นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 296 ถังรั่วอิงกลับใจ
ดวงตาของถังรั่วอิงเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก่อนจะกัดริมฝีปากและถามเบาๆ “คุณซู คุณยังไม่เต็มใจที่จะยกโทษให้ฉันใช่ไหมคะ?”
ไม่รอให้ซูฉิงได้ตอบ เธอก็มองไปยังฮ่อหยุนเฉิงอย่างน่าสงสาร
“พี่เฉิง ฉันรู้ว่าพี่ยังโกรธฉันอยู่ ฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรอิจฉาคุณซู ไม่ควรใส่ร้ายเธอ และไม่ควรไปสนใจผลประโยชน์ของตระกูลฮ่อกรุ๊ป ก่อนที่ฉันจะมาโรงพยาบาล ฉันก็ได้ไปวัดและทบทวนถึงสิ่งที่ฉันทำไปแล้ว”
ถังรั่วอิงหยิบเครื่องรางแห่งสันติภาพออกมาวางไว้ตรงหน้าฮ่อหยุนเฉิงอย่างนุ่มนวล
“นี่คือเครื่องรางแห่งสันติภาพที่วัดที่ฉันไปขอมาให้พี่ หวังว่าพี่จะปลอดภัย ฉันไม่ขอการอภัยจากพี่ ตอนนี้ฉันหวังแค่อยากให้ร่างกายพี่ดีขึ้นเร็วๆ จากนั้นก็เห็นพี่กับคุณซูเดินเข้าห้องโถงงานแต่งงาน”
คำพูดของถังรั่วอิงจริงใจจนน่าประทับใจ
ซูฉิงที่นั่งเงียบๆ ข้างหัวเตียงมองการแสดงของถังรั่วอิงอย่างเย็นชา
ช่างแกล้งแอ๊บได้อะไรขนาดนี้!
ดวงตาสีเข้มของฮ่อหยุนเฉิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน และในที่สุดเขาก็มองเธอตรงๆ
ความผิดที่เธอทำไม่สมควรได้รับการให้อภัยจริงๆ แต่เธอคือถังถัง ไม่ว่าจะอะไร เธอก็เป็นคนเดียวที่ช่วยชีวิตเขาในตอนนั้น และเธอก็เป็นคนที่ให้ชีวิตกับเขา
หากถังรั่วอิงรู้ว่าตัวเองผิดจริง และสำนึกผิดอย่างจริงใจ เขาก็สามารถให้โอกาสเธอแก้ตัวได้ แต่เขาจะไม่ให้เธอมาทำร้ายซูฉิงอีกแน่นอน
“หวังว่าต่อไปพี่จะมีชีวิตที่ดีนะคะ” ท่าทีของฮ่อหยุนเฉิงนั้นนิ่งจนมองไม่เห็นถึงความผันผวนใด ๆ ในดวงตาของเขา
เมื่อเผชิญกับความเฉยเมยแปลกแยกของฮ่อหยุนเฉิง ถังรั่วอิงก็รู้สึกเจ็บปวดใจ แต่ก็ยังคงทำหน้าตาผ่องใส “ขอบคุณพี่เฉิงที่ให้โอกาสฉันนะ”
“งั้นเรายังเป็นเพื่อนกันได้ไหม?” เธอถามอย่างระมัดระวังด้วยน้ำเสียงขี้ขลาด
ฮ่อหยุนเฉิงหรี่ตาอย่างเย็นชา มองไปยังซูฉิง เมื่อเห็นว่าเธอมีท่าทีนิ่งๆ ในที่สุดจึงพยักหน้า
“ฉันดีใจมากเลยพี่เฉิง!” ดวงตาของถังรั่วอิงเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ก่อนจะมองฮ่อหยุนเฉิงอย่างลึกซึ้ง “งั้นพวกคุณพักผ่อนเถอะ ฉันไม่รบกวนแล้วล่ะ”
เธอพูดอย่างว่องไวก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างเฉียบขาด
ขณะที่เธอเดินออกจากประตูห้อง ใบหน้าของถังรั่วอิงก็ลงทันที
ซู! ฉิง!
ยัยเลวหน้าไม่อาย!
