นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 192 ฉันพิสูจน์ได้
หลินเหยียนเฟิงนัดอาหารกลางวันกับเพื่อนๆ เมื่อผ่านถนนการค้าเขาเห็นกลุ่มคนยืนอออยู่หน้าประตูบูติก HN
หลังจากเหลือบมองไม่กี่ครั้ง หลินเหยียนเฟิง ก็พบว่าคนที่ถูกฝูงชนล้อมรอบอยู่นั้นดูเหมือนจะเป็นซูฉิง
จากนั้นเขาก็หยุด และเดินเข้าไป ในที่สุดก็มองเห็นได้ชัดเจน
ที่แท้ก็คือสวีหว่านเอ๋อร์และไป๋หลานกำลังหาเรื่องซูฉิง
หลินเหยียนเฟิงไม่เชื่อว่าซูฉิงจะเป็นคนทำให้เสื้อผ้าของไป๋หลานขาด เขากำลังจะเดินเข้าไปช่วยซูฉิง แต่เมื่อคิดๆ ดูแล้วเขาก็เลือกที่จะหยุดเดิน
บางทีเรื่องการเป็นฮีโร่ก็ต้องยกให้ท่านประธานของเขาดีกว่า
แม้ว่าตอนนี้จะมีข่าวซุบซิบมากมายที่บอกว่าท่านประธานทิ้งซูฉิง และกำลังคบกับถังรั่วอิง
แต่จากที่หลินเหยียนเฟิงรู้จักประธานของเขา เขากลับรู้สึกว่าคนที่ประธานของเขารักมากที่สุดคือซูฉิง
ส่วนถังรั่วอิง…
ก็คงเป็นความรับผิดชอบ
เมื่อคิดได้อย่างนั้น หลินเหยียนเฟิงก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาฮ่อหยุนเฉิง
ฮ่อหยุนเฉิงตื่นแต่เช้า เดิมทีเขาวางแผนที่จะไปทำงานที่บริษัท แต่ระหว่างทางเขากลับอดไม่ได้ที่จะขับรถไปทางเฉิงตงฮวาหยวน
หลังจากด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าคอนโดที่ซูฉิงพักอยู่เป็นเวลานาน ฮ่อหยุนเฉิงก็ตัดสินใจเดินขึ้นไปชั้นบน
แต่เขากดกริ่งประตูอยู่นาน แต่ก็ไม่มีใครเปิดประตู
ซูฉิงไม่อยู่บ้าน
ฮ่อหยุนเฉิงโทรหาเธอ แต่เธอปิดเครื่อง
เขาจึงทำได้เพียงขับรถมุ่งหน้ากลับไปที่ฮ่อกรุ๊ปด้วยความหดหู่ใจเล็กน้อย
ทันทีที่เขามาถึงห้องทำงาน เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากหลินเหยียนเฟิง
“หลินเหยียนเฟิงมีเรื่องอะไรเหรอ?” ฮ่อหยุนเฉิงรับโทรศัพท์และถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
เสียงของหลินเหยียนเฟิงดังมาจากปลายสาย “ผมเพิ่งผ่านถนนการค้าเมื่อกี้ และก็เห็นคุณซู”
“ซูฉิง?” ฮ่อหยุนเฮิงถาม
ซูฉิงไปทำอะไรที่ถนนการค้า?
