นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 293 มั่นใจไม่เปลี่ยนแปลง
วันถัดไป
ซูฉิงตื่นขึ้นด้วยอาการมึนงงก่อนจะขยี้ตา
เห็นเพียงยวี๋น่าที่นั่งอยู่บนหัวเตียงเป็นเพื่อนเธอ
“ซูฉิง เธอตื่นแล้วเหรอ?” ยวี๋น่าถามด้วยความเป็นห่วง “รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ” เมื่อเจอเข้ากับยวี๋น่าที่เป็นกังวล หัวใจของซูฉิงก็รู้สึกอบอุ่นขึ้น
“จริงสิ คุณอาฉีให้ฉันเอามันให้เธอ” ยวี๋น่าหยิบขวดยาออกมายื่นให้ซูฉิง ก่อนจะอธิบายข้อควรระวังที่ฉียวี่ชูสั่งไว้
ซูฉิงรับยาที่ฉียวี่ชูให้ไว้กับยวี๋น่า “คุณอาฉีไปแล้วเหรอ?”
“อื้ม เขาให้เธอดูแลตัวเองดีๆ” ยวี๋น่าตอบ
ซูฉิงพยักหน้า “ยวี๋น่า รบกวนเธอเอาคอมพิวเตอร์ฉันมาให้ทีสิ”
“เธอยังไม่ฟื้นตัวดี หยุดทำงานพวกนั้นก่อนดีกว่า” ยวี๋น่าคิดว่าซูฉิงกำลังจะเริ่มต้นโหมดคนบ้างานอีกครั้ง จึงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจทันที
แม้จะบอกว่าจุดประสงค์ของการมาครั้งนี้คือเพื่อหารือเกี่ยวกับการแข่งขันด้านการออกแบบกับซูฉิง แต่อาการบาดเจ็บของซูฉิงยังไม่หายดี และเธอก็ไม่อยากให้ซูฉิงเหนื่อยเกินไป
ซูฉิงยิ้ม “ฉันไม่ได้จะทำงาน ฉันกับฮ่อหยุนเฉิงกำลังจะหมั้นกัน ชุดหมั้นของเรา ฉันก็ต้องออกแบบเองสิ”
ยวี๋น่าตกตะลึง เที่มื่อคืนซูฉิงไปคุยกับฮ่อหยุนเฉิง คุยกันเรื่องนี้น่ะเหรอ?
“เธอแน่ใจแล้วเหรอ?” ยวี๋น่ายังคงกังวลเล็กน้อย กังวลว่าเป็นเพราะฮ่อหยุนเฉิงช่วยเธอ ถึงได้ตอบตกลงเพราะบุญคุณ “เธอไม่ได้ไม่ชอบถังถังนั่นเหรอ?”
ซูฉิงส่ายหัวพร้อมกับริยยิ้มประชดประชันที่มุมปาก “ถังรั่วอิงยัยขี้แอ๊บนั่นน่ะเหรอ? ตราบใดที่ใจฮ่อหยุนเฉิงสามารถแยกแยะว่าใครสำคัญกว่าก็พอ อีกอย่างหล่อนก็อยู่ดีดดิ้นได้อีกไม่นาน”
ทางแอนโธนี่เจอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับถังรั่วอิงและซูฉิงมั่นใจว่าถังถังเป็นตัวปลอม
แต่ว่าสัญชาตญาณบอกเธอว่าต้องมีการสมคบคิดครั้งใหญ่อยู่เบื้องหลังถังรั่วอิงแน่
ดังนั้นเธอจึงไม่รีบร้อนที่จะเปิดเผยถังรั่วอิง
ถ้าจะลงมือ ต้องถอนรากถอนโคน
“ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว ฉันก็วางใจ” ยวี๋น่าพยักหน้า
เธอเห็นว่าฮ่อหยุนเฉิงจริงใจกับซูฉิง
เพื่อซูฉิง ไม่สนแม้แต่ชีวิต เขาเอาชีวิตมาตีความว่าเขารักเธอมากแค่ไหน ผู้ชายแบบนี้มีค่าควรแก่การฝากชีวิตไว้
เพียงแต่ขาของเขา…ช่างน่าเสียดาย
