารีบดึงซูฉิงไว้ “ทำไมเราไม่รอดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากันล่ะ บางทีพรุ่งนี้หิมะอาจจะหยุดแล้วก็ได้”
“คุณปู่ฮ่อรอไม่ไหวแล้ว” ซูฉิงพูดอย่างหนักแน่น “ยวี๋น่า เธอก็รู้จักฉันดี”
“แต่……”
ยวี๋น่าต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ซูฉิงพูดขัดจังหวะเธอก่อน “อย่างที่ฉันบอก เธออยู่ที่นี่แหละ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับฉันแล้วฉันไม่กลับมา เธอก็ยังหาคนมาช่วยฉันได้นะ”
เมื่อเห็นท่าทีที่แน่วแน่ของซูฉิง ยวี๋น่าก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรอีก ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงถามหญิงวัยกลางคนเกี่ยวกับข้อควรระวังในการเข้าไปในภูเขาอย่างละเอียด และบอกซูฉิงให้ระมัดระวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ฉันทำได้น่า” ซูฉิงสวมเสื้อกันหนาวหนา พันผ้าพันคอสีแดง ใส่ถุงมือผ้าฝ้าย และยิ้มออกมา “รอข่าวดีจากฉันได้เลย[k’!”