ตราบใดที่เธอยังอยู่ เธอจะไม่ปล่อยให้ซูฉิงแย่งฮ่อหยุนเฉิงไปได้แน่!
ยวี๋น่าไปที่เมืองใหม่สุ่ยเยว่เพื่อเอาคอมพิวเตอร์ให้ซูฉิง ขณะที่กำลังไปที่ห้องผู้ป่วยก็เห็นถังรั่วอิงที่มีใบหน้าที่มืดมนเดินออกมาจนตกใจ
เมื่อเห็นยวี๋น่า ถังรั่วอิงก็ยิ้มหวานทันที “คุณยวี๋ ฉันมาเยี่ยมพี่เฉิงกับคุณซูน่ะค่ะ”
ยวี๋น่าพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้สนใจถังรั่วอิงมากก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในห้อง
ทันทีที่ถังรั่วอิงไป ยวี๋น่าก็เข้ามาพร้อมกับสิ่งที่ซูฉิงขอให้เธอนำมาด้วย
เธอหรี่ตาลงและวางของลง เมื่อเห็นตรงหน้าฮ่อหยุนเฉิงและซูฉิงมีชามวางอยู่ก็รีบเดินไปหยิบมันขึ้นมาและพูดอย่างประหม่า
“ฉันเพิ่งเจอกับถังรั่วอิง หล่อนเอามาใช่ไหม? ฉันจะเอาไปตรวจหน่อย ถ้าหล่อนวางยาพิษจะทำไงล่ะ?”
ยวี๋น่าเห็นมานักต่อนักแล้ว ทั้งยังเห็นวิธีการที่น่าขยะแขยงมามากมาย
แต่ไม่เคยเห็นถังรั่วอิงเป็นแบบนี้ ทั้งขยะแขยงทั้งบ้าคลั่ง
เธอเพิ่งได้เห็นว่าผู้หญิงทุกคนที่เข้าไปพัวพันกับฮ่อหยุนเฉิงไม่ใช่คนปกติ ทั้งหมดต่างเป็นคนบ้าทั้งนัน!
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของยวี๋น่า ซูฉิงก็หัวเราะอย่างโง่เขลา “ไม่ต้องห่วง ชามนี้ไม่มีพิษหรอก”
หลังจากหยุดชั่วคราว ซูฉิงก็จ้องไปที่ฮ่อหยุนเฉิงด้วยความโกรธ “คิดว่าถังรั่วอิงจะวางยาพิษพี่เฉิงสุดที่รักของหล่อนลงหรือไง?”
ฮ่อหยุนเฉิง: …
เขากระตุกมุมปาก ท่าทางหึงหวงของผู้หญิงคนนี้ก็น่ารักดีนะ
ยวี๋น่าถึงได้โล่งใจ “ฉันก็แค่เป็นห่วงเอง”
เธอยื่นคอมพิวเตอร์และผ้าให้ซูฉิง “ฉันเอาของมาให้แล้ว ฉันไปก่อนนะ”
ยวี๋น่าไม่ต้องการอยู่เป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่หรอก
เมื่อยวี๋น่าจากไป ซูฉิงก็เห็นว่าฮ่อหยุนเฉิงกำลังดูเอกสารอย่างจริงจัง เธอจึงไม่รบกวนเขา
เธอเอาของที่ยวี๋น่านำมาเปิดดู ก่อนจะหยิบปากกาและพิมพ์เขียว ออกมาออกแบบชุดหมั้นของเธอกับฮ่อหยุนเฉิง
ตอนที่ซูฉิงเป็นคนบอกว่าจะหมั้นกับฮ่อหยุนเฉิง ในหัวเธอก็เกิดแรงบันดาลใจและความคิดถึงชุดหมั้นอยู่แล้ว
ทันทีที่วาด ซูฉิงก็เข้าโหมดสมาธิ
พอรู้สึกตัวอีกที ซูฉิงก็เชยตามองฮ่อหยุนเฉิงที่นั่งบนรถเข็น ดวงตาลึกล้ำคู่นั้นก็กำลังมองมาที่เธอ
“นี่คือชุดหมั้นที่เธอออกแบบเหรอ?” ฮ่อหยุนเฉิงเลิกคิ้วและเอ่ยปากชมอย่างไม่ลังเล “สวยจัง”