“ยวี๋น่า เธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันคิดไว้แล้วล่ะ ฉันรักฮ่อหยุนเฉิง” ซูฉิงกล่าวอย่างหนักแน่น
“อื้ม” อันที่จริงยวี๋น่ามองออกอยู่แล้วว่าใจซูฉิงมีแต่ฮ่อหยุนเฉิง ตอนนี้ซูฉิงสามารถเผชิญหน้ากับหัวใจของเธอได้ เธอเองก็ดีใจแทนเจ้าตัวไปด้วย
“ฉันจะไปเตรียมให้เธอเอง อยากได้อะไรอีกไหม บอกมาได้เลย ฉันจะเตรียมการให้เอง”
ซูฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยฉันเตรียมผ้าหน่อย เอาที่ดีที่สุด เท้าฉันยังไม่สะดวก เธอเลือกให้ฉันหน่อยนะ”
“ได้เลย” ยวี๋น่าตกลงและหันหลังเดินออกไป
ซูฉิงมองยวี๋น่าเดินออกไปก่อนจะดึงรถเข็นที่อยู่ข้างๆมานั่ง เพื่อจะไปหาฮ่อหยุนเฉิง
เธอเคาะประตูห้องฮ่อหยุนเฉิง และเสียงเย็นชาของเขาดังขึ้นอย่างรวดเร็ว “เข้ามา!”
ซูฉิงเข็นรถเข็นเข้าไปด้านในก็เห็นฮ่อหยุนเฉิงนั่งอยู่บนเตียง บนเตียงมีขวดยาและผ้าก๊อซ
“นายจะทำอะไรน่ะ?” ชูฉิงมองเขาด้วยความสงสัย ก่อนจะไปถึงข้างเตียง
“เปลี่ยนยาน่ะ” ริมฝีปากบางของฮ่อหยุนเฉิงเบะออกน้อยๆ ทั้งยังมีสีหน้าไม่ชอบใจ
“’งั้นฉันเรียกพยาบาลมาช่วยนะ” ซูฉิงที่ไม่คิดเยอะก็เตรียมจะไปเรียกพยาบาล
วินาทีถัดมาก็ถูกแขนยาวดึงไว้ “อย่าไปนะ พ่อบ้านหลี่ทำธุระเสร็จก็มาช่วยฉันแล้ว”
“ทำไมต้องรอพ่อบ้านหลี่ล่ะ พยาบาลทำไม่ได้เหรอ?” ซูฉิงสงสัย
ฮ่อหยุนเฉิงเลิกคิ้วขึ้น “เธออยากให้ผู้หญิงคนอื่นเห็นและสัมผัสร่างกายของฉันเหรอ?”
ซูฉิงพูดไม่ออก ทำไมคำพูดมันถึงฟังแปลกๆ นะ
แม้ว่าเธอจะรู้ว่าพยาบาลต้องปฏิบัติต่อผู้ป่วยด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ แต่เมื่อเธอได้ยินคำพูดของฮ่อหยุนเฉิงก็อดรู้สึกไม่ได้
เธอไม่อยากเห็นเป็นแบบนั้นจริงๆ
“งั้นฉันช่วยนายเอง” ซูฉิงคิดอยู่สักพักก็พูดออกมา
“แต่เท้าของเธอ?” ฮ่อหยุนเฉิงมองเท้าของเธอด้วยดวงตาเข้ม
“ไม่เป็นไร แค่เท้าบาดเจ็บเอง ไม่ได้พิ…”
ซูฉิงที่นึกขึ้นได้ก็รีบเปลี่ยนเรื่อง “อะแฮ่ม ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น นายอย่าเข้าใจผิดล่ะ”
ฮ่อหยุนเฉิงพูดเสียงเบา “ไม่เป็นไร”
ซูฉิงมองฮ่อหยุนเฉิงที่บอกไม่เป็นไร แต่นัยน์ตากลับปรากฏร่องรอยถึงความเจ็บปวด จนรู้สึกปวดใจมากขึ้น
เธอลงจากรถเข็นและจับมือฮ่อหยุนเฉิง ก่อนจะพูดอย่างเคร่งขรึม “ไม่ต้องห่วง ฉัน ซูฉิงคนนี้ไม่มีทางรังเกียจนายแน่นอน! อีกอย่าง ขาของนายต้องหายดีแน่นอน!”