หลินเหยียนเฟิง พยักหน้า “ใช่ ดูเหมือนว่าเธอกำลังมีปัญหา”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน…แต่ดูเหมือนเธอจะเจอปัญหาใหญ่เลย”
หลินเหยียนเฟิงจงใจพูด “ท่านประธาน คุรลองมาดูหน่อยไหมครับ? ”
“ที่ไหน” ฮ่อหยุนเฉิงถาม
หลินเหยียนเฟิงมองไปที่ประตูของร้านบูติก HN และตอบว่า “อยู่หน้าร้านบูติก HN”
“โอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงของฮ่อหยุนเฉิงเป็นกังวลเล็กน้อย
หลังจากวางสายแล้ว ฮ่อหยุนเฉิงก็เตรียมตัวไปที่ถนนการค้าทันที เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นถังรั่วอิงเดินเข้ามาพร้อมกับกระติกน้ำร้อน
“พี่เฉิง นี่เป็นอาหารเช้าที่ฉันตั้งใจทำให้พี่โดยเฉพาะเลยนะ พี่ลองชิมดู” ถังรั่วอิงเดินไปหาฮ่อหยุนเฉิง และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
เธอรู้ว่าฮ่อหยุนเฉิงเป็นพวกบ้างาน วันหยุดต้องมาทำงานอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงตั้งใจทำอาหารเช้ามาให้ฮ่อหยุนเฉิงเพื่อทำให้เขาประทับใจ
แต่ฮ่อหยุนเฉิงกลับไม่แม้แต่จะมองเธอเลย เขาพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถังถัง ฉันมีธุระ ฉันไปก่อนนะ”
“พี่เฉิง พี่จะไปไหน? ฉันไปด้วย!” ถังรั่วอิงรีบตามไป
เมื่อกี้เธอได้ยินฮ่อหยุนเฉิงคุยโทรศัพท์ ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับซูฉิง
เมื่อเห็นว่าฮ่อหยุนเฉิงกังวลเรื่องซูฉิงมาก แววตาของถังรั่วอิงก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความหึงหวงออกมา
ซูฉิง ซูฉิงอีกแล้ว!
“ถังถัง เธอกลับไปก่อนเถอะ” ฮ่อหยุนเฉิงพูดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
เมื่อกี้หลินเหยียนเฟิงพูดผ่านโทรศัพท์ไม่ค่อยชัดเจน เขาจึงต้องการไปที่ถนนการค้าโดยเร็วที่สุดเพื่อดูว่าซูฉิงมีปัญหาอะไร
“พี่เฉิง ให้ฉันไปกับพี่เถอะนะคะ…” ถังรั่วอิงดึงฮ่อหยุนเฉิงแน่น และตามเขาไปที่รถของเขาด้วย
เมื่อฮ่อหยุนเฉิง และถังรั่วอิงมาถึงถนนการค้า
สิ่งที่เห็นคือซูฉิงกำลังถูกสวีหว่านเอ๋อร์และไป๋หลานหาเรื่องอยู่
“เป็นไงล่ะซูฉิง แค่เธอคุกเข่าและขอโทษฉัน ฉันก็จะไม่ถือเรื่องที่เธอทำเสื้อผ้าของฉันขาดแล้ว” ไป๋หลานกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
เมื่อเห็นท่าทียั่วยุของไป๋หลาน ซูฉิงก็เหลือบมองเธอนิ่งๆ และถามว่า “ถ้าหลักฐานบอกว่าไม่ใช่ว่าฉันที่ทำเสื้อผ้าของเธอพัง แต่เพราะเธอจงใจใส่ร้ายฉัน แบบนั้นเธอควรจะคุกเข่าและขอโทษฉันด้วยไหม?”
ไป๋หลานลังเลอยู่ครู่หนึ่งและก่อนที่เธอจะพูด สวีหว่านเอ๋อร์ก็พูดขึ้นก่อนว่า “ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ไป๋หลานเธอกลัวหล่อนหรือไง?”
“ไป๋หลาน งั้นเธอก็ตกลงใช่ไหม?” ซูฉิงเอามือกอดอกของเธอ แล้วถามไป่หลานอย่างเย็นชา
ไป๋หลานกัดฟันและตอบ “ตกลง!”