ซูฉิงวางปากกาในมือ ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างได้ก่อนจะมองที่ขาของเขาอย่างสงสัย
“ขาของนาย…พิการจริงเหรอ? ทำไมฉันรู้สึกว่ามันคล่องตัวกว่าคนปกติอีกล่ะ”
“ผลการวินิจฉัยของอาจารย์ฉี เธอคิดว่าฉันจะโกหกเธอเหรอ?” ฮ่อหยุนเฉิงหลุบตาลง เดิมที่ฉายถึงความอ่อนโยน แต่ตอนนี้กลับสูญเสียความเป็นประกายไป
เขาเข็นรถหันกลับไป “ถ้าเธอเสียใจ ฉันจะปล่อยเธอไป”
เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนั้น ซูฉิงก็อธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันแค่อยากจะบอกว่าถ้านานมีอะไรก็บอกฉันได้ อย่าไปไหนมาไหนเอง ตอนนี้ขานายได้รับบาดเจ็บ…มันไม่สะดวก”
“ฉันแค่ไม่อยากเป็นของไร้ค่า” ฮ่อหยุนเฉิงก้มศีรษะ ขนตาที่โค้งงอของเขาสั่นเทาเบาๆ จนดูน่าวิตกมาก
“ฉัน…”
ซูฉิงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกฮ่อหยุนเฉิงขัดจังหวะ “ฉันจะออกไปสูดอากาศ เธอไม่ต้องสนใจฉันหรอก”
สิ้นเสียง ฮ่อหยุนเฉิงก็เข็นรถออกจากห้องไป
ซูฉิงซึ่งอยู่บนเตียงจ้องไปที่สมุดวาดเขียนในมือของเธออย่างงงๆ ชุดราตรีแบบเกาะอกและชุดสูทเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
ใจซูฉิงเกิดรู้สึกหงุดหงิด ทำไมเธอถึงสงสัยเขา?
คำพูดของเธอต้องทิ่มแทงหัวใจของฮ่อหยุนเฉิงแน่
จู่ๆ เขาที่เป็นคนปกติได้เปลี่ยนเป็นคนพิการ ใจคงรับไม่ไหว
แม้ว่าใบหน้าเขาจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจอยู่เสมอ แต่ในใจคงเสียใจมาก
แต่เธอก็ยังไปสงสัยเขา
ขณะนั้นซูฉิงก็รู้สึกอึดอัดใจ ราวถูกบีบด้วยมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น เจ็บปวดจนไม่สามารถหายใจได้
เธอรีบกระโดดลงจากเตียง อดกลั้นกับความเจ็บปวดที่ฝ่าเท้าก่อนจะสวมรองเท้าแตะและออกไปหาฮ่อหยุนเฉิง
เหตุนั้น ซูฉิงจึงค้นหาทั่วทั้งอาคารของแผนกผู้ป่วยใน แต่ก็ไม่เจอฮ่อหยุนเฉิง
คงจะไม่ได้…
ซูฉิงค้ำกำแพงยืนหอบ เขาหายไปไหนกันนะ?
ซูฉิงค้นหาทุกชั้น แต่ไม่เจอฮ่อหยุนเฉิง สุดท้ายเธอก็ขึ้นไปบนดาดฟ้า
ทันทีที่กวาดตามองก็เห็นรถเข็นที่ว่างเปล่าอยู่บนขอบดาดฟ้า
ดวงตาของซูฉิงเบิกกว้าง ในหัวของเธอว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง เธอวิ่งเข้าไป รถเข็นว่างเปล่าและไม่มีใครอยู่รอบๆ เลย
เธอมั่นใจว่ารถเข็นนี้เป็นของฮ่อหยุนเฉิง
เขาคงไม่เผลอร่วงลงไปใช่ไหม?
ซูฉิงหันหลังกลับไปมองใต้ดาดฟ้า แต่มันมืดจนไม่เห็นอะไร
“ฮ่อหยุนเฉิง!” ซูฉิงตะโกนเสียงดังลั่น