“ฉันเชื่อในตัวเธอ” ฮ่อหยุนเฉิงมองเธอด้วยดวงตาสีดำขลับที่ฉายถึงความอ่อนโยน
“แผลอยู่ตรงไหนล่ะ?” ซูฉิงถามพร้อมกับมองลึกลงไปในดวงตาของเขา
ตอนพวกเขาตกลงมาจากหน้าผา เธอไม่เห็นอะไรนอกจากบาดแผลที่ขาของเขา
“ที่หลังน่ะ” ฮ่อหยุนเฉิงหันหลัง นิ้วเรียวปลดกระดุมที่หน้าอกทีละเม็ดพลางถอดเสื้อออกจนเผยให้เห็นแผ่นหลังที่แข็งแรงและเรียบเนียนของเขา
หลังของเขา…
ลมหายใจของซูฉิงหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เธอเป็นหมอที่เคยเรียนแพทย์กับฉียวี่ชู
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นบาดแผลน่าสยดสยองขนาดนี้
หลังของเขาแทบไม่มีตรงไหนที่สภาพดี เป็นหลุมเป็นบ่อ ทั้งยังมีหนองและเลือดไหลออกมา ผิวหนังเปิด เพียงแวบแรกก็รู้ว่าปะทะกันอย่างแรง
ภาพการตกจากหน้าผาแวบเข้ามาในหัวซูฉิง เป็นเขาที่คว้าตัวเธอไว้ก่อนจะโอบเธอไว้ในอ้อมแขน และใช้หลังตัวเองเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เธอชนกับภูเขา
เป็นผลให้เขาเป็นคนเดียวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ดวงตาของซูฉิงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที มือเธอที่ถือขวดยาและสำลีก้านนั้นสั่นเล็กน้อย
เธอเจ็บปวดใจมาก
“เจ็บมากใช่ไหม?” ซูฉิงถามเขา เพียงอ้าปากพูดน้ำเสียงของเธอก็สั่น
“ไม่เป็นไร” ฮ่อหยุนเฉิงยักไหล่ “ตราบใดที่เธอไม่เป็นไร ฉันก็ไม่เป็นไร”
เขาพูดแบบนั้นทำให้ใจซูฉิงยิ่งผูกติดไปด้วยกัน
ดวงตาของซูฉิงแดงอย่างอดไม่ได้ก่อนจะสูดจมูก “ฮ่อหยุนเฉิง นายไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะรักษาแผลให้นายอย่างดี จะไม่ให้ทิ้งรอยแผลเป็นไว้เลย”
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ สงบสติอารมณ์ แล้วหยิบสำลีก้านมาจัดการกับบาดแผลของเขาอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าที่จะรีรอ
ในขณะที่มีสมาธิและจริงจัง เธอจึงไม่เห็นความเจ้าเล่ห์ที่แวบในดวงตาเหมือนหมาป่าของฮ่อหยุนเฉิงที่หันหลังให้เธอ
ผู้หญิงตัวน้อยคนนี้จะต้องไม่เปลี่ยนไปจากเขาอย่างแน่นอน
ฮ่อหยุนเฉิงอารมณ์ดี แต่ใบหน้าของเขากลับมีแต่ความรู้สึกเศร้า
หลังจากการจัดการแผลนานกว่าหนึ่งชั่วโมง ซูฉิงก็รอให้ยาแห้งและพันแผลให้เขา ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“รีบสวมเสื้อเร็ว ระวังอย่าเป็นหวัด” ซูฉิงหยิบเสื้อขึ้นอย่างระมัดระวังและติดกระดุมด้วยมือตัวเอง
“เธอร้องไห้เหรอ?”
เสียงนุ่มนวลของเขาดังมาจากเหนือศีรษะของเธอ
ซูฉิงก้มศีรษะลง “เปล่านี่”
“ฉันได้ยินนะ” ฮ่อหยุนเฉิงเหยียดมือออกเชยคางอีกคนขึ้นเบาๆ ก็เห็นคราบน้ำตาจางๆ บนใบหน้าเล็กๆใสสะอาดของเธอ
ทันใดนั้นฮ่อหยุนเฉิงก็รู้สึกเสียใจ เขาไม่ควรจะโกหกเธอใช่ไหม?