เพราะยังไงเธอก็ทำอย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว และจะไม่มีทางที่เรื่องมันจะถูกเปิดเผยออกมา
ถึงตอนนั้นซูฉิงต้องพูดไม่ออกแน่ เธอต้องทำให้ซูฉิงคุกเข่าต่อหน้าเธอ และขอความเมตตาจากเธอให้ได้
ซูฉิงเดินตามไป๋หลานและสวีหว่านเอ๋อร์ไปที่ร้านบูติกด้วยกัน
นักข่าวก็แบกกล้องตามมา
สวีหว่านเอ๋อร์พูดกับพนักงานว่า “ไปเรียกผู้จัดการร้านของคุณมา”
เมื่อเห็นท่าทางของสวีหว่านเอ๋อร์พนักงานเสิร์ฟก็ต้องโทรไปเรียกผู้จัดการร้าน
สิบนาทีต่อมา ผู้จัดการร้านก็รีบวิ่งเข้ามา
“คุณสวีต้องการความช่วยเหลืออะไรเหรอครับ?” ผู้จัดการร้านถามด้วยความเคารพ
เพราะสวีหว่านเอ๋อร์เป็นลูกสาวคนโตของตระกูลสวี และเป็นลูกค้าวีไอพีของร้านของพวกเขา เธอเพิ่งจะซื้อของมากมายจากร้านของพวกเขาไปเมื่อกี้
“คืออย่างนี้นะ” สวีหว่านเอ๋อร์กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “เมื่อกี้ฉันกับเพื่อนกำลังซื้อของที่ร้านของคุณ เพื่อนของฉันถูกทำร้าย และเสื้อผ้าของเธอก็เสียหาย ฉันหวังว่าคุณจะหาหลักฐานมาอธิบายได้”
“มีเรื่องอย่างนี้ด้วยเหรอครับ?” ผู้จัดการร้านมองพนักงานด้วยสายตาเต็มไปด้วยความสงสัย
พนักงานก้มศีรษะลง กัดริมฝีปากแล้วพูดว่า “ตอนนั้นผมกำลังยุ่งอยู่กับการต้อนรับลูกค้า จึงไม่ได้สนใจครับ”
สวีหว่านเอ๋อร์ชี้ไปที่รูบนชุดของไป๋หลาน และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เห็นไหม? นี่คือสิ่งที่ซูฉิงทำ”
“ไม่ต้องพูดมากหรอก แค่ไปดูกล้องวงจรปิดซะ” ซูฉิงไม่อยากจะเถียงกับพวกเขาอีก
ผู้จัดการร้านเรียกหัวหน้ารปภ.มา “ไปเปิดกล้องวงจรปิด”
ผ่านไปครู่หนึ่ง หัวหน้ารปภ.ก็กลับมาจากห้องควบคุมและกล่าวขอโทษ “ขออภัยครับผู้จัดการ กล้องวงจรปิดถ่ายไว้ไม่ได้ครับ”
ถ่ายไว้ไม่ได้?
เมื่อซูฉิงได้ยินคำพูดนั้น หัวใจของเธอก็แข็งค้างอยู่ครู่หนึ่ง
เธอเงยหน้าขึ้นและมองกล้องที่ติดตั้งที่ประตูอย่างตั้งใจ มันยังทำงานได้ตามปกติ
ตำแหน่งของกล้องน่าจะสามารถจับภาพฉากที่เมื่อกี้ไป๋หลานขวางทางเธอได้อย่างชัดเจน และเธอก็แค่ผลักไป๋หลานเบาๆ
ทำไมถ่ายไว้ไม่ได้ล่ะ?
มุมปากของไป๋หลานยกยิ้มอย่างพอใจ เธอเดินไปข้างหน้าซูฉิง และกระแอมไอก่อนจะกล่าวว่า “ซูฉิง แม้ว่ากล้องวงจรปิดจะถ่ายไว้ไม่ได้ แต่ฉันทั้งคู่เห็นว่าเธอทำเสื้อผ้าของฉันขาดนะ
และเสื้อผ้าของฉันก็เป็นหลักฐานทางกายภาพด้วย มีลายนิ้วมือของเธอติดอยู่ด้วย
ฉันแนะนำให้เธอหยุดขัดขืนซะ รีบคุกเข่าลงและขอโทษฉันเดี๋ยวนี้! ”
ซูฉิงมองไป๋หลานอย่างเย็นชา “ในเมื่อกล้องวงจรปิดจับอะไรไว้ไม่ได้เลย ก็ไม่ได้พิสูจน์ว่าฉันทำเสื้อผ้าของเธอขาดนี่”
“ฉันพิสูจน์ได้